ชื่นชมเทียนพรรษายิ่งใหญ่ระดับโลก

ผ่านไปด้วยดีครับสำหรับงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของชาวอุบลราชธานี "๑๒๒ ปี ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม งานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี ๒๕๖๖" ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันทุกภาคส่วนของชาวจังหวัดอุบลราชธานี และยังมีมิตรภาพอันดีงามยั่งยืนจาก ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ได้ส่ง "เรือพนมพระ" พร้อมขบวนรำที่สวยสดงดงามมาร่วมอีกนับ ๑๐๐ ชีวิต แน่นอนว่าในงาน "ประเพณีชักพระ" ช่วงออกพรรษาเราชาวอุบลราชธานีก็จะต้องส่งตัวแทนแห่งความภาคภูมิใจ "ต้นเทียนพรรษา" ไปร่วมขบวนแห่พร้อมขบวนนางรำของเราเช่นกัน นอกจากนั้นแล้วปีนี้ยังมีขบวนแห่จากจังหวัดใกล้เคียงอย่าง จังหวัดอำนาจเจริญ มาร่วมด้วย การแห่ภาคกลางคืนทางสถานทูตอินเดียก็ได้ส่งการแสดงมาร่วมงานอีก ชาวอุบลราชธานีได้ปลื้มปริ่มยิ้มรับนักท่องเที่ยวนานาชาติที่มาร่วมงานเป็นอันมาก ทำให้เศรษฐกิจทางการท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก เติบโตมากขึ้นในปีนี้ ได้เห็นกองทัพยูทูปเบอร์ไทยและเทศมาถ่ายทำนำเสนอกันมากมายทีเดียว ขอบคุณทุกความร่วมมือจากทุกๆ ท่าน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องครับ

๑ ในต้นเทียนพรรษาจากจำนวนทั้งสิ้น ๕๓ ต้นทั้งขนาดใหญ่/กลาง/เล็กที่มาร่วมงานในปีนี้

มิตรภาพจากชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่มาร่วมในงานแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี ๒๕๖๖

มีเพื่อนหลายๆ คนถามมาว่า "ต้นเทียนใหญ่ๆ ขนาดนี้ ลงทุนไปมากน้อยเท่าไหร่ แต่ละวัดเอาเงินมาจากไหนกัน? คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไปไหม เห็นรางวัลที่ได้จากการประกวดก็ไม่เท่าไหร่เอง แถมต้นเทียนนี้ก็เอาไปใช้จุดในการสวดมนต์ในโบสถ์ช่วงเข้าพรรษาไม่ได้อีก"

ก็ต้องตอบล่ะครับ เท่าที่ประมวลเหตุผลมาก็จะได้ประมาณนี้

• การลงทุนทำต้นเทียนขนาดใหญ่ในปี พ.ศ. 2566 นี้ตกเฉลี่ยประมาณต้นละ 1,000,000 - 2,000,000 บาทโดยประมาณ ร่วมค่าแรงทีมช่าง 15-30 คนในระยะเวลาทำงานประมาณ 3 เดือน (ไม่นับแรงงานอาสาพระ-เณร ชาวบ้าน นักเรียน-นักศึกษาที่เข้ามาช่วยเพื่อการเรียนรู้และสืบสานวัฒนธรรม รวมทั้งนักท่องเทียวที่สนใจแวะมาเยือนชุมชนคนทำเทียนได้ร่วมฝากฝีมือไว้) ค่าใช้จ่ายจะมากน้อยนอกจากขนาดและรูปแบบต้นเทียนแล้ว ค่าใช้จ่ายที่หนักมากคือค่า "ขี้ผึ้งแท้" ที่นำมาหล่อ แกะเทียน และติดพิมพ์ ซึ่งต้องซื้อมาผสมกับขี้ผึ้งเก่าจากต้นเทียนเก่าในปีก่อน (เพราะเทียนเก่าที่ผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่งจะแข็ง แกะยากทำให้แตกหลุดร่อนง่าย) จะต้องผสมเทียนเก่ากับขี้ผึ้งใหม่ในอัตราส่วน เก่า : ใหม่ เป็น 60:40 หรืออาจจะ 50:50 ก็ได้ถ้าเทียนเก่าเริ่มมีคุณภาพไม่ดีนัก
• สีสันของต้นเทียนบางต้นออกสีแดงน้ำตาล บางต้นสีเหลืองทองอร่าม นั่นมาจากการใช้เทียนเก่าออกสีเข้ม กับเทียนใหม่ (ขี้ผึ้งแท้) ออกสีเหลืองทองสดใส แต่ทุกวัดก็จะใช้อัตราส่วนผสมแตกต่างกันในแต่ละส่วนของต้นเทียน แล้วแต่จินตนาการของช่างผู้ออกแบบ

• แต่ละวัดก็จะได้เงินสนับสนุนจากญาติโยม พ่อค้า บริษัทเอกชน (ทำ CSR ของบริษัท ทั้งจากในตัวจังหวัดและส่วนกลาง) ที่ร่วมแรงร่วมใจเพื่องานบุญนี้ กับเงินสนับสนุนส่วนหนึ่งจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หอการค้าจังหวัด รวมกับเงินบริจาคในงานบุญกฐิน ผ้าป่าที่จัดขึ้นในรอบปี
• เงินรางวัลที่ได้จากการประกวดสูงสุดแค่ 200,000 บาท ไม่พอหรอกครับ แล้ววัดที่ไม่ได้รับรางวัลอีกล่ะ แม้จะมีเงินสนับสนุนบางส่วน แต่นี่มันเป็นความรักในท้องถิ่น ศรัทธาในขนบธรรมเนียมประเพณีของท้องถิ่นตนเอง และมีความประสงค์จะรักษาสืบทอดไว้ เรื่องคุ้มค่าหรือไม่ มันอยู่ที่ใจแล้ว แต่ที่แน่ๆ ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนในสัปดาห์นี้สัปดาห์เดียวก็อาจจะมากถึง 500 ล้านบาท (จากการประเมินของหอการค้าจังหวัด และพาณิชย์จังหวัด)
• เหนือสิ่งอื่นใด ชาวอุบลราชธานีมีความภูมิใจทุกครั้งที่ได้ยินประโยคที่วา "งานแห่เทียนพรรษาที่งดงามยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ต้องที่อุบลราชธานี" งานนี้ "ป้า/ลุงข้างบ้าน" ก็ไม่กล้าเคลมแน่นอน

เขมรอึ้ง อลังการ “แห่เทียนพรรษา” ๑ เดียวในโลกเพื่อนบ้านไม่กล้าเคลม ที่อุบลราชธานี

แห่เทียนพรรษา 2566 พุทธวิถี ๒๓๑ ปี อุบลราชธานี ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช

งานในปีนี้ต้องบอกว่า บรรดาเหล่า Youtuber จากทั่วสารทิศมาถ่ายทอดเรื่องราวออกไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเพื่อนทาง สปป.ลาว (ที่แม้ว่าเงินกีบจะเฟ้อมากขนาดไหนก็ยังหลั่งไหลกันมามากมายทีเดียว) นอกจากนั้นยังมีช่องที่ทำคลิปรีแอ็คชั่นเอาไปเผยแพร่ต่ออีกหลายช่อง อย่างช่องของพ่อหนุ่มตุรกี Coffee & Reactions ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 91.2K subscribers ก็ยังอดไม่ได้

TÜRKIYE Reaction