คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
วิดฟาย เป็นภาษาหมอเฒ่าอีสาน หมายถึง การเอาดอกไม้จุ่มลงในน้ำมนต์ แล้วตวัด (ประพรม) ใส่ผู้จะรับการสู่ขวัญ ลักษณะของการวิดฟายจะแตกต่างจากการปะพรมน้ำพุทธมนต์ของพระสงฆ์ ตรงที่อุปกรณ์ในการสลัดน้ำมนต์เป็นดอกไม้ ไม่ใช้ใบหญ้าแฝก หรือ ใบมะยม ดังเช่น พระสงฆ์ การจับดอกไม้จุ่มลงในน้ำมนต์มือจะคว่ำลง แล้วยกขึ้นให้พ้นจากขอบภาชนะ ตวัดน้ำให้กระเด็นออกจากตัวผู้วิดฟาย (พราหมณ์) สู่ผู้รับการสู่ขวัญ พิธีนี้นิยมทำก่อนสูตรขวัญ โดยที่พ่อพราหมณ์เอาขันต์น้ำมนต์มาถือไว้ในมือซ้าย มือขวาเอาดอกไม้ 1 คู่ จุ่มลงในน้ำมนต์ ประพรมไป ยังผู้รับสูตรขวัญ พร้อมทั้งสวดคาถาว่า
โอม พุทธัง ธัมมัง สังฆัง อุทกัง น้ำอันนี้บ่แม่นน้ำธรรมดา พระยาแถนประทานมาแต่ฟากฟ้า ว่าให้เอามาหดให้คนใต้ลุ่มฟ้า ให้ได้ดังคำมักคำปรารถนา
กูจักซิดใส่คนถึกหว่านก้านหนา กูