คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
คนเราเกิดมาย่อมมีการตั้งชื่อเรียกเพื่อให้รู้ว่าเป็นใคร เป็นลูกเต้าเหล่าใด ผู้เป็นพ่อ-แม่คนย่อมแสวงหาชื่ออันเป็นมงคลให้กับบุตรของตน โดยการขอให้ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ มีความรู้เรื่องโหราศาสตร์ ฤกษ์ผานาที หรือพระสงฆ์ผู้คงแก่เรียน ในการตั้งชื่อให้เหมาะสมกับดวงชะตา พาให้ชีวิตรุ่งเรืองไปในภายภาคหน้า ซึ่งในอดีตนั้นมีตำราของโบราณอีสานกำหนดเป็นแนวทางไว้
นาม หรือ ชื่อ ในปฐมสมันตปาสาทิกาอรรถกถาของพระวินัยปิฎก กล่าวถึงชื่อว่าไว้จำนวน 4 ชื่อ คือ
นามที่ 3 คือ อธิจจสมุปปันนนาม นี้ เป็นนามที่หาตั้งกันขึ้นตามโลกนิยมว่า เป็นมงคล ซึ่งเรียกว่า มงคลนาม ก็ได้ เพราะผู้ตั้งอยากให้เป็นเช่นนั้น ส่วนนามที่ 4 นั้น สำหรับชาวบ้านที่ประสบผลสำเร็จทางการเงินหรือฐานะ ก็มักจะเป็นชื่อ "เศรษฐี" แต่ก็คงไม่มีโอกาสเป็นไปได้สำหรับคนจน ดังนั้น การตั้งชื่อทั้งหลายทั้งปวงจึงเป็นไปเฉพาะตามข้อ 3 เป็นหลัก
การตั้งชื่อที่อยากจะให้เป็นไปเช่นนั้น จะต้องให้เว้นตัวอักษรที่เป็นกาลกิณี อย่าให้มีในชื่อจึงจะเป็นมงคลนาม เป็นสิริมงคลแก่เจ้าของ วิธีหาชื่อให้เป็นมงคล ให้ดูความหมายของทักษาในวันดังนี้ (ดูตาราง)
1 วันอาทิตย์ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ (กาลกิณี) |
2 วันจันทร์ ก ข ค ฆ ง (บริวาร) |
3 วันอังคาร จ ฉ ช ฌ ญ (อายุ) |
8 วันศุกร์ ศ ษ ส ห ฬ ฮ (มนตรี) |
4 วันพุธ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ (เดช) |
|
7 วันราหู (พุธกลางคืน) ย ร ล ว (อุตสาหะ) |
6 วันพฤหัสบดี บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม (มูละ) |
5 วันเสาร์ ด ต ถ ท ธ น (ศรี) |
ใครเกิดวันอะไรให้เริ่มนับบริวารจากช่องนั้น เวียนขวาไป ไม่ว่าหญิงหรือชาย เรียงลำดับเป็น บริวาร, อายุ, เดช, ศรี, มูละ, อุตสาหะ, มนตรี และกาลกิณี จากตัวอย่างในตาราง คนเกิดวันจันทร์ เริ่มนับที่ช่องที่ 2 เวียนขวาไปตามลำดับ ตัวอักษรที่เป็นกาลกิณีจะตกในวันอาทิตย์ ชื่อของบุคคลที่เกิดในวันจันทร์จึงไม่มีสระอยู่ในชื่อจึงจะเป็นมงคล เช่น ชยกร หมายถึงชื่อของผู้มีอายุยืนนาน (อักษร ช) บริวารมากมาย (อักษร ก) และมีความอุตสาหะเป็นเลิศ (อักษร ย, ร)
บริวาร | หมายถึง เพื่อนฝูง พวกพ้อง มีบริวารมาก บริวารช่วยงานดี บริวารให้คุณ |
---|---|
อายุ | หมายถึง อายุ การมีอายุยืน สุขภาพดี |
เดช | หมายถึง อำนาจวาสนา หน้าที่การงาน จะเป็นหัวหน้างาน คนเกรงขาม |
ศรี | หมายถึง ทรัพย์สินเงินทอง โชคลาภ ความมั่งคั่ง |
มูละ | หมายถึง หลักฐานบ้านช่อง มรดก |
อุตสาหะ | หมายถึง ความขยันหมั่นเพียร ผลสำเร็จ ความคิดริเริ่ม |
มนตรี | หมายถึง ผู้อุปถัมภ์ค้ำชู ทำอะไรมัคนคอยช่วยเหลือ |
กาลกิณี | หมายถึง ความชั่วร้าย ศัตรูคู่อาฆาต ความไม่ดี การถูกตำหนิ |
ดังนั้น การตั้งชื่อหากต้องการให้เป็นไปเช่นไร ก็ให้นำทักษานั้นมาตั้งเป็นชื่อตัวแรก และเลือกสิ่งที่ต้องการให้เป็นไปลำดับถัดจากนั้นมาผสม โดยเว้นอักษรที่เป็นกาลิกิณีในชื่อ การนำอักษรมาผสมต้องคำนึงถึงการอ่านได้เป็นคำที่มีความหมาย เป็นที่รู้จักกัน เข้าใจกันโดยทั่วไปได้ มิใช่นำมาผสมกันสะเปะสะปะเพียงต้องการให้ได้ทักษาที่ดี แต่ไม่มีความหมายใดๆ ได้
