foto1
foto1
foto1
foto1
foto1
ช่วงนี้อากาศปรวนแปรไปทั่วโลก บ้างก็มีพายุรุนแรง แผ่นดินไหว ฝนตก น้ำท่วม ดินพังทลาย จนไร้ที่อยู่ บ้านเฮากะต่างภาคต่างกะพ้อไปคนละแนว บ้างก็ฝนตกจนน้ำท่วม บ้างก็แล้งจนพืชผลแห้งตาย กระจายเป็นหย่อมๆ แบบบ้านเพิ่นท่วมแป๋ตาย นาใกล้ๆ กันนี้ผัดบ่มีน้ำจนดินแห้ง อีหยังว่ะ! นี่ละเขาว่าโลกวิปริตย้อนพวกเฮามนุษย์เป็นผู้ทำลายของแทร่ ตอนนี้ทางภาคเหนือกำลังท่วมหนัก ข่าวว่าภาคอีสานบ้านเฮาก็เตรียมตัวไว้เลย พายุกำลังมาแล้ว ...😭🙏😁

: Our Sponsor ::

adv200x300 2

e mil

No. of Page View

paya supasit

ju juคันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า

        ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ##

satsana pitee header

การปฏิบัติด้านศาสนพิธีของชาวพุทธในภาคอีสานนั้น มีคนเป็นจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจแต่นำมาใช้ปฏิบัติผิดไป เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจเพราะมีคนอยากรู้แต่ไม่มีคนสอน ผู้ที่น่าจะสอนได้ก็ไม่สอนเพราะเกิดความลังเลไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า เพราะไปเห็นมาหลายที่ก็กระทำผิดแผกแตกต่างกันไป

การทำบุญในประเพณีอีสานบ้านเฮา ที่ปฏิบัติกันอยู่จะมี 2 อย่างคือ

  • ทำบุญงานมงคล หมายถึง การทำบุญเพื่อนำสิ่งที่ดีเป็นสิริมงคลอยู่แล้วให้เป็นสิริมงคลยิ่งๆ ขึ้น เช่น งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ การแต่งงาน เป็นต้น
  • ทำบุญงานอวมงคล หมายถึง การทำบุญเพื่อทำสิ่งที่ชั่วร้ายให้กลายเป็นดี เช่น การทำบุญเนื่องในงานศพ เป็นต้น

