คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
การวางขา ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยเท้าขวา หรือเท้าซ้ายก็ได้ไม่จำกัดเท้าแน่นอน ก้าวสลับกันไปให้เข้ากับจังหวะแคน เป็นการก้าวเดินธรรมดาเข้ากับจังหวะ น้ำหนักจะอยู่ทั้งสองขา ทำเช่นเดียวกันทั้งหมอลำกลอนชายและหญิง
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง ยกแขนทั้งสองขึ้นศีรษะทั้งชายหญิง ไม่จีบมือ ใช้แขนพันกันหักข้อมือเคลื่อนไหว เหมือนนาครัดกัน ยกแขนเหนือศีรษะตลอด
การแปรขบวน หมอลำกลอนวาดอุบลราชธานี จะแปรขบวนได้สองอย่าง คือ ฟ้อนเกี้ยวท่านาคเกี้ยวเกล้าโดยการฟ้อนโชว์ ทั้งคู่ก้าวเดินออกไปข้างหน้าเวทีชายอยู่ด้านขวามือเสมอ แล้วถอยหลังกลับที่เดิม หรือทั้งคู่ฟ้อนในท่านาคเกี้ยวเกล้า โดยการก้าวเดินแปรเป็นวงกลม ชายจะอยู่วงนอกเสมอ
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าที่แสดงออกด้วยใบหน้าสดชื่น อยู่ในลักษณะสำรวม เป็นการฟ้อนที่อยู่ในท่าไหว้ครู ระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์เพื่อความมั่นใจ การก้าวเดินตามจังหวะนุ่มนวลเรียบร้อย
การวางขา การวางขาเหมือนท่าฟ้อนนาคเกี้ยวเกล้า เป็นการก้าวเดินไปตามจังหวะแคน จะก้าวเท้าไหนก่อนก็ได้ น้ำหนักตัวจะอยู่ที่เท้าทั้งสอง
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวงที่จำกัด วงจะสูงบ้างต่ำบ้างตามความถนัด ความพอใจของหมอลำแต่ละคน มืออยู่ในท่าคล้ายสอดสร้อยมาลาของภาคกลาง ไม่มีจีบมือ ใช้ข้อมือหักพริกคว่ำและหงายสลับกันไป ทำเหมือนกันทั้งชายหญิง
การแปรขบวน การแปรขบวนจะต่อจากท่าที่ 1 โดยการเดินไปตามจังหวะเป็นวงกลม เริ่มจากจุดใดจุดหนึ่งแล้วกลับมาที่เดิม ชายจะอยู่รอบนอกทุกครั้งหญิงจะอยู่วงในเสมอ
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าแสดงออกบ่งบอกถึงความสนุกสนานร่าเริงเย้าหยอกกัน เป็นการท้าทายคู่ต่อสู้อย่างมีความสุข
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าฟ้อนเกี้ยวในจังหวะและท่าธรรมดาและเป็นท่าฟ้อนที่หมอลำกลอนทุกคนถือว่าเป็นท่าฟ้อนเกี้ยวที่สุภาพที่สุด
การวางขา การวางขาคงทำเหมือนทุกท่าที่ผ่านมา เป็นการก้าวเดินไปตามจังหวะแคน ในท่าฟ้อนเกี้ยวจังหวะธรรมดา การก้าวเดินจะก้าวไปข้างหน้า หรือต่างคนต่างก็ถอยหลังทำเป็นวงกลมก็ได้
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง ใช้ท่าเกี้ยวธรรมดาทั้งหมด ไม่จีบมือ ไม่จำกัดวง แต่มีการไล่นิ้วอย่างสวยงาม
การแปรขบวน เป็นการแปรขบวนสวนทางกับท่าฟ้อนเกี้ยวธรรมดา ชาย – หญิง อยู่ตรงกันข้ามฟ้อนท่าธรรมดา ถอยหลังค่อยๆ เตี้ยลงจนถึงพื้นทั้งคู่ ด้วยการหันหน้าเข้าหากัน
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าของทั้งคู่แสดงออกถึงอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบ สนุกสนาน ร่าเริง แฝงไว้ซึ่งความท้าทายยั่วยุคู่ฟ้อนเป็นการแสดงถึงความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคน
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าฟ้อนที่แสดงถึงความสามารถของผู้ฟ้อนในลักษณะค่อยๆ เตี้ยลงหรือค่อยย่อลงไปจนถึงพื้น โดยไม่เซล้ม แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นซึ่งเป็นท่าฟ้อนเกี้ยวที่ฟ้อนยาก และสุภาพท่าหนึ่ง
การวางขา การวางขาและการก้าวเดินคงดำเนินไปเหมือนกับท่าฟ้อนอื่นๆ โดยการก้าวเดินให้เข้ากับจังหวะแคน
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง ยกแขนขึ้นสูงระดับศีรษะ ฝ่ามือแบหันปลายมือเข้าหากัน ใช้มือทั้งสองหมุนทำเป็นลักษณะม้วนข้อมือ ทำเหมือนกันทั้งหมอลำกลอนฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
การแปรขบวน การแปรขบวนจะเชื่อมต่อจากเดินตามจังหวะเป็นวงกลม ท่าฟ้อนไล่ครุบ จะเปลี่ยนเป็นท่าฟ้อนม้วนมือด้วยการก้าวเดินคู่ไปข้างหน้า พอประมาณ แล้วกลับถอยหลังเข้าที่เดิมโดยมีหมอแคนอยู่ตรงกลาง
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าที่แสดงออกเป็นการแสดงออกถึงอารมณ์ที่อิ่มเอิบ มีความสุข สนุกสนานร่าเริง
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าฟ้อนที่บอกให้คู่ฟ้อนและหมอแคนที่ให้จังหวะทราบว่า จะจบขบวนการฟ้อนและกลับเข้าที่เดิมแล้ว
การวางขา การวางขาคงยังดำเนินไปเหมือนท่าฟ้อนม้วนมือ เป็นการเดินถอยเข้าที่เดิมทั้งคู่ให้เข้าจังหวะแคน
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง แขนและมืออยู่ในลักษณะเดิมกับท่าฟ้อนม้วนมือ เพียงแต่กำมือเข้าแทนมือแบ แขนจะลดลงต่ำเรื่อยๆ โดยการทำเป็นจังหวะในลักษณะหักข้อมือ
การแปรขบวน ไม่มีการแปรขบวนมากนัก เพียงแต่ก้าวถอยกลับเข้าที่เดิมเข้าจังหวะแคน ทั้งคู่จะอยู่คนละข้างของหมอแคนข้างใดก็ได้ไม่จำกัด
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าและอารมณ์แสดงออกถึงความสนุกสนานร่าเริง
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าฟ้อนที่เป็นสัญลักษณ์ให้คู่ฟ้อน หมอแคน และผู้ชมทราบว่า จบสิ้นการฟ้อนลงแล้ว
การวางขา ยืนอยู่ในท่าขากางออกพอประมาณในท่ายืนตรง น้ำหนักอยู่ทั้งสองข้างหน้ามองตรง
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง แขนเหยียดออกไปด้านข้างเหยียดตรงระดับไหล่ ฝ่ามือคว่ำ
การแปรขบวน ไม่มีการแปรขบวนเป็นการแสดงยืนอยู่กับที่เพื่อจะเชื่อมไปสู่ท่าใหม่
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าที่แสดงออกเป็นสีหน้าและอารมณ์ปกติ
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าฟ้อนอิสระเลียนแบบสัตว์ ได้แก่ การบินของอีแร้งในลักษณะที่อีแร้งกำลังจะบินลงสู่พื้น ด้วยการกระพือปีกและกางขา เพื่อสัมผัสกับพื้นดิน เพื่อการทรงตัว
การวางขา ขาอยู่ในท่าการยืนตรง เท้าแยกกันเล็กน้อย หันหน้าตรง
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง แขนเหยียดตรงอยู่ในระดับไหล่คว่ำฝ่ามือลง ปลายนิ้วเหยียดตรง
การแปรขบวน ไม่มีการแปรขบวนเป็นการแสดงท่าประกอบกับเนื้อหาอยู่กับที่
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าที่แสดงออกอยู่ในท่าสงบปกติ
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าอิสระที่เลียนแบบพฤติกรรมของสัตว์ ได้แก่ การพักผ่อนของสัตว์ปีกด้วนการตากปีกออกผึ่งแดด
การวางขา ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าตามจังหวะแคน น้ำหนักอยู่ที่เท้าที่ก้าวไปข้างหน้า
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง วงสูงบ้างต่ำบ้างไม่จำกัด หักข้อมือม้วนออกไปด้านข้างทั้งซ้ายขวา แขนทั้งสองจะเหยียดตรงไปข้างหลังคว่ำฝ่ามือลง หักปลายนิ้วขึ้นทั้งสองข้าง (เหมือนท่ายูงฟ้อนหางของภาคกลาง) ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
