foto1
foto1
foto1
foto1
foto1
ช่วงนี้อากาศแปรปรวนนะครับ ฤดูหนาวแต่ร้อน และมีฝนตกกระจายทั่วประเทศเลยทีเดียว และตอนนี้ก็ฤดูเก็บเกี่ยวของชาวนาซึ่งไม่ได้เก็บเกี่ยวด้วยมือแบบดั้งเดิมแล้ว แต่หันมาใช้รถเกี่ยวข้าวแทนซึ่งทำได้รวดเร็วกว่ามากๆ แต่ก็มีปัญหาตามมาคือข้าวเปลือกมันยังไม่แห้งเก็บเข้ายุ้งฉางไม่ได้ ต้องมีการตากแดดให้แห้งก่อนสัก 2-3 วัน พอมีฝนมาแบบนี้ก็แย่เลย บางรายก็เอาไปตากบนถนนหนทางซึ่งอันตรายมากๆ อย่าหาทำเด้อพี่น้อง มันผิดกฎหมาย...😭🙏😁

: Our Sponsor ::

adv200x300 2

: Facebook Likebox ::

: Administrator ::

mail webmaster

: My Web Site ::

krumontree200x75
easyhome banner
ppor 200x75
isangate net200x75

e mil

No. of Page View

paya supasit

ju juคันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า

        ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ##

philosopher header

Liam 01นายเลี่ยม บุตรจันทา

นายเลี่ยม บุตรจันทา หรือพ่อเลี่ยม ถือเป็นผู้รู้ด้านเกษตรที่คนทั่วไปรู้จักกันดีมากที่สุดคนหนึ่ง เกิดเมื่อวันจันทร์ ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2499 ที่อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ จบการศึกษาผู้ใหญ่ระดับ 4 จากโรงเรียนวัดใหญ่ชัยมงคล อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ และนักธรรมเอก เป็นชาวอีสาน มีอาชีพปลูกอ้อย และมันสำปะหลัง ทำมานานตั้งแต่เด็ก จนหนี้สินพอกพูน

เนื่องจาก เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพียงปีละ 1 ครั้ง แต่ค่าใช้จ่ายมีอยู่ทุกวัน จนทะเลาะกับสมาชิกในครอบครัว เนื่องจากปัญหาหนี้สิน สุดท้ายก็หาทางออกด้วยการกินเหล้า เผาความกลัดกลุ้ม ประกอบอาชีพแล้วมีรายได้ไม่พอกับหนี้สิน ธรรมดามีหนี้เพราะการประกอบอาชีพอย่างเดียวก็พอทน แต่หนี้ที่เกิดขึ้นเพราะอบายมุข ทั้งสิ้น ทั้งกินเหล้า เล่นหวย เล่นโป สารพัด โดนยายตุ๋ย (ภรรยา) ด่าทุกวัน เมียด่าก็กินเหล้า สุขภาพแย่ เมียด่ามากๆ เข้าก็ขายที่ใช้หนี้

เมื่อปี 2529 ได้ตัดสินใจขายที่ดิน เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ทั้งหมด เหลือเงินจากการใช้หนี้จำนวน 1 แสนบาท จึงอพยพมาอยู่บ้านนาอีสาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมนางสมบูรณ์ บุตรจันทา ภรรยา และลูกอีก 1 คน และซื้อที่ดิน 1 แปลง จำนวน 50 ไร่ พร้อมแผ้วถางป่าจนเป็นพื้นที่โล่ง โดยประกาศจะไม่ปลูกมันและอ้อยอีกต่อไป

Liam 02

ทีแรกก็ไปถางป่า ปลูกข้าว ปลูกผัก ทำอยู่ 1 – 2 ปี ติดเขตเขาฉกรรจ์ ต่อมาได้รับคัดเลือกเข้ามาทำกินในที่ ส.ป.ก. เมื่อปี 2534 แต่สุดท้ายคู่ชีวิต ก็ชักชวนปลูกข้าวโพด เพราะเห็นพี่น้องปลูกข้าวโพด ก็เลยทดลองปลูกบ้าง ปลูกไปไม่นานก็ขาดทุนเหมือนเดิม ปัญหาหนี้สินก็ตามมา

