soi2

โดย : อาจารย์สวิง บุญเจิม ป.ธ.๙  M.A.

[ วรรณกรรมคำสอย | ความเป็นมาของความสอย | ข้อดีของความสอย | ความสอยเรียงตามอักษร ]

alert2ความเป็นมาของความสอย

นอีสานเป็นเผ่าชนที่มีอารมณ์ศิลปิน ศิลปินอีสานอาจกล่าวได้ว่า ร้องลำทำเพลงได้ทุกประเภทและทุกชาติ บ่อยครั้งที่คนอีสานรับจ้างเล่นงิ้วให้กับคนจีน เขาเล่นได้โดยไม่ต้องฝึกหัดงิ้ว ที่เป็นดังนี้เพราะเป็นไปได้ที่คนอีสานกับคนจีน มีชีวิตความเป็นอยู่สัมพันธ์กันมาตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำฮวงโหแยงซีเจียงแล้ว

ความสอยเป็นมุขตลกนอกเวที ความสอยนี้จะใช้กันในเวลาฟังลำ โดยเฉพาะในจังหวะเดินกลอนและร่ายลำที่เร้าใจที่สุด ความสอยนี้นิยมใช้กับหมอลำเท่านั้น ไม่ปรากฏว่ามีการใช้กับการบันเทิงประเภทอื่น เหมือนการแถมสมภารมักจะใช้ขณะที่พระเทศน์ด้วยเสียงไพเราะเท่านั้น

ความสอยนี้ไม่มีหลักฐานว่าเกิดขึ้นที่ไหน เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด และเกิดขึ้นกับชนเผ่าใด จากการสันนิษฐานตามรูปการณ์ของมัน ก็พอจะเห็นได้ว่า มันเกิดขึ้นจากลุ่มแม่น้ำฮวงโหแยงซีเจียง เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว เกิดกับชนชาติเผ่าอ้ายลาว และเกิดเวลามีอารมณ์สนุกตอนฟังลำเท่านั้น ฟังอย่างอื่นไม่เห็นมีสอยและชนชาติที่สอยได้ ก็คือชนชาติอ้ายลาวเท่านั้น

ความสอยนั้น ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็สอยได้ คนที่สอยได้นั้นจะต้องเป้นคนฉลาดและมีไหวพริบ และมีปฏิภาณดี ความสอยเป็นสำนวนคล้องจอง ใช้หลายภาษาสลับกันได้ แต่ที่เห็นใช้เป็นหลักอยู่ก็คือภาษาไทยอีสาน และมีภาษาไทยกลางบ้าง แต่ก็ใช้เป็นภาษาประกอบเท่านั้น

บรรพบุรุษของคนอีสาน เป็นคนฉลาดคิดค้นความสอยนี้ขึ้นมาใช้อย่างมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการใช้ ใช้ก็ใช้ในเวลามีคนรวมกันมากๆ ด้วย คนจำนวนน้อยไม่ค่อยใช้กันเพราะใช้แล้วไม่สนุก เมื่อมองถึงวัตถุประสงค์และเป้าหมายดังกล่าวแล้ว ความสอยจึงสามารถจัดแบ่งออกได้เป็น 5 รูปแบบดังนี้

