กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนลงวันที่ 23 มกราคม 2567 "บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่ง แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้วคาดว่าจะแผ่คลุมภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออกในวันนี้ (23 มกราคม 2567) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3 - 5 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 4 องศาเซลเซียส ในขณะที่ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยตอนบน ภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า: ในช่วงวันที่ 23 - 25 มกราคม 2567 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่งในระยะแรก มีลมแรง และอุณหภูมิลดลง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 4 - 6 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส

หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 26 – 28 มกราคม 2567 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 - 3 องศาเซลเซียส แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอน ประกอบกับในช่วงวันที่ 25 – 28 มกราคม 2567 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ทำให้ภาคเหนือมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางพื้นที่

ในวาระดีถีปีใหม่ ๒๕๖๗ ขอขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกท่านเคารพ นับถือ บูชา ยึดเหนี่ยวเป็นที่พึ่งทางใจ ได้โปรดดลบันดาลให้พ่อ-แม่ พี่น้อง ญาติมิตร ชาวอีสานบ้านเฮา และมิตรรักแฟนนานุแฟนนักอ่านทั้งหลายที่เข้ามาศึกษาหาความรู้ หรือความบันเทิงจากเว็บไซต์นี้ พบแต่ความสุข มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไร้โรคาพยาธิมาเบียดเบียนตลอดไปครับ

ปีนี้มาสวัสดีช้าไปหน่อยด้วยสังขารที่เพิ่มมาอีกปี วันสุดท้ายของปีที่แล้วได้มาโฮมญาติพร้อมหน้าพร้อมตา ที่ไปทำงานอยู่ทางไกลต่างจังหวัดก็ได้กลับมา โดยเฉพาะลูกชายหล้าที่ไปทำงานอยู่กับสายการบินเอมิเรตส์ ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่งได้โอกาสลาในช่วงปีใหม่ได้ครั้งแรก (จากการทำงานมา 13 ปี เพราะช่วงเทศกาลคริสต์มาสปีใหม่คือเวลาทำเงินทำของของบริษัท) ก็เลยอยู่คุยกันเคาท์ดาวน์นานผ่านจากปีเก่าสู่ปีใหม่ ปรากฎว่า วันที่ 1 มกราคม ตอนเย็นเริ่มออกอาการหนาวสั่นเป็นไข้หวัดจนได้ เพิ่งจะสร่างไข้เมื่อวาน  วันนี้เลยได้มาอัพเดทข่าวสารกัน บ่ต้องถามหาอาวทิดหมู มักหม่วนเด้อ เลาม่วนสมชื่อหมดโซดาไปหลายอยู่ ทั้งอ่อมน้องงัว ซกเล็ก ซอยจุ๊ จนฝ่ายล้างหม้อล้างไหจ่มพุ้นล่ะวา ตอนนี้ได้ข่าวว่านอนกระดิกพุงซำบายอยู่กระท่อมน้อยฮิมมูลวิมานเพิ่น สบายเขาล่ะ😁😄😂🤣🤭

หลังจากการสังสรรค์รับวันปีใหม่กับครอบครัว ซึมซับเอาบรรยากาศ ทิวทัศน์ ท้องทุ่งนาและอาหารอร่อยๆ แซบๆ แล้วก็คงได้เวลาแยกย้าย บ้างก็เดินทางสู่เมืองหลวงเพื่อสู้กับงานต่อไป บ้างก็ไปยังถิ่นอื่นๆ เพื่องาน หาเงินเลี้ยงชีวิต เก็บเงินทองไว้สร้างฐานะ สร้างครอบครัว หรือเพื่อแต่งเมีย (กะมีคือกัน) หรือหาเงินทองเพื่อส่งมาให้ทางบ้าน พ่อ-แม่ ได้ดูแลชีวิตและสุขภาพ ให้ได้อยู่พ้อหน้ากันอีกช่วงสงกรานต์ หรือเข้าพรรษา พุ้นล่ะ! จั่งสิมาพ้อกันอีก อดเอาเด้อลูกหลาน...

วิบากอีหลีตอนเดินทางกลับ กทม. ลูกสาวกับน้องสาวพากันขับรถกลับเช้าวันที่ 2 มกราคมตอนแปดโมงเช้า พากันอยากขึ้นทางด่วนบางปะอิน-โคราชจักเทื่อเพิ่นว่า ฮอดบ้านที่ถนนร่มเกล้า มีนบุรี ตอนตีหนึ่งว่าซั้น! พากันรับลมโชยบนทางด่วนยกระดับสมใจอยากกว่า 2 ชั่วโมงแล้วไปติดกันต่อๆ ตั้งแต่ปากช่อง สระบุรี ไปยันวงแหวนหมายเลข 9 กาญจนาภิเษก บริการฟรีคุ้มคัก...

พ้นจากเทศกาลปีใหม่ ก็เริ่มเข้าสู่สงครามน้ำลายของบรรดาท่านตัวแทนของปวงชนชาวไทยในการพิจารณางบประมาณแผ่นดิน ประจำปี 2567 ทั้งฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการงบประมาณไปดำเนินการ โครงการพัฒนาบ้านเมืองในด้านต่างๆ ส่วนฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ในการหาช่องว่าง ช่องโหว่ ที่เม็ดเงินงบประมาณอาจจะรั่วไหล รักษาผลประโยชน์ของเงินภาษีแผ่นดินที่เก็บมาจากประชาชน ให้มีความคุ้มค่าที่สุด โปรดติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะทุกอย่างล้วนมีผลกระทบกับปากท้องชาวบ้านอย่างเฮาแน่นอน เงินทั้งหมดที่นำมาใช้เป็นภาษีที่เก็บได้ในแต่ละปี ไม่เพียงพอก็ต้องหาเพิ่มจากการกู้อนาคตมาใช้ โดยหนี้ทุกสตางค์คนไทยทุกคนล้วนมีส่วนต้องช่วยกันชดใช้นะครับ ไม่มีสิ่งใดได้มาแบบฟรีๆ แน่นอน

ลองพิจารณาดูว่า ทำไมบรรดานักการเมืองจึงอยากมีส่วนร่วมในการจัดสรรงบประมาณ อยากได้เป็นเจ้ากระทรวงที่มีอำนาจในการดูแลจัดสรรงบประมาณ ก็เงินมันเยอะอะเนอะ เวลาล้วงจากกระเป๋าซ้าย ย้ายไปใส่กระเป๋าขวา ให้กรมกองต่างๆ ดำเนินการโครงการตามที่เสนอ มันก็อาจจะมีพลิกมีปลิ้นร่วงหล่นบ้างล่ะนะ สังเกตดูอย่ากระพริบตาเชียว เชื่อเหอะผมว่า มันต้องมีหลุดบ้างแน่ๆ จะมากน้อยถ้าพวกเราช่วยกันตรวจสอบได้ หรือมีเบาะแสแจ้งสำนักข่าวต่างๆ ช่วยขุดก็จะดีมากเลย