การแปรขบวน เป็นการเดินไปตามจังหวะไปข้างหน้าประมาณ 4 - 5 ก้าว หรือมากกว่านั้น ประกอบกับท่ามือแล้วถอยกลับไปอยู่ที่เดิม
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าที่แสดงออกให้เห็นถึงความร่าเริงสนุกสนาน สดชื่น
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าฟ้อนเลียนแบบนกยูง ที่แสดงออกถึงความพึงพอใจ ด้วยการอวดศักดาของตน โดยการรำแพนหางเป็นอาการสื่อภาษาในการแสดงอำนาจกับนกตัวอื่น และในขณะเดียวกันก็เป็นการบอกถึงความเจ้าชู้กับเพศตรงข้ามด้วย
การวางขา ก้าวเดินสลับเท้าออกไปข้างหลัง ให้เข้ากับจังหวะแคน ด้วยการเดินตรงไปข้างหน้าประมาณ 4 - 5 ก้าว นำหนักตัวอยู่ที่เท้าที่ก้าวไปข้างหน้า
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง เหยียดแขนทั้งสองตรงไปข้างหน้า แล้วลดต่ำลงมาให้อยู่เหนือระดับเข่าพอประมาณ ฝ่ามือคว่ำทั้งสองใช้มือขวาทับซ้ายหรือซ้ายทับขวาก็ได้ ลำตัวโค้งลงค่อนข้างมาก ให้นิ้วหัวแม่มือพ้นออกมาทั้งสองข้าง กระดิกหัวแม่มือให้เคลื่อนไหวแทนขาเต่า สวนนิ้วอื่นๆ อยู่ในลักษณะประกบกันเรียบ
การแปรขบวน ก้าวเดินไปข้างหน้าสลับขวา – ซ้ายให้เข้ากับจักหวะแคน ประกอบกับมือที่ส่ายไปมา และกระดิกหัวแม่มือ ก้าวไปข้างหน้าประมาณ 4 - 5 ก้าว แล้วก็ถอยกลับไปยังที่เดิม
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าที่แสดงออกบ่งบอกถึงความดีใจ ตื่นเต้นในการพบหนองน้ำ ด้วยอาการรีบคลานลงหนองด้วยความเร็วสังเกตจากการกระดิกนิ้วหัวแม่มือแทนขาเต่า
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าฟ้อนอิสระที่เลียนแบบสัตว์ เช่นเดียวกับเป็นการเลียนแบบที่บอกถึงลักษณะรูปร่างของเต่า ตลอดจนพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของเต่าด้วย
การวางขา ก้าวเดินไปข้างหน้าในลักษณะย่อเข่าเล็กน้อย เท้าไหนก้าวก่อนก็ได้ให้เข้ากับจังหวะแคน น้ำหนักตัวจะอยู่ที่เท้าที่ก้าว
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง แขนทั้งสองจะวางในท่านวยนาดเหมือนกับการเดินทุกอย่าง แขนและขาสลับข้างกัน มือวางคว่ำทับเข่าที่ก้าวในท่าสำรวมนอบน้อมพร้อมกับก้มศีรษะ
การแปรขบวน เป็นการเดินไปข้างหน้าให้เข้ากับจังหวะแคนประกอบลีลาแขนเดินออกไปประมาณ 5 - 6 ก้าว แล้วเดินถอยกลับที่เดิม
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าที่แสดงออกถึงความเคารพนอบน้อมสุภาพสำรวม เมื่อต้องเดินผ่านผู้มีอาวุโส
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าฟ้อนที่เลียนแบบพฤติกรรมในวิถีชีวิตจริงของคนในสังคมชนบท ลักษณะผู้น้อยที่พึงปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ ที่อยู่ในฐานะของแม่สามี ผู้เป็นสะใภ้จะต้องถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
การวางขา เท้าทั้งสองยืนแยกห่างกันพองาม ลำตัวโค้งก้มลง น้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าทั้งสองข้าง
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง แขนทั้งสองยื่นลงไปยังพื้น ลักษณะกำมือไม่แน่น (มือจับขอบสวิง) ตวัดไป – มา
การแปรขบวน ไม่มีการแปรขบวน เป็นการแสดงให้เข้ากับจังหวะแคนอยู่กับที่
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าแสดงออกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส สนุกสนาน