  1. แบบสนุกสนาน ความสอยประเภทนี้วัตถุประสงค์ก็เพื่อคลายเครียดเท่านั้น ไม่มีอะไรมากมายไปกว่านั้น ภาษาที่ใช้ซึ่งคนที่เข้าใจตนเองว่าเป็นบัณฑิตอาจจะคิดว่าหยาบก็ได้ แต่คนอีสานเขาไม่ถือกัน เขารู้ดีว่าศิลปะและศาสตร์มันต้องเดินคู่กัน มันจึงจะไม่เครียด ตัวอย่างคำสอยดังกล่าวนั้น เช่น
    • สอย สอย พี่น้องฟังสอย
      ลิงกินกล้วย มันนั้นกินเบิ้ดหวี
      บาดห่าหีกินโคย ดูดกินแต่น้ำ
    • สอย สอย พี่น้องฟังสอย
      ตดบ่ดัง เขาเอิ้นว่าตดสูด
      ตดดังปู้ด เขาเอิ้นว่าตดผู้นำ
      ตดแล้วขี้ออกนำ เขาเอิ้นว่าตดต่อน
      ตดเป็นสีฮ้อนๆ ระวังขี้หยอดเด้อะ
  2. แบบล้อเลียน ความสอยประเภทนี้ มีวัตถุประสงค์จะล้อเลียนใครสักคนหนึ่ง แต่ไม่ระบุตัวไม่สามารถเอาผิดกันได้ คนฟังก็รู้และหัวเราะสนุกกันไป แต่ความหมายกินใจมาก เช่น
    • สอย สอย พี่น้องฟังสอย
      ครูบ้านเผิ่น บ่คือครูบ้านโต
      ครูบ้านเผิ่น สอนวิชาการศึกษา
      บาดห่าครูบ้านโต ล่อสี้แต่ลูกศิษย์
      จังซี้กะว่าสอย
    • สอย สอย พี่น้องฟังสอย
      เมียชาวบ้าน บ่คือเมีย ซาอุ
      เมียซาอุ สาธุ แต่โคยใหญ่
  3. แบบเตือนสติ ความสอยประเภทนี้ มีวัตถุประสงค์จะเตือนใครสักคนหนึ่ง ให้ระวังตัวว่า ตนเองอาจจะเดินทางผิด หรืออาจจะบกพร่องในหน้าที่ ซึ่งผู้ทำผิดเองจะรู้ตัวและกลับตัวกลับใจ หรือถ้าไม่ได้ฟังแต่ญาติหรือเพื่อนไปฟังก็จะเอามาเล่าสู่กันฟัง พร้อมทั้งเตือนสติให้กลับตัวกลับใจ หรือให้ปรับปรุงตัวใหม่ เช่น
    • สอย สอย พี่น้องฟังสอย
      ผู้ใหญ่บ้าน บ้านเผิ่น บ่คือผู้ใหญ่บ้านบ้านโต
      ผู้ใหญ่บ้านบ้านโต ชาวบ้านเลือกผัว
      แต่ว่า เมียเป็นผู้ใหญ่บ้าน
      จั่งซี้กะว่าสอย
    • สอย สอย พี่น้องฟังสอย
      พระบ้านเผิ่น บ่คือพระบ้านโต
      พระบ้านโต อัดผักตูคุยสาว
      ถ้าเกิดเรื่องเกิดราว ระวังสากมองเขาสิบังสุกุลเด้อข้าน้อย
      จั่งสิกะว่าสอย
  4. แบบประสานเสียง ความสอยประเภทนี้ มีวัตถุประสงค์จะให้คนสนใจให้มากกว่าเดิม ความจริงความสอยนี้โดยเนื้อหา ก็คล้ายคลึงกันกับแบบล้อเลียนและเตือนสติ จะต่างก็แต่ไม่ใช้คนสอยคนเดียว จะใช้คนสอยประสานกันสองคน ซึ่งจะเรียกว่า "สอยเป็นทีม" ก็ได้ โดยผู้สอยจะตกลงกันก่อนว่า ให้ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายเสนอ ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายสนอง แล้วทั้งสองฝ่ายจะแยกกัน ออกไปอยู่คนละมุมของเวทีหมอลำ เมื่อจังหวะหมอลำเร้าใจเต็มที่ ไม่ว่าจะร้องลำหรือร่ายรำเกี้ยวกัน ฝ่ายเสนอจะเริ่มสอยทันทีดังนี้

          สอย สอย พี่น้องฟังสอย
          ครูบ้านเผิ่น บ่คือครูบ้านโต
          ครูบ้านโต ในตารางสอนมีอยู่ 2 วิชา
          คือ เลข คัด แล้วก็เลิก


    ฝ่ายสนองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็จะถามมาทันทีว่า
          เวลานอกนั้น แล้วครูไปไหน?
          เด็กชายมี ?
    (ออกเสียงภาษาไทยกลาง)