จึงนำเงินที่เหลือมาลงทุน แต่ก็ขายได้ปีละ 1 ครั้งเหมือนเดิม จากนั้นก็นำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายเพื่อให้ครบปี สุดท้ายก็กลายเป็นหนี้สินอีกเช่นเดิม และปี 2536 ยอดหนี้ก็เพิ่มจำนวนมหาศาล สุดท้ายก็กินเหล้า และเมาเหมือนเดิม

ชีวิตมีแต่เรื่องเมา ทะเลาะกับครอบครัวทุกวัน สุดท้ายได้ไปเรียนรู้ข้างนอก มีคนไปชวนให้เข้าอบรมกับ ตชด. อยากไปอบรมมาก เพราะคิดว่า "ถ้าได้ไปอบรมจะห่างเมียและมีเหล้ากินนอกบ้าน" วันที่ไปอบรมได้แนวคิดจากผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม ซึ่งเป็นวิทยากร ผู้ใหญ่ได้เล่าประสบการณ์ พร้อมแนวคิดเชิงดูถูกว่า "เกษตรกรไม่รู้จักตนเอง" พ่อเลี่ยมเถียงในใจว่า "ทำไมจะไม่รู้จักตัวเอง อาทิตย์ละ 3 – 4 วันเมียก็ด่าให้รู้ตลอด"

Liam 03

แต่ผู้ใหญ่วิบูลย์บอกว่า "การที่จะรู้จักตัวเองต้องมีเครื่องมือ คือต้องทำบัญชี" ตอนไปอบรม ไม่ได้กินเหล้าอย่างที่คิด ต้องงดเหล้า 2 – 3 วัน เมื่อเลิกสัมมนากลับมาบ้านเริ่มมีไฟในตัวเอง ก็เริ่มทำบัญชี ขอสมุดจากลูกชายมาตีเส้นทำแบบบัญชีเอง เกือบจะไม่ได้ทำต่ออยู่แล้ว เพราะถามลูกชายว่า "แม่ให้เงินไปโรงเรียนใช้จ่ายอะไรบ้าง และถามยายตุ๋ยเมียรักว่าใช้จ่ายอะไร" แต่ก็โดนยายตุ๋ยด่าหาว่าไม่ไว้ใจ ก็ถามค่าใช้จ่ายยายตุ๋ยอยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ ยายตุ๋ยก็ด่าทุกวันเหมือนกัน

BCC CHANNEL ฅน พอ ดี ตอน สวนออนซอนพ่อเลี่ยม

พอหลังจากนั้น เมียด่าอยู่สักอาทิตย์ ในที่สุดก็เลิกด่า เพราะถามทุกวัน และลงบัญชีทุกวัน พอต้นปี 2539 ได้สรุปบัญชีรับจ่ายในครัวเรือน และก็เรียกยายตุ๋ย พร้อมลูกชายทั้ง 2 มานั่งคุยกัน พอยายตุ๋ยเห็นบัญชีหันมาบอกเลยว่า "ถ้าแกเลิกเหล้าได้ก็จะมีเงินถึง 40,000 กว่าบาทใช้หนี้ ธกส." พอหันมาอ่านบัญชีของแม่บ้าน แม่บ้านก็ด่าอีก บอกว่า "สิ่งที่เขาซื้อไป 20,000 บาทนั้นใช้ในครอบครัวซึ่งดีกว่าที่พ่อเลี่ยมหมดไปกับการกินเหล้า เล่นโป" สุดท้ายยายตุ๋ยก็ถามว่า "จะอยู่กับเมียก็ให้เลิกอบายมุข หรือถ้าจะเลือกอบายมุขต้องก็เลิกกับเมีย"