ตัวอย่างนี้เป็นการปฏิบัติของการทำบุญบ้านแบบอีสาน ซึ่งมีวิธีการและขั้นตอนดังนี้

satsana pitee 4

การเตรียมงาน

    1. หาและกำหนดวันทำบุญบ้าน ก็คงจะต้องเลือกวันที่ดีตามฤกษ์ยาม และต้องเลือกวันสะดวก กล่าวคือ สะดวกทั้งเจ้าภาพ ผู้มาร่วมงาน และพระสงฆ์ที่จะรับนิมนต์มาในงานบุญท่านต้องไม่ติดกิจนิมนต์อื่นๆ
    2. นิมนต์พระสงฆ์ (อาราธนา) มาเจริญพระพุทธมนต์ตามจำนวนที่ต้องการ โดยใน งานมงคล นิยมนิมนต์ พระสงฆ์จำนวนเป็นเลขคี่ เช่น 5-7-9 เป็นต้น แต่ถ้าเป็น งานอวมงคล คือ งานศพจะนิมนต์ พระสงฆ์เป็นเลขคู่ เช่น 4-6-8-10 รูป เป็นต้น
    3. หาเสื่ออาสนะปูสำหรับพระสงฆ์ นิยมทำกันอยู่สองแบบคือ ยกพื้นอาสน์สงฆ์ให้สูงขึ้น โดยใช้เตียงหรือม้านั่งยาวมาต่อกันให้ยาวพอสำหรับจำนวนพระสงฆ์ มักจะใช้ในกรณีทางญาติโยม เจ้าภาพนั่งบนเก้าอี้กัน อีกวืธีหนึ่งคือปูลาดอาสนะพื้นธรรมดา โดยแยกออกจากพื้นที่ของที่นั่งญาติโยมด้วยการปูผ้าพับอีกหนึ่งชั้น ปัจจุบันนิยมใช้อาสน์สงฆ์ที่รองนั่งแบบพับได้ (ตามรูปประกอบด้านบน) เพื่อความสะดวกโดยมีจำนวนเท่ากับพระสงฆ์ที่นิมนต์มา
    4. เตรียมน้ำดื่ม กระโถน และอื่นๆ ไว้ด้วยให้ครบจำนวนตามที่เรานิมนต์มา โดยวางไว้ทางด้านขวามือของพระแต่ละรูป
    5. เตรียมภัตตาหารสำหรับถวายพระ (ควรเป็นอาหารสุขภาพ ไม่สร้างปัญหาการเป็นโรค NCDs เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน เป็นต้น) และปัจจัยไทยทานอื่นๆ
    6. ตั้งโต๊ะหมู่บูชา เอามาตั้งไว้ข้างขวาของพระประธานสงฆ์ (ถ้าไม่มีก็ไม่ต้อง) จัดโต๊ะหมู่และเครื่องบูชาให้ถูกต้อง
    7. จัดหาถาดคายมุงคุล (มงคล) แล้วใส่คายเครื่องบูชาและเครื่องมงคลดังนี้
      • ขัน 5 คือ ดอกไม้ขาว 5 คู่ เทียน 5 คู่
      • เงิน 1 บาท 50 สตางค์ หรือถ้ามีศรัทธาให้ถวายต่างหาก
      • บาตรหรือขันน้ำมนต์ ที่ใส่น้ำที่ใสสะอาด ใส่ว่านหอม หรือผลส้มป่อยเผาลงในน้ำ แล้วตั้งไว้ตรงกลางถาด (เว้นงานศพ)
      • เทียนน้ำมนต์
      • ไม้มงคล (ไม้ไขว้ตีนกา) เอามาวางไขว้กันบนปากบาตรน้ำมนต์ จะเอาไม้ไผ่หรือหญ้าคาแทนก็ได้
      • ด้ายมงคล หรือ ด้ายสายสิญจน์ เรียกถูกทั้งสองอย่าง (แต่นิยมเรียกด้ายมงคลเมื่อใช้ในงานมงคล เรียกด้ายสายสิญจน์เมื่อใช้ในงานศพ)
    8. ที่ประพรมน้ำมนต์ คือ มัดกำหญ้าคาหรือมัดก้านมะยมพร้อมใบ จำนวน 1 กำ
    9. ดอกไม้ใส่แจกัน ธูปเทียนในกระถางธูปและเชิงเทียน เพื่อจุดบูชาพระรัตนตรัย
    10. ไม้ขีดและเทียนชนวน เพื่อจุดให้ผู้ใหญ่ (ประธานในพิธี) ใช้จุดเทียนและธูปบูชาที่โต๊ะหมู่ก่อนเริ่มพิธี (เคล็ดลับ : ควรเตรียมธูปและเทียนให้จุดติดได้ง่ายๆ แม้จะมีลมพัดบ้างก็ตาม ด้วยการใช้ยาหม่องทั่วไปชุบที่ปลายของธูปและเทียน จะจุดติดสะดวกขึ้นนักแล)
    11. จัดที่วางบาตรและหาผ้ารองตั้งบาตรไว้ให้พร้อม (ผ้าขาว)
    12. เตรียมพาหนะไว้รับ-ส่งพระสงฆ์จากวัดมาสถานที่จัดงานให้พร้อม
    13. อื่นๆ (เช่น หมากพลู บุหรี่ เป็นต้น) ยุคนี้อาจจะตัดออกได้ เพราะถือว่าเป็นยาเสพติดให้โทษต่อร่างกาย ไม่ควรส่งเสริม รวมทั้งอาหารที่ถวายในการฉันเช้า-เพล ควรพิจารณาถึงสุขภาพพลานามัยของพระสงฆ์ให้มาก อย่าถวายตามความชอบของเจ้าของงาน ซึ่งมักจะมีความหวาน มัน เค็ม ที่ทำให้พระต้องผจญกับโรคภัย เช่น โรคอ้วน ความดัน เบาหวาน กันมากมายในปัจจุบัน