    แล้วฝ่ายเสนอก็จะตอบกลับทันทีว่า
          คุณครูไม่มาครับ (ใช้เสียงภาษาไทยกลาง)

    ฝ่ายสนองก็จะถามอีกว่า
          เด็กหญิงสุดาล่ะ คุณครูไปไหน? (เสียงภาษาไทยกลาง)

    ฝ่ายเสนอก็จะตอบว่า
          คุณครูนั่งคุยกันค่ะ (เสียงภาษาไทยกลาง)

    ฝ่ายสนองก็จะถามอีกว่า
          เด็กชายจุกล่ะ คุณครูไปไหน? (เสียงภาษาไทยกลาง)

    ฝ่ายเสนอก็จะตอบแทนเด็กชายจุกว่า
          คุณครูนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องครูใหญ่ เพราะครูใหญ่เป็นครูใหญ่ประจำอำเภอครับ (ออกเสียงภาษาไทยกลาง)

          ถึงตรงนี้ผู้คนก็จะฮาครืนขึ้นทันที แล้วคุณครูที่มีพฤติกรรมเช่นว่ามา ก็จะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงนิสัยทันที มิฉะนั้นก็จะอยู่ในสังคมเขาลำบาก
  5. แบบแก้กลอนกัน ความสอยแบบนี้วัตถุประสงค์ก็เพื่อสร้างความสนุกสนานครื้นเครงเช่นเดียวกัน แต่ต่างที่ว่าความสอยแบบแก้กลอนนี้ เล่นวาทะโต้กัน การจัดทีมก็เหมือนกันกับที่กล่าวไว้ในข้อ 4 คือแบบประสานเสียง แต่ต่างตรงที่ว่า นิยมฝ่ายหนึ่งเป็นทีมหญิง อีกฝ่ายหนึ่งเป้นทีมชาย มีลักษณะคล้ายลำตัด เขาจะใช้โวหารห้ำหั่นกันดังนี้
    • ฝ่ายเสนอ ซึ่งจะเป็นชายก็ได้ จะเป็นหญิงก็ได้ สมมุติว่าถ้าฝ่ายเสนอเป็นชายก็จะเริ่มดังนี้
          สอย สอย พี่น้องฟังสอย
      ถามข่าวน้องถามข่าวขอแข
      ถามคอแคค่อยอยู่ดีบ่คอแค้
      ถามว่าหีเจ้าแหล่หรือว่าแดงจ่ายหว่าย

      (คนฟังแล้วจะฮาตูมทันที)
    • ฝ่ายสนอง ที่เป็นฝ่ายหญิง ซึ่งถูกเล่นงานก่อน ก็จะเริ่มสอยแก้กลอนทันทีว่า
          สอย สอย พี่น้องฟังสอย
      ถามข่าวอ้าย ถามข่าวขอขอ
      ถามคอ คอ ค่อยอยู่ดีบ่ คอ ค้อ
      ถามว่าโคยเจ้าเสียกพ่อว้อหรือว่าบานเปิ่งเซิ่ง

      (คนก็ตบมือฮาลั่นขึ้นทันที)
            จากนั้น ก็จะปล่อยให้หมอลำลำต่อไป จนกว่าจะได้จังหวะสอยใหม่ ส่วนหมอลำเมื่อเห็นผู้มาฟังลำสอยกันสนุกสนานครื้นเครงเช่นนั้น ก็จะมีกำลังใจคึกคะนองแสดงกันอย่างห้าวหาญ พวกดูข้างๆ เวทีก็จะร่ายรำกันอย่างสนุกเช่นกัน นี่เป็นวัฒนธรรมบันเทิงของชาวอีสานที่ได้ทั้งการสนุกสนาน ได้ทั้งการมีโอกาสได้พบกันและได้ทั้งการใช้ความสอยด่าและเตือนสติคนทำชั่ว อย่างที่ผู้ถูกด่าและถูกเตือนสติตำหนิไม่ได้

 


[ วรรณกรรมคำสอย | ความเป็นมาของความสอย | ข้อดีของความสอย | ความสอยเรียงตามอักษร ]

redline

backled1