คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
ข้าวโป่ง เป็นขนมพื้นบ้านภาคอีสาน นิยมทำกินกันในฤดูหนาวหลังจากเกี่ยวข้าว นวดข้าวแล้ว เป็นแผ่นข้าวสีขาวนวลย่างให้เหลือง พอง กรอบ เป็นขนมขบเคี้ยวแสนอร่อยที่อยู่คู่ชาวไทยมานาน มีทั้งในภาคเหนือ อีสาน กลาง ใต้ โดยคนเหนือเรียกว่า “ข้าวครวบ” “เข้าตวบ” หรือ “เข้าพอง” พี่น้องบ้านเฮาชาวอีสานเรียก “ข้าวโป่ง” หรือ “เข้าเขียบ” หรือ "เข้าเขิบ" ทางภาคกลางเรียก "ข้าวเกรียบว่าว" หรือ "ขนมหูช้าง" ขณะที่คนทางใต้รู้จักกันในนาม “ข้าวเกรียบเหนียว”
เข้าเขียบ น. ข้าวเกรียบ ข้าวเกรียบที่ทำเป็นแผ่นบางๆ เรียก เข้าเขียบ เข้าโป่ง เข้าเขิบ ก็ว่า.
crisp rice-flour tortillas. "สารานุกรมอีสาน-ไทย-อังกฤษ โดย ปรีชา พิณทอง
แม้ในอดีต "ข้าวโป่ง" หรือ "ข้าวเกรียบว่าว" นี้เคยได้รับการยกย่องว่า "เป็นของกินเล่นยอดฮิต" (ในตอนนั้นไม่มี 7-11 ครับ เด็กบ้านนอกอย่างผมก็ได้ขนมนี้แหละกินกัน) ไม่ว่าจะเป็นยามเย็น/เช้าในหน้าหนาว นั่งล้อมวงรอบกองไฟได้ไออุ่น พร้อมทั้งปิ้งข้าวโป่งเป็นขนมขบเคี้ยวไปด้วย นอกจากการเผาหัวมันแกว หรือยามบุญไปฟังลำ ก็จะมีแม่ค้าขายข้าวโป่งราคาแผ่นละสลึง (สมัยราคาทองคำบาทละสี่ร้อย) ผมไม่ค่อยมีตังค์กับเขาดอก ก็ต้องคอยตีแป่บักเป (เสี่ยวกันเป็นลูกผู้ใหญ่บ้าน) ซื้อมาบิ (หัก) แบ่งปันกันกิน ทว่าปัจจุบันความนิยมเริ่มซาไปมาก จนเด็กรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักว่า ข้าวโป่งคืออะไร ขณะที่ผู้ใหญ่หลายคนก็เริ่มหลงลืมกันไปแล้ว
ทำไมจึงเรียก "ข้าวโป่ง" ก็เพราะมันจะเป็นตุ่มโป่งๆ พองๆ ขึ้นมาในแผ่นแป้งเมื่อตอนไปย่างไฟให้สุก ทำให้กรอบอร่อย เลยเรียกว่า "ข้าวโป่ง" หรือ "ข้าวพอง" ส่วน "ข้าวเกรียบว่าว" นั้นมาจากสาเหตุนิยมทำกันในช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าว มีลมหนาว ชาวบ้านจะทำว่าวติดสะนูเสียงดังกังวานลั่นทุ่ง เมื่อมีการย่างแผ่นข้าวเกรียบท่ามกลางสายลมหนาวและฟังเสียงสะนูว่าวด้วย จึงเรียกข้าวเกรียบที่มีในฤดูกาลนี้ว่า "ข้าวเกรียบว่าว" นั่นเอง ส่วนเด็กสมัยใหม่ปัจจุบันมักพูดเล่นๆ กันว่า เวลาที่ชาวต่างชาติมาเมืองไทยได้เห็นวิธีการปิ้งแล้วมันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จึงอุทานว่า "ข้าวเกรียบ WOW.." กะว่าไปเนาะ เหอๆ
วิธีการทำข้าวโป่งจะเริ่มจาก นำข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วไปตำด้วยครกมอง เมื่อละเอียดแล้ว ทางบ้านเฮาจะเอาใบตดหมูตดหมา มาขยี้กับน้ำแล้วสลัดใส่ในครกตอนตำ เพื่อให้ข้าวเหนียวจับตัวกันดี นำน้ำอ้อยก้อนโขลกแล้วตำผสมลงในครกจนเหนียวได้ที่ นำน้ำมันหมูทามือแล้วปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนผสมกับไข่แดง กดก้อนข้าวเหนียวที่ปั้นให้เป็นแผ่นบางๆ แล้ววางบนใบตองที่ทาน้ำมันหมูแล้ว ตากแดดให้แห้ง เมื่อจะรับประทานจึงเอามาปิ้งให้สุก
ในส่วนการทำข้าวโป่ง หรือ ข้าวเกรียบว่าว แบบทางภาคกลาง ภาคเหนือ และอีสานสมัยนี้ทำจะมีขั้นตอนสรุปดังนี้
