การเรียนรู้ภาษาอีสานจากเพลง น่าจะเป็นหนทางที่ผู้เรียนจะเข้าใจได้ง่ายกว่า เพราะได้ยินสำเนียงเสียงอีสานจากนักร้อง บางเพลงก็ยังเรียนรู้ความหมายของคำได้ จากละครในมิวสิกวีดิโอได้อีกด้วย ตามคำขอครับสำหรับแฟนๆ ที่ชอบเพลงอีสานแต่ฟังแล้วเข้าใจความหมายได้ไม่หมด ก็ทำให้ความรู้สึกซาบซึ้งในดนตรีนั้นลดน้อยลง อยากจะทราบเนื้อหาเพลงใด ของนักร้องคนใด ก็บอกกันมาครับ ส่งอีเมล์ไปที่ webmaster (@) isangate.com จะได้นำมาเสนอเป็นลำดับต่อไป ขอแจ้งให้ทราบว่า ผู้จัดทำไม่ได้มีความต้องการโปรโมทเพลงนักร้องคนใด ค่ายใดทั้งสิ้น เพลงที่ถูกคัดเลือกมานำเสนอ จะต้องมีภาษาอีสานแทรกอยู่จำนวนหนึ่ง ที่แฟนเพลงบางท่านอาจไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง ฟังแล้วม่วนแต่บ่เข้าใจ จึงจะได้รับการคัดเลือกมาลงในหน้านี้ครับ
นกเจ่าคำร้อง/ทำนอง : มิกซ์ ถิรวิทย์
ขับร้อง : เก่ง สยาม
คือจั่งเกวียนบ่มีไม้ค้ำ หน้าหง่ำลงใส่ขี้ดิน บ่ได้ฮักกันแล้ว เฮาบ่สมกันแล้ว มีแต่แนวเหม็นกุยไปหน้า *** ว่า (แต่) นกเจ่าสิบินเจ้ยเจิดหนี ฮักเฮานี่อยู่คนละก้ำฝ่าย น้ำในใบบอนยังแน่นอนกว่าใจเจ้า ผิดที่เฮานั่นคิดไปไกล (ซ้ำ ***, *** และ ***)
มีคำภาษาอีสานที่น่าสนใจดังนี้
|
เพลงนี้มีที่มาจากภาษิตอีสานโบราณ 2 ภาษิต คือ
- "คาดชิได้บินมาคือนกเจ่า คาดชิบ่ได้บินเจ้ยเจิดหนี" เป็นภาษิตที่ได้ยินบ่อยมากที่เปรียบเปรยถึงโชควาสนาของคน
คาดสิได้ บินมาคือนกเจ่า คำว่า “คาดสิได้” หมายถึง โชค วาสนา ถึงคราวจะได้ คำว่า “บินมาคือนกเจ่า” หมายถึง ถึงคราวจะได้บุญ หรือ โชค ลาภ มันก็วิ่งเข้ามาหาเอง เห็นอย่างชัดเจน เหมือนนกเจ่าคอยาวสีขาว ในสมัยโบราณจะมีให้เห็นเยอะแยะ จนนำเปรียบเทียบเป็นผญาภาษิตสอนใจนี้ได้
คาดสิบ่ได้ บินเจ้ยเจิดหนี คำว่า “คาดสิบ่ได้” หมายถึง ถึงคราวจะไม่ได้ ถึงคราวไม่มีโชคลาภ คำว่า “บินเจ้ยเจิดหนี” บินเจ้ย ลักษณะเป็นการบินเฉียงซ้ายหรือเฉียงไปทางขวา เจิด เป็นการบินที่ปีกนกทรงพลัง ไม่ต้องกระพือขึ้นลงเพียงแต่เหยียดตรง แล้วพุ่งไปข้างซ้ายหรือข้างขวาอย่างรวดเร็วโดยใช้แรงลมช่วย ประกอบกันกับเจ้ยให้เด่นชัดขึ้น หมายถึง ถ้าหาก ดวงไม่ดี ไม่มีโชค หรือวาสนาแล้ว ก็คือถึงคราวจะไม่ได้ มันก็จะวิ่งหนีเราอย่างรวดเร็ว พลาดหวังอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะตั้งหวังใจไว้มากเกินไป เวลาไม่สมหวังจึงคิดอย่างน้อยใจว่า ตัวเองเป็นคนดวงซวย บุญวาสนาโชคลาภ เหมือนติดปีกบินหนีหายไปหมด
ความหมายโดยรวมของผญาภาษิตอีสานบทนี้คือ เป็นความเชื่อเรื่องดวง เรื่องโชค เรื่องวาสนา ซึ่งแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ทางพุทธอาจเป็นการเชื่อเรื่อง “กฎแห่งกรรม” ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อะไรประมาณนี้แหละครับ - "ใจประสงค์สร้าง กลางดงกะว่าท่ง ใจขี้คร้าน กลางบ้านกะว่าดง" ความหมายของภาษิตบทนี้คือ ถ้าใจสู้ (ขยัน ขันแข็ง) อยู่กลางป่ากลางดงก็เหมือนกลางทุ่ง (ไม่ต้องถากถางป่าให้ยาก ทำนาปลูกข้าวได้เลย) แต่ถ้าเกียจคร้าน แม้อยู่จะกลางหมู่บ้านก็เหมือนในกลางป่ารก ไม่สามารถหนีออกมาได้ (ท่ง = ทุ่ง, ทุ่งนา)
ความหมายของเพลงนี้โดยรวมก็คือ ไม่มีวาสนาเป็นเนื้อคู่ ได้แค่ชั่วคราวแล้วน้องก็โบยบินจากไปเหมือนนกเจ่านั่นเอง วาสนาของเงาะป่าที่ได้อยู่ใกล้รจนา แต่ไม่สามารถถอดรูปเงาะออกได้ ช้ำใจโดนพระอภัยมาชะแว๊บโฉบเอาไปเสียแล้ว... โดยเปรียบเทียบความสมหวังและผิดหวังเหมือนนกเจ่า ซึ่งบินผ่านตามาให้เห็นบ่อยกว่านกชนิดอื่นในเวลานั้น ก็อาจเป็นได้ เลยเปรียบการได้โชคลาภทรัพย์สินเงินทองหรือของมีค่า เหมือนนกเจ่าบินมาหา ถ้าเสียทรัพย์สินหรือเสียโชคลาภหรือของมีค่าต่าง ๆ ก็เหมือนนกเจ่าที่บินหนีจากไป...