ตอนนั้นชีวิตไม่รู้ว่าจะเลือกอะไร "จะเลิกอบายมุขก็เสียดาย จะเลิกกับเมียก็ไม่ได้" ก็ลองหันไปเห็นลูกชาย 2 คน ถามลูกว่า "เลือกใครระหว่างพ่อกับแม่" ลูกชายทั้ง 2 ตอบเหมือนกันว่า "เลือกแม่" เมื่อได้ยินคำตอบของลูกชายทั้ง 2 ก็เริ่มทบทวนตัวเองว่า "ทำไมลูกถึงเลือกอยู่กับแม่ และชีวิตทำไมมันเศร้าอย่างนี้" สุดท้ายก็เลยตัดสินใจที่จะเลิกอบายมุข เสร็จแล้วก็กลับมาดูรายจ่ายของเมีย เห็นว่ารายจ่ายของเมียหมดไปกับค่าพืชผักสวนครัว จึงตัดสินใจปลูกทุกอย่างที่กิน และกินทุกอย่างที่ปลูก

Liam 04

จากนั้น พ่อเลี่ยม ได้ออกเรียนรู้ และศึกษาจากวิทยากรหลายท่าน มีการพูดถึง "ชาวนา ชาวไร่ว่าโง่ และได้อธิบายว่าโง่อย่างไร จึงได้เข้าใจ เพราะสิ่งที่เขาว่าโง่นั้น คือตัวเรา" นอกจากนี้ยังได้พูดถึงศาสตร์พระราชา และปรัชญาของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ด้วยการพึ่งพาตนเอง โดยวิทยากรเหล่านั้น ได้แนะนำให้เริ่มจากทำบัญชีครัวเรือน และเมื่อสิ้นปี มาดูจึงรู้ว่า รายจ่ายที่จ่ายไป เราสามารถทำเองได้ สำคัญกว่านั้น เสียเงินไปกับการซื้อเหล้า และเล่นการพนันจำนวนมาก

ดังนั้นในปี 2540 จึงประกาศเป็นวาระครอบครัวว่า "จะไม่ปลูกอะไร เพื่อนำไปขายอีกแล้ว แต่จะปลูกสิ่งที่เรากิน ทั้งข้าว พืชผัก และผลไม้ต่างๆ" มีโอกาสได้ไปฟัง ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และพ่อใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม ปราชญ์ชาวบ้านจังหวัดฉะเชิงเทรา พูดถึงเรื่อง "ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง" ที่สร้างประโยชน์และคุณค่ามหาศาล แล้วนำความรู้ประสบการณ์มาปรับใช้ที่ไร่ของตนเอง โดยตั้งชื่อสวนว่า "สวนออนซอน"

Liam 05

ได้เริ่มปลูกป่าตั้งแต่ปี 2542 ทั้งไม้กินผล ไม้ยืนต้น และไม้ใช้สอยต่างๆ ผสมกับพืชผักหลากหลายชนิด ปัจจุบันมีเนื้อที่ป่าประมาณ 13 ไร่ มีทุกอย่างที่เราอยากกิน ทำให้ไม่ต้องซื้ออะไร เพราะของกินมีทุกชนิด ส่วนของใช้ เช่นสบู่ แชมพู น้ำยาล้างจาน หรือน้ำยาซักผ้า ก็ทำใช้เอง

จากนั้นก็ทำเกษตรผสมผสาน ตามศาสตร์พระราชา ที่เน้นเรื่องการพึ่งพาตัวเองเป็นหลัก เมื่อเหลือกินก็แบ่งปัน เหลือจากแบ่งปันก็ขาย จนมีชาวบ้านมาขอซื้อผลผลิตและพืชผักต่างๆ จากนั้นอีก 6 ปี ก็สามารถใช้หนี้ก้อนสุดท้ายได้หมด สำคัญกว่านั้น เมื่อเป็นป่า ทำให้ไม่ต้องซื้อปุ๋ย เพราะเศษวัชพืชหรือใบไม้ต่างๆ เป็นปุ๋ยได้ทั้งหมด นี่คือศาสตร์พระราชา และไม่ได้นำองค์ความรู้มาใช้อย่างเดียว แต่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ อยู่บนหัวนอน และห้อยคอไว้ตลอดเวลา เพื่อระลึกถึงพระองค์ และเป็นคติเตือนใจ ที่พระองค์ทำให้เราหลุดพ้นจากความทุกข์ และความยากจน

