คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
สี่ทุ่มกว่าของคืนวันที่ 15 มกราคม 2535 หลวงพ่อกลับถึงกุฏิพยาบาลในวัดหนองป่าพง...
แสงไฟในห้องหลวงพ่อสว่างขึ้น หลังจากถูกปิดสนิทไว้หลายวัน เพราะหลวงพ่อเข้าโรงพยาบาล เมื่อมองผ่านหน้าต่างกระจกใสเข้าไปในห้อง พบร่างหลวงพ่อนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง
หมู่บรรพชิตที่พึ่งพิงร่มเงาวัดหนองป่าพง ยืนเรียงรายรอบๆ กุฏิ ดวงตาทุกคู่จ้องมองยังร่างบูรพาจารย์ ด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เพราะต่างตระหนักดีว่า ราตรีนี้จะมีการสูญเสีย ครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน...
ลมหนาวต้นปีใหม่ พัดโชยแผ่วผ่านบานประตูสู่ห้องพยาบาล อากาศยามดึกทวีความ เยือกเย็นยิ่งขึ้น พระอุปัฏฐากคลี่ผ้าห่มคลุมร่างให้หลวงพ่อ และยังคงทำหน้าที่ของตนอยู่อย่างสงบ... เสียงเครื่องตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า แสดงค่าความถี่การเต้นของหัวใจหลวงพ่อที่ช้าลง ทุกขณะ
ภิกษุหลายรูปนั่งสมาธิที่ระเบียงกุฏิ ต่างน้อมเอาเหตุการณ์สำคัญเฉพาะหน้ามาเป็นมรณสติ สรรพสิ่งทั้งมวล ล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่ามนุษย์ผู้ยากดีมีจน หรือเดรัจฉานผู้อาภัพอับเฉา กระทั่งภูผาป่าไม้ ต่างสิ้นสุดลงตรงจุดเสื่อมสลายทั้งสิ้น
ดึกสงัดของคืนนั้น หลวงพ่อยังคงนอนหายใจระรวย ใบหน้าและแววตาปราศจากร่องรอยของความทุกข์ทรมาน หรือห่วงใยในชีวิตสังขาร
ลมหนาวยามดึกพัดกรรโชกหนักขึ้น ต้นไม้โยกไหวตามแรงลมอย่างมีชีวิตชีวา แต่ทว่า ลมอุ่นจากภายในกายหลวงพ่อกำลังอ่อนแรงลงทุกขณะ ดังคำปรารภเกี่ยวกับกายสังขารของ ท่านที่กล่าวไว้ที่วัดถ้ำแสงเพชรว่า
...ต่อไปนี้จะไม่ได้เห็น ลมมันก็จะหมด เสียงมันก็จะหมด มันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของสังขาร... เรียกว่า ขัยยะวัยยัง คือความสิ้นไปเสื่อมไปของ สังขาร... เสื่อมไปดังก้อนน้ำแข็งที่ละลายเป็นน้ำ... เราเกิดมา ก็เก็บเอาความเจ็บ ความแก่ ความตาย มาพร้อมกัน..."
เช้ามืดของวันครู.... ลมหนาวสงบนิ่ง แมกไม้ไม่ไหวติง สรรพสิ่งในป่าพงพลันเงียบงัน... หลวงพ่อได้ละสังขารไปด้วยอาการสงบ จบการเดินทางอันยาวนานในวัฏสงสารลงอย่างงดงาม... (หลวงพ่อมรรภาพเมื่อเวลา 05.20 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 สิริอายุรวม 74 ปี)
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ
หลวงพ่อจากไปแต่เพียงร่างกายเท่านั้น ส่วนคำสอน และข้อวัตรปฏิบัติของท่าน มิได้สูญหายไปไหน ยังคงเป็นร่มเงาแห่งโพธิญาณ ที่แผ่ปกคลุมให้ความร่มเย็นแก่สานุศิษย์ต่อไป อีกกาลนาน
" ..... วาระสุดท้าย ทิ้งไว้เพียงคำสอน ..... "
เจดีย์ (เมรุหลวงพ่อชา) สังขารของหลวงพ่อละสิ้นลงที่ตรงนี้
เหลือไว้แต่คำสอน ที่ยังประโยชน์แก่ชนรุ่นหลังตลอดไป
วัดหนองป่าพง กำหนดให้มีการปฏิบัติธรรม ถือศีลแปด เป็น "อาจริยบูชารำลึก พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)" ระหว่างวันที่ 12-17 มกราคม เป็นประจำทุกปี โดยมีพระภิกษุสงฆ์ สามเณร จากวัดสาขาต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ มาร่วมปฏิบัติธรรมจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังจะมี พระอาจารย์จากวัดต่างๆ มีเมตตามาแสดงธรรมเทศนานับร้อยรูป ตลอดช่วงเวลาจัดงาน โดยเฉพาะในวันที่ 16 มกราคม อันเป็นวันมรณภาพของหลวงพ่อชา จะถือเนสัชชิก จะมีพระอาจารย์จากวัดต่างๆ เวียนกันมาแสดงธรรมให้ฟังตลอดคืน ก่อนจะแยกย้ายในเช้าวันที่ 17 มกราคม
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)