นะ ชัจจา วะสะโล โหติ นะ ชัจจา โหติ พราหมโณ กัมมุนา วะสะโล โหติ กัมมุนา โหติ พราหมโณ "
แปลว่า
ไม่มีชั่วโดยกำเนิด ไม่มีดีโดยกำเนิด ชั่วอยู่ที่ทำเอา และดีก็อยู่ที่ทำเอา เท่านั้น
ดังนั้น เมื่อท่านเลือกเกิดในดวงดีไม่ได้ ท่านก็จงมุ่งทำดีเอาเถิด แล้วท่านจะได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทน อย่าให้หมอดูมาทำนายทายทักกุมชะตาชีวิตของคุณ จงกำหนดวิถีชีวิตของท่านเองเถิด
คนที่เกิดวันอาทิตย์ ถ้าอยากมีบริวารมากให้เอาสระมาขึ้นต้นชื่อ เช่น อุดร ซึ่งแปลว่า ยอด หรือเหนือคน โดย "อุ" เป็นบริวาร "ด" เป็นมูละ "ร" เป็นมนตรี ได้บริวาร มูละและมนตรีรวมกัน ชื่อ อุดร จึงเป็นชื่อที่ดี ถ้าเป็นหญิงให้ใช้ อาภรณ์ แปลว่า ผ้า หรือ คนงาม โดย "อา" เป็นบริวาร "ภ" เป็นอุตสาหะ "ร" เป็นมนตรี "ณ" เป็นศรี คือได้ทั้งบริวาร อุตสาหะ มนตรี และศรี พรั่งพร้อม
เพื่อนบางคนอยากไปเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล แก้ดวง แก้ปีชงห่าเหวอะไรของมันก็ไม่รู้ แถมเสือกอยากได้ตัวอักษรอะไรแปลกๆ ตามสมัยนิยมกับเค้าบ้าง แบบพวกดาราอย่าง ณ ฎ ฐ ฤ ภ ก็เลยพาเพื่อนไปที่วัดหาพระอาจารย์ ท่านก็ใจดีตั้งชื่อมาให้ว่า "คฤจภัค คิศถฤงคิธแคท" ดังภาพ
คนได้ชื่อใหม่ถึงกับเหวอถามพระอาจารย์ว่า "ท่านอาจารย์ครับ ผมอ่านไม่ออกขอรับ" ท่านเลยเมตตาอ่านให้ฟังว่า "คิด-จะ-พัก คิด-ถึง-คิทแคท"
แต่ได้โปรดอย่าตั้งชื่อตามคำทำนายทายทักของหมอดู จนได้ชื่อประหลาดๆ ทั้งเขียนก็ยาก ให้อ่านก็ยาก เอาไปปักชื่อบนอกเสื้อก็ยาว จะกรอกลงในแบบฟอร์มก็อาจผิดพลาดไม่ครบถ้วน ยิ่งถามชื่อทางโทรศัพท์แล้วกรอกลงแบบฟอร์มมีเหวอ จนคนไทยหรือฝรั่งก็งงงวยไม่แพ้กัน ชื่ออะไรฟร่ะ! เขียนและอ่านไม่ถูกกันเลย ดูคลิปนี้ประกอบเลยครับ
ชื่อไทยเริ่มยาก คนพากย์เริ่มฉิบหาย
แต่ก็พบเห็นได้ในสมัยปัจจุบันที่มักจะไม่เชื่อว่า พ่อ-แม่ ตั้งชื่อให้มาดี ไปเชื่อหมอดูคู่กับหมอเดา ที่ไม่ใช่ญาติเพียงต้องการเงินค่าคาย (ค่าครู) เลี้ยงชีพ จึงได้ชื่อที่พิกลพิสดารจนไม่มีความหมายใดๆ อ่านออกเสียงก็ยาก คนอื่นฟังก็เขียนตามไม่ถูก บางชื่อยาวมากกว่า 6 พยางค์ก็มี ยาวเสียจนป้ายชื่อติดหน้าอกไม่สามารถจะเขียนได้พอ เช่นนี้ก็ไม่น่าจะเป็นมงคล มีเรื่องราวของการไปเปลี่ยนชื่อจากที่พ่อแม่ตั้งให้ แล้วไม่สำเร็จเป็นตัวอย่างดังนี้
"นายฮวด เป็นลูกคนจีน เรียนหนังสือเก่งที่สุดในรุ่นเดียวกัน จนจบคณะรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมีชื่อ จึงได้ไปสอบบรรจุเป็นปลัดอำเภอ ก่อนสมัครสอบได้ข่าวว่า ปีก่อนนั้นเวลาเรียกบรรจุปลัดอำเภอได้เรียกตามลำดับจากชื่อ ก. ไก่ ขึ้นต้น จึงได้ไปเปลี่ยนชื่อใหม่จาก "ฮวด" เป็น "เกรียงไกร" ด้วยหวังจะได้บรรจุอย่างรวดเร็วก่อนเพื่อน ปรากฏว่าสอบได้ดังใจหมาย แต่ปีนี้เรียกบรรจุจากชื่อ ฮ. นกฮูก ขึ้นมาก่อน ไม่มีใครชื่อขึ้นต้นด้วย ฮ. เลย จึงเริ่มที่ นายอำนวย เป็นคนแรก อนิจจาเพราะไม่เชื่อชื่อที่พ่อ-แม่ตั้งให้แท้ๆ เชียว"
คนต่างชาติสงสัย คนไทยตั้งชื่อเล่นแปลกๆ?
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)