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นการฟ้อนเลียนแบบการทำมาหากินของชาวชนบท ด้วยการใช้สวิงช้อนกุ้งในหนอง ซึ่งเป็นการช้อนที่เรียกว่า “แค่ง”
การวางขา ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าสลับกับเท้าซ้าย ให้เข้ากับจังหวะแคน น้ำหนักตัวจะอยู่ที่เท้าก้าวเสมอ
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง มือขวายกขึ้นระดับอก มือซ้ายอยู่ระดับเอวในลักษณะหักข้อมือคว่ำไปข้างหลัง มือขวาก็ทำเช่นเดียวกัน แสดงการตีกลอง
การแปรขบวน ก้าวเดินไปข้างหน้าให้เข้ากับจังหวะแคน ประกอบท่ามือตีกลองไปข้างหน้า แล้วถอยหลังกลับที่เดิม
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าที่แสดงออกบ่งบอกถึงความสนุกสนานอย่างมีความสุข
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าฟ้อนที่เลียนแบบประเพณีการทำบุญต่างๆ ของชาวอีสาน ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการตีกลองร้องเพลงกินเหล้า บอกถึงการมีความสุขที่สุดในชีวิต
การวางขา ยืนแยกเท้าห่างกันพอประมาณ ลำตัวโค้งก้มลงค่อนข้างมาก น้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าทั้งสอง
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง แขนทั้งสองข้างเหยียดตรงระดับเข่า มืออยู่ในลักษณะกำไม่แน่น (ทำท่าเกี่ยวข้าว) มือขวากำเคียวยกขึ้น – ลงเข้ากับจังหวะ
การแปรขบวน ไม่มีการแปรขบวน ก้าวเดินไปข้างหน้าเข้ากับจังหวะแคนประมาณ 2 - 3 ก้าว แล้วถอยกลับที่เดิม
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าที่แสดงออกค่อนข้างเคร่งขรึมขมักเขม้นในการทำงาน
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าฟ้อนที่เลียนแบบวิถีชีวิตของชาวชนบทด้วยการเกี่ยวข้าวในนา ซึ่งส่วนมากชาวชนบทมีอาชีพในการทำนา
การวางขา ก้าวด้วยเท้าขวาสลับกันไปข้างหน้าประมาณ 3 - 4 ก้าว เข้ากับจังหวะแคน น้ำหนักอยู่ที่เท้าก้าว
การตั้งวง ไม่มีการตั้งวง แขนทั้งสองเหยียดตรงไปด้านข้างคว่ำมือ ปลายมือทั้งสองโบกขึ้น – ลง เอียงซ้าย – ขวาสลับกันไป
การแปรขบวน ไม่มีการแปรขบวน ก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วถอยหลังประมาณ 3 - 4 ก้าว แล้วถอยหลังกลับเข้าที่เดิม สายตามองจ้องพื้นหาอาหาร
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าแสดงออกถึงใจจดจ่ออยู่กับการหาอาหาร
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าฟ้อนเลียนแบบการบินของเหยี่ยว ในการบินเสาะแสวงหาอาหาร ด้วยความเร็วพอปานกลาง
การวางขา ชายยืนซ้อนหลัง ก้าวด้วยเท้าขวาสลับกันไปศีรษะเอียงด้านขวา ก้มหน้านิดหน่อย น้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าก้าว ทำเหมือนกันทั้งชายและหญิง
การตั้งวง ตั้งวงกลางกวักมือขึ้น – ลง ทำเหมือนกันทั้งชายและหญิง
การแปรขบวน ก้าวเดินพร้อมกับเคลื่อนไหวมือบินเหมือนนก ให้เข้ากับจังหวะแคน ไปข้างหน้าประมาณ 3 - 4 ก้าว แล้วถอยหลังกลับที่เดิม หรือทำเป็นวงกลมก็ได้
การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์ สีหน้าแสดงออกด้วยสีหน้าและอารมณ์ปกติ
ความหมายของท่าฟ้อน เป็นท่าฟ้อนเลียนแบบการบินของนกกระเจ่าบินวนเวียนไป - มา
ขอบคุณผู้ให้ข้อมูล : หมอลำทองศรี ศรีรักษ์
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)