satsana pitee 2

เริ่มพิธีทางศาสนา

เมื่อพระสงฆ์เดินทางมาถึง และนั่งบนอาสนะของท่านเรียบร้อยแล้ว ให้ดำเนินการดังนี้

      1. ประเคนน้ำ (หมากพลู บุหรี่ ปัจจุบันควรยกเลิกไปเพราะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ) ตาลปัตร และวางบาตรบนที่จัดเตรียมไว้ ข้อที่ควรระวังคือ สิ่งของที่ประเคนแล้วนั้น ห้ามฆารวาสไปจับต้องอีก หากเผลอไปจับต้องจะต้องทำการประเคนใหม่
        ลักษณะประเคนของที่ถูกต้อง
        - ของที่ประเคนนั้นต้องไม่ใหญ่โตหรือหนักเกินไป ยกให้ด้วยคนเดียวได้และต้องยกของนั้นให้พ้นจากพื้นที่ของนั้นวางอยู่
        - ผู้ประเคนต้องเข้ามาในหัตถบาส คือผู้ประเคนต้องอยู่ห่างจากพระผู้รับประเคนประมาณหนึ่งศอก
        - ผู้ประเคนน้อมสิ่งของเข้ามาให้นั้นจะส่งด้วยมือก็ได้ หรือจะตักส่งให้ด้วยของเนื่องกาย เช่น ใช้ทัพพีตักถวายได้
        - พระภิกษุผู้รับประเคนจะรับด้วยมือก็ได้ จะเอาผ้ารับทอดก็ได้ หรือจะเอาภาชนะรับ เช่น บาตร หรือจานรับส่งของที่เขาตักถวายก็ได้
      2. เชิญเจ้าภาพ หรือประธานในพิธีจุดธูปเทียน ที่โต๊ะหมู่บูชาเพื่อบูชาพระรัตนตรัย (ธูปเทียนที่ใช้นั้นมีเทียน 2 เล่ม ธูป 3 ดอก ต้องจุดเทียนเล่มข้างขวาพระหัตถ์พระพุทธรูปก่อน แล้วจุดเล่มซ้าย ตามด้วยธูปทั้ง 3 ดอกนั้น การดับเทียนชนวนไม่ควรใช้ปากเป่าให้ดับ ควรใช้วิธีการอื่นเช่น ใช้ใบตองรูปกรวยปิดดับไฟ เป็นต้น)
      3. ถวายบาตรน้ำมนต์ พร้อมด้วยด้ายมงคล ในกรณีที่ด้ายมงคลและบาตรน้ำมนต์อยู่ด้วยกัน ภาชนะเครื่องบูชาอยู่ต่างหาก แต่ถ้าบาตรน้ำมนต์ เครื่องบูชาและด้ายมงคลอยู่ในภาชนะเดียวกัน ให้ทำตามข้อถัดไปทั้งหมด
      4. ผู้นำในพิธียกภาชนะบูชา แล้วนำคณะว่าคำบูชาพระรัตนตรัย โดยคำว่า นะโม ตัสสะ ฯลฯ สัมมาสัมพุทธสสะ 3 จบ แล้วว่า
        อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามะ อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามะ อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามะ พุทธะปูชา เตชะวันตา ธัมมะปูชา ปัญญะวันตา สังฆะปูชา โภคะวันตา ยัง ยัง ชะนะปะทัง ยาติ นิคะเม ราชะธานิโย สัพพัตถะ ปูชิโต โหติ สัพพะโสตถี ภวันตุ โน
        เสร็จแล้วเอาภาชนะบูชานั้นประเคนพระเถระประธานสงฆ์
      5. ว่าคำอาราธนาศีล 5
      6. พระเถระประธานสงฆ์ให้ศีล
      7. ผู้ร่วมงานทุกคนรับศีล
      8. อาราธนาพระปริตร