ส่วนการถ่ายทอดองค์ความรู้ ได้ชักชวนญาติพี่น้องมาทำแบบเรา และนำพาปฏิบัติจริง จากนั้นก็มีคนที่สนใจมาศึกษาเรื่อยๆ ประมาณ 5-6 พันคนต่อปี โดยมาไกลสุดจากประเทศแคนาดา

Liam 06

“แรกๆ คนไม่ค่อยเชื่อว่า การไม่มีเงินใช้ แล้วจะมีอาหารกินครบ 3 มื้อ ได้อย่างไร ก็พามาปฏิบัติจริง เช่น เรามีข้าว อยากกินปลา เราก็มีปลาในบ่อ อยากกินต้มยำ หรือแกงใส่อะไร ก็ไปหาในสวน แล้วสุดท้ายก็ไม่มีใครได้ไปจ่ายตลาด แต่มีกินครบทุกมื้อ”

ปัจจุบัน จากสวนกลายเป็นป่า ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกับครอบครัว โดยมีประชาชนและผู้สนใจด้านเกษตรทั่วประเทศ มาศึกษาเรียนรู้ และพร้อมถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้กับคนทั่วไป เพื่อสานต่อหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และศาสตร์พระราชา เพื่อให้อยู่กับลูกหลานไปนานเท่านาน

ดังนั้นวันนี้ เลี่ยม บุตรจันทา จึงถือเป็น "ปราชญาเดินดิน" ที่คนทั่วประเทศรู้จัก และบ้านนาอีสาน แหล่งพักพิงของครอบครัวได้กลายเป็นพื้นที่ศึกษาดูงานของหลายหน่วยงาน รวมถึงโครงการรักษ์ป่า สร้างคน 84 ตำบล วิถีพอเพียง ที่มีพี่น้องหลายตำบลได้ไปแวะเยี่ยมเยือนพ่อเลี่ยม และยายตุ๋ย (ภรรยา) เพื่อนำประสบการณ์ที่ล้มเหลวจากการทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยว มาเป็นแรงบันดาลใจ

ปัจจุบัน นายเลี่ยม บุตรจันทา เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นเกษตรกรนักคิด นักปฏิบัติ และเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้กับประชาชน ผู้ที่สนใจใฝ่รู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย มีผู้คนหลั่งไหลมาศึกษาดูงานที่บ้านนายเลี่ยม บุตรจันทา เป็นประจำไม่เคยขาดเพราะมีกิจกรรมหลากหลายที่น่าสนใจ

รายการ Perspective : พ่อเลี่ยม บุตรจันทา - ปราชญ์ชาวบ้าน แห่งบ้านสวนออนซอน

เพื่อหาความสุข สงบ และสบายในชีวิตบั้นปลาย อย่างสองสามีภรรยาคู่นี้ สำหรับผู้สนใจศึกษาดูงาน หรืออยากเรียนรู้การทำเกษตรผสมผสาน และลงมือปฏิบัติจริง สามารถสอบถามพ่อเลี่ยม ได้ที่เบอร์ 084-711-6099 โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือหากจะช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ ก็จะดีไม่น้อย หรือไม่ให้เลย ก็สามารถไปเรียนรู้ได้ ที่บ้านเลขที่ 411 บ้านนาอีสาน หมู่ที่ 16 ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา 24160

 

redline

backled1

 

isan word tip

isangate net 345x250

ppor blog 345x250

adv 345x200 1

นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)