เทคนิคการปิ้งข้าวโป่งให้พองสวย นำแผ่นข้าวโป่งวางบนไม้ไผ่ที่จักเป็นซี่ (มีด้ามจับยาวประมาณ 1 เมตร) แล้วใช้ไม้ไผ่ที่จักเป็นซี่อีกอันวางเหนือข้าวโป่งเพื่อช่วยประคองไม่ให้ตก จากนั้นนำไปปิ้งบนเตาถ่านขนาดใหญ่ด้วยไฟแรงปานกลาง ค่อยๆ เอียงด้านข้างข้าวโป่งเข้าหาไฟทีละด้าน เมื่อพองแล้วให้พลิกกลับด้านบ่อยๆ ปิ้งหมุนวนไปรอบๆ จนสุกทั่วทั้งแผ่น
ไม้ปิ้งข้าวโป่ง หรือข้าวเกรียบว่าว เป็นเครื่องมือสำหรับปิ้งข้าวโป่งซึ่งเป็นขนมหวานของเด็กๆ ซึ่งมักจะมีขายตามงานวัดทั่วไป วัสดุที่ใช้ทำไม้ปิ้งข้าวโป่ง ได้แก่ ลำไม้ไผ่ โดยนำลำไม้ไผ่มาผ่าซีก ถ้าเป็นไผ่ลำใหญ่ๆ ก็ตัดมา 1 ท่อน ยาวประมาณ 1 ฟุต ผ่าออกเป็น 4 ซีก ลบคมไผ่ข้างๆ ด้วยมีดคมๆ ให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นอาจจะบาดมือหรือมีเสี้ยนตำมือคนปิ้งได้
ไม้ปิ้งข้าวโป่ง 1 ชุดมี 2 อัน ดังนั้น ไม้ไผ่ที่ผ่าออกเป็น 4 ซีก จึงทำไม้ปิ้งข้าวโป่งได้ถึง 2 ชุด หลังจากลบเหลี่ยมคมไม้ไผ่ที่ผ่าซีกแล้ว นำมาผ่าซอยออกเป็นซี่เล็กๆ ผ่าจากปลายเข้ามาหาโคน ผ่าลึกลงมาประมาณ 6 นิ้ว ทำเหมือนกันทั้ง 2 อัน เสร็จแล้วถ้าไม่รีบร้อนปิ้งข้าวโป่งมากจนเกินไป ให้ใช้มีดเหลาเก็บเสี้ยนที่รกรุงรังออกไปให้หมด
การใช้ไม้ปิ้งข้าวโป่ง พ่อค้าแม่ค้า หรือชาวบ้านทั่วไปที่ทำกินเองจะจุดไฟในเตา หรือจุดในก้อนเส้า หรือจะเป็นกองไฟที่จุดจากฟืนก็ได้ แต่ต้องไม่ให้ไฟร้อนจนเกินไป เนื่องจากถ้าใช้ไฟร้อนจนเกินไปจะทำให้ข้าวโป่งไหม้ กินไม่ได้ ยิ่งถ่านไฟยิ่งแรงก็จะยิ่งควบคุมการปิ้งลำบาก
ดังนั้น ต้องใช้ถ่านไฟที่ไม่ร้อนนัก ถ้าจุดไฟขึ้นมาแล้วถ่านร้อนเกินไป จะใช้วิธีตักขี้เถ้าใต้เตาขึ้นมาโรยลงบนถ่านไฟ เถ้าถ่านจะช่วยลดความร้อนให้ลดลง เมื่อได้ไฟตามต้องการแล้ว จึงนำข้าวโป่งออกมา แล้วนำไม้ปิ้งข้าวโป่ง 2 อันมาประกบอันละด้าน ปิ้งกับไฟที่เตรียมไว้ พลิกไปพลิกมา เพียงไม่นานข้าวโป่งก็จะสุก ข้าวโป่งนั้นสุกง่าย เนื่องจากเป็นแผ่นบางๆ ทำจากแป้ง น้ำตาล และส่วนผสมอื่นๆ บ้างเล็กน้อย
ข้าวโป่งรากเครือตดหมา - ทุกทิศทั่วไทย
ในอดีตนั้น ตามงานวัดต่างๆ ข้าวโป่งที่พ่อค้าแม่ค้านำมาปิ้งขายจะมีราคาเพียงอันละ 1 สลึง แต่เด็กๆ มักไม่ค่อยมีเงิน อาจจะต้องรอให้ญาติๆ ของตนซื้อกินแล้วจึงแบ่งให้ หรือบางครั้งอาจจะมีญาติผู้ใหญ่ใจดีซื้อแจกจ่ายให้เด็กๆ กินคนละอันสองอัน ข้าวโป่งเป็นขนมพื้นบ้าน ชาวไทยปิ้งกินกันมาตั้งแต่อดีต ถึงแม้ปัจจุบันจะมีขนมกรุบกรอบเข้ามาจำหน่ายแทนที่ในท้องตลาด แต่ข้าวโป่งก็ยังพอหากินได้ โดยมักจะมีขายตามงานวัดต่างๆ และสถานที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามตลาดโบราณที่ผุดขึ้นมามากมาย ข้าวโป่ง หรือ ข้าวเกรียบว่าว จึงเป็นส่วนหนึ่งในการจำลองบรรยากาศในอดีต ให้ผู้คนและนักท่องเที่ยวได้รำลึกถึงบรรยากาศเช่นนั้นอีกครั้งหนึ่ง
เอกสารงานวิจัย "การพัฒนาการผลิตข้าวโป่งเชิงอุตสาหกรรม"
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)