สำหรับการเตรียมการในงานศาสนพิธีอื่นๆ ก็ทำในลักษณะเดียวกันคล้ายคลึงกัน ให้ศึกษาหรือสอบถามจากผู้รู้เพิ่มเติม

เกล็ดความรู้เพิ่มเติม

การตั้งโต๊ะหมูบูชา

โต๊ะหมู่บูชา หมายถึง ชุดโต๊ะที่ใช้วางพระพุทธรูปประธาน และเครื่องบูชา เช่น แจกันดอกไม้ เชิงเทียน กระถางธูป และอื่นๆ ที่นิยมใช้กันทั่วไปในปัจจุบันเรียก "โต๊ะหมู่บูชา" มีหลายขนาด เช่น หมู่ 5 หมู่ 7 หมู่ 9 หมู่ 11 หมายความว่า โต๊ะหนึ่งชุดหรือหนึ่งหมู่ประกอบด้วย โต๊ะขนาดต่างๆ จำนวน 5, 7, 9 หรือ 11 ตัว หากไม่มีก็สามารถนำโต๊ะอะไรก็ได้ที่เหมาะสมไม่สูงหรือต่ำเกินไปมาใช้งาน โดยคลุมด้วยผ้าขาวสะอาด แล้วหาโต๊ะขนาดเล็กอีกตัวหนึ่งมาวางซ้อนเพื่อวางพระพุทธรูปก็ได้

satsana pitee 1

การตั้งโต๊ะหมู่บูชามีหลักว่า ให้ตั้งหันหน้าออกทางเดียวกับพระสงฆ์ โดยอยู่ทางขวามือของพระสงฆ์ โดยหมายเอาพระพุทธรูปเป็นประธาน (สมมุติว่าเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า) ตามธรรมเนียมปฏิบัติถ้าสถานที่ไม่จำกัดก็นิยมให้ผินพระพักตร์ของพระพุทธรูปไปด้านทิศเหนือ ด้วยหมายเอาว่า พระพุทธเจ้าเป็นโลกอุดร หรือจะผินไปทางทิศตะวันออก ด้วยถือว่าเป็นทิศพระ (พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งตรัสรู้ทรงประทับนั่งผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก) แต่หากสถานที่จัดงาน (ตึกราม บ้าน เรือน ในปัจจุบัน) ไม่อำนวย จะให้พระพุทธรูปผินไปทางทิศใดก็ได้ ขอให้การจัดพิธีสะดวกแก่ทั้งพระสงฆ์และเจ้าภาพได้ก็เพียงพอแล้ว

การเชิญพระพุทธรูปมาตั้งที่โต๊ะหมู่บูชานั้น ควรกระทำเมื่อใกล้จะถึงกำหนดเวลาประกอบพิธี ควรจะมีขนาดเหมาะสมกับโต๊ะหมู่ ถ้าองค์พระมีครอบ (กันฝุ่น) อยู่ให้เอาออกก่อน องค์พระหากมีฝุ่นเกาะควรทำความสะอาดให้เรียบร้อย ถ้าเป็นองค์ทองเหลืองก็ควรขัดให้แวววาว สะอาดสะอ้าน จะเป็นมงคลยิ่ง

** ไม้มงคล (ไม้ไขว้ตีนกา)

ไม้มงคล ที่วางไขว้บนปากบาตรน้ำมนต์ไม่ใช่ไม้กางเขน แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งเท้าของพระยากาเผือก ผู้ให้กำเนิดครั้งแรกแห่งพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ในภัทรกัปป์คือ พระกุกุสันธะ พระดกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคตมะ และพระศรีอาริยะ ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า

