ช้าวันนี้ 07.39 น. (31-01-64) มวลอากาศเย็นจากจีนได้ถอยร่นกลับขึ้นไปแล้ว อากาศเริ่มอุ่นขึ้น ​กำลังสบายๆ ต้องระวังรักษาสุขภาพกันหน่อยนะครับ ช่วงนี้ร้อนๆ หนาวๆ สลับกันไป ในช่วงกลางสัปดาห์หน้าน้องหนาวอาจเคลื่อนตัวกลับมาทักทายเราอีก ก่อนจะจากลาเราไปอีกรอบ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่​ฤดู​ร้อน​ในกลางเดือนกุมภาพันธ์กันนะครับ

น้องหนาวกลับจีนไป แต่... ทำไมน้องโค ยังอยู่

ถานการณ์เช้าวันนี้ 26 มกราคม 2564 สภาพอากาศเรื่องของอุณหภูมิเริ่มกลับมาปกติแล้ว คือร้อนถึงร้อนที่สุดในช่วงบ่าย แต่ที่ไม่ปรารถนาเลยคือฝุ่นควัน ไม่ได้มีแต่ใน กทม. และภาคเหนือครับ แถวบ้านอาวทิดหมู (กระท่อมน้อยฮิมมูล) ก็มีควันไฟรบกวนเหมือนกัน แล้วมีเยอะตอนคลางคืนที่กำลังจะนอนด้วยนะ ถามว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? มีคำตอบมาว่า "เผาหญ้า ฟาง ตอนกลางวัน อากาศมันร้อน ลมแรงจนอาจจะไหม้หัวคนเผาได้ และมองไม่เห็นสะเก็ดไฟที่ปลิวไป เลยเผาตอนกลางคืน มืด ลมสงบ เปลว สะเก็ดไฟปลิวไปทางไหนก็มองเห็นดับได้ทัน ว่าซั้น" ฮ่วย! ยามคนสินอนนี่บ้อ มันหันใจบ่ออกเด้อพี่น้อง

fire fire

พอถึงยามฝนลงนากะมาจ่ม (บ่น) ว่า บ่มีกบ บ่มีเขียดกินคือเก่า (อดีต) มันสิมาแต่ไสละอีพ่อ กะพากันไปเผาท่ง เผานา จนวอดวายกันขนาดนั้น มันสิเหลือให้พ่อได้สิแตกอยู่ตั่ว สูนแฮงแหม่... "

การเผาหญ้า เผาฟาง ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืนเลย การทำการเกษตรสมัยนี้มีเครื่องทุ่นแรงเยอะแยะ ทำไมไม่ใช้กันหนอ แทนที่จะเผาหญ้าเผาฟางหลังการเก็บเกี่ยว เรามาใช้รถไถทำการไถกลบหญ้า ฟาง พวกนี้ให้เป็นปุ๋ยไม่ดีกว่าหรือ? นอกจากจะกำจัดวัชพืชพวกนี้แล้ว ผลที่ได้ตามมาคือ "ปุ๋ยพืชสดชั้นดี" ที่จะย่อยสลายให้สารอาหารแก่การปลูกพืชพันธุ์ในฤดูเพาะปลูกต่อไป เมื่อฝนมาอีกครั้ง เราก็เพียงแต่ไถพรวนอีกครั้ง ก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องเผาตอซังข้าวได้แล้ว สิ่งที่เป็นของแถมมาคือ "ปุ๋ย" ที่ไม่จำเป็นต้องซื้อหา สามารถลดต้นทุนได้มากโข และอาหารต่างๆ ก็จะสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ตัวเล็ก ตัวน้อย ที่อยู่ใต้ดินก็ไม่ตาย ออกลูก ออกหลาน เป็นอาหารเลี้ยงมนุษย์อย่างเราต่อไป

ปกติที่บ้านผู้เขียนเองเริ่มจะมีปัญหาเรื่องฝุ่นควันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ถึงขนาดต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศมาไว้ในห้องนอนกันเลยทีเดียว เมื่อวันก่อนหายใจลำบากเพราะเปิดหน้าต่างนอนด้วยว่ามีอุณหภูมิประมาณ 25-26 องศาเซลเซียส กำลังเย็นสบายแต่นอนไม่หลับเหม็นควันไฟ ลองเปิดเครื่องฟอกกอากาศแล้วตกใจ เพราะหน้าจอเครื่องแจ้งปริมาณฝุ่น-ควันมากถึง 120 AQI ต้องปิดหน้าต่างเปิดเครื่องปรับอากาศ และเครื่องฟอกอากาศนานกว่า 30 นาทีกว่าปริมาณฝุ่นจะลดลงต่ำกว่า 50 ค่อยหายใจสะดวกนอนหลับได้

มีคำถามมาว่า ปีนี้หมดความหนาวหรือยัง? บางคนยังใส่เสื้อกันหนาว ที่เอาออกมาซักก่อนปีใหม่ยังไม่ครบทุกสี ทุกตัวเลย ก็ต้องตอบว่า ยังจะมาอีกให้ได้โชว์กันอยู่นะครับ ช่วงวันที่ 27-31 มกราคม อุณหภูมิจะลดลงมาอีกประมาณ 2-4 องศาเซลเซียส แล้วก็จะอุ่นขึ้น จะมีช่วงอุณหภูมิลดอีกในเดือนกุมภาพันธ์ สักรอบสองรอบ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ไปก็จะเริ่มมีอุณภูมิสูงขึ้นและก้าวเข้าสู่ฤดูร้อนกันต่อไป

jumbo kung

ลมหนาวจากไป แต่โควิด-19 ยังอยู่นะครับ ยังไม่หายไปไหนมีการระบาดกันอยู่ทั่วโลก ในประเทศไทยเราก็ไม่น้อย ก็ต้องระมัดระวังตัวกันต่อไป ไม่อยู่ในสถานที่เสี่ยงต่อโรคภัย สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ช่วงนี้ไปในที่เสี่ยงต่างๆ กลับบ้านต้องรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันล่ะครับ จนกว่าจะมีการฉีดวัคซีนกันทั่วโลกไม่น้อยกว่า 80% โน่นแหละ แม้ว่าเราจะฉีดแต่ถ้าที่อื่นยังไม่ฉีดเลย การระบาดก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป เดือดร้อนกันถ้วนทั่วทุกตัวคนล่ะครับ

การระบาดครั้งนี้ ทำให้หลายๆ ครอบครัวถึงกับล่มสลายกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนที่ทำงานกันอยู่ในสายงานด้านธุรกิจการท่องเที่ยว ตั้งแต่อาชีพไกด์นำเที่ยว ทำงานในโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร การรับส่งผู้คน (รถแท็กซี่ รถตู้ รถบัส เรือโดยสาร เครื่องบิน) ตกงานกันเกือบทั้งหมด ที่ยังรอดอยู่ก็รายได้หดหายกันไป จะพออยู่รอดได้ก็อาชีพด้านการเกษตร ผลิตอาหารเลี้ยงผู้คนนี่แหละที่ยังอยู่ได้ เพราะอาหารเป็นสิ่งสำคัญมากในสถานการณ์ชัทดาวน์ ปิดเมืองปิดประเทศ เมื่อรายได้เราลดลงการมีอาหารในบ้านที่ไม่ต้องซื้อหาจึงช่วยประคองชีวิตและครอบครัวได้แน่นอน ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่เหมาะสมกับการผลิตอาหารที่สุดแล้ว แต่...

นโยบายภาครัฐเรานั้นผิดพลาดมาตั้งแต่การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับแรกๆ แล้ว ที่หลงทิศหลงทางอยากเป็นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเชียด้านอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้เกิดความยากจนแบบยั่งยืน ด้วยการสร้างความฝันเทียมๆ ว่า เพิ่มพื้นที่การผลิต แล้วผลิตออกมาเยอะๆ แล้วเอาขายจะรวยๆ ซึ่งนับตั้งแต่เพลงผู้ใหญ่ลีดังกระหึ่มมาจนบัดนี้ก็ 50 กว่าปีแล้ว ผืนป่าอุดมสมบูรณ์วอดวายไปเท่าไหร่ เกษตรกรยิ่งมีหนี้สินเพิ่มพูนจากการดิ้นรนเพื่อการผลิต แต่พ่อค้าคนกลาง (ที่ไม่เคยผลิตข้าว ปอ มันสำปะหลัง ยางพาราสักต้น) เพียงแต่แสวงหาสินค้าเอามาขายและโฆษณษชวนเชื่อ ทั้งปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช ยาฆ่าหญ้า เครื่องมือการเกษตร กลับรวยเอาๆๆ เอ๊ะ! ยังไงกันแน่

over supply

ถ้าเราทำแค่พอมีกิน เหลือได้แลกเปลี่ยน ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์ของผืนดินผืนน้ำยังเหลืออยู่ เราคงไม่ลำบากเป็นหนี้สินกันอีลุ่ยฉุยแฉกแบบนี้ หน่วยงานภาครัฐก็รับใต้โต๊ะค่านำเข้า ส่งออกสินค้าเนียนๆ ไป ไม่ได้เคยวางแผนอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน มันล้นตลาดราคาตกก็กรรมของคนผลิต หาทางแก้ง่ายๆ ด้วยการรวมกลุ่มกันไปเป็นหนี้ค้ำประกันอีรุงตุงนังมานานนับสิบปีจนวันนี้ มีหลายคนที่คิดทันเลิกผลิตเพื่อขาย หันมาผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือน ก็ค่อยๆ ปลดเปลื้องพันธนาการไปได้ ใครที่ตอนนี้ยังคิดไม่่ทันก็ซวยต่อไป เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านนะครับ เป็นเกษตรกร หรือเป็นอะไร จะทำอาชีพอะไร ต้องมีสมองขบคิด มองปัญหาและอนาคตให้กระจ่าง ไม่ใช่เอาแต่เชื่อที่เขาว่า ...

แล้วก็แห่ทำตามก้นเขาไป เห็นกันมามากแล้วนี้ มะม่วงหิมพานต์รวย ก็แห่กันปลูก ยางพาราราคาดีก็แห่กันปลูก กล้วยหอมทองราคาดี ก็แห่กันปลูก ใครรวย อ้อ... คนประโคมข่าวและขายต้นพันธุ์นั่นเองที่รวย คิดสิคิดพี่น้อง มองไปข้างหน้าล่วงหน้าว่า ถ้าเราทำวันนี้อีกกี่ปีผลผลิตจะออก จะขายใคร เรากำหนดราคาได้ไหม ต้องกู้หนี้ยืมสินเขามาลงทุน แล้วจะได้คืนทุนไหม?

ข่าวเช้าวันนี้ "พริกแดง ขายกันเม็ดละบาท" ก็อย่าเพิ่งไปกระโจนใส่นะ เราอาจจะคิดไม่ทัน ปลูกไม่ทันเขาแล้ว เดี๋ยวเจอพริกกิโลละบาท ค่าจ้างเก็บโลละสิบบาทแล้ว จะหน้ามืดได้ผูกคอตายใต้ต้นพริกเอา...

over supply2

รักษาสุขภาพให้แข็งแรง อย่าให้โรคภัยมาเบียดเบียนเพิ่มเข้าให้อีกในสถานการณ์เช่นนี้ เราจะต้องสู้กับโรคโควิด-19 นี่ไปอีกนานเป็นปีแน่แท้ทีเดียว 😁😁