ท่านได้ถือกำเนิดครั้งแรกในไข่กาเผือก 5 ฟอง ที่ทำรังบนต้นไม้ติดฝั่งแม่น้ำ คืนหนึ่งฝนตกหนักและลมแรง ลมได้พัดเอาไข่ทั้ง 5 ฟองลงในน้ำ ไข่ใบที่ 1 ไก่เอาไปฟักและเลี้ยงดู ใบที่ 2 พระยานาคเอาไปฟักและเลี้ยงดู ใบที่ 3 เต่าเอาไปฟักและเลี้ยงดู ใบที่ 4 โคเอาไปฟักและเลี้ยงดู ใบที่ 5 ราชสีห์เอาไปฟักและเลี้ยงดู ซึ่งไข่ทั้งหมดถูกฟักออกมาเป็นคน เมื่อโตมาแม่เลี้ยงบอกว่า ท่านมิใช่แม่ที่แท้จริง ซึ่งต่างก็บวชเป็นฤาษีตามหาพ่อแม่ มาพบกันถามไถ่รู้เรื่องว่า มีกำเนิดจากไข่เหมือนกัน จึงพากันอธิษฐานให้ผู้เป็นพ่อแม่มาปรากฏ ทันใดนั้นพระยากาเผือกก็มาปรากฏและเล่าความจริงให้ฟัง และบอกลูกๆ ว่า ถ้าคิดถึงพ่อแม่ก็จงประทับรอยเท้าพ่อแม่ไว้ทุกครั้งที่ทำพิธีต่างๆ ทั้ง 5 ก็ถือปฏิบัติ จึงได้มีไม้ตีนกานี้มาตั้งแต่บัดนั้น และทั้ง 5 ก็ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนั้นแล

satsana pitee 3

เกร็ดความรู้เรื่องโต๊ะหมู่บูชา

satsana pitee 5

ในการนับถือศาสนาพุทธของคนไทยนั้นมี 2 พุทธ คือ คามวาสี หรือพุทธวัดบ้าน กับ อรัญวาสี หรือพุทธวัดป่า ที่ได้มาจากธรรมยุติกนิกาย ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีการเอาม้า (โต๊ะตัวเล็กๆ) มาวางซ้อนกันเรียงลำดับใหญ่เล็กเพื่อวางพระพุทธรูป กระถางธูป เทียน แจกันดอกไม้ เรียกว่า ม้าหมู่ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 เปลี่ยนมาเรียกเป็น "โต๊ะหมู่" จนถึงปัจจุบัน แต่สำหรับโต๊ะหมู่ในภาคอีสานมีความพิเศษกว่านั้น

isan budha table

ในวัฒนธรรมอีสานมีการทำโต๊ะหมู่บูชาเช่นกันแต่จะแปลกออกไป เป็นการนำเอา "ธรรมาสน์" ที่พระสงฆ์ใช้นั่งแสดงธรรมเก่าๆ มาเรียงซ้อนกันเป็นชั้นลดหลั่น เพื่อวางพระพุทธรูปและเครื่องบูชา คล้ายๆ เป็นบุษบก แล้วค่อยๆ เลือนหายใจ หันมาใช้ตามแบบอย่างทางการกรุงเทพมหานคร ที่นิยมใช้โต๊ะหมู่ประดับลวดลายอย่างจีนในสมัยรัชกาลที่ 4 และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนเป็นขาสิงห์ ประดับลวดลาย ลงรักปิดทอง หรือประดับกระจกเช่นในปัจจุบัน

โต๊ะหมู่บูชา ในรูปแบบศิลปะลาวล้านช้าง พิพิธภัณฑ์เมืองสกลนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

line

backled1

isan word tip

isangate net 345x250

ppor blog 345x250

adv 345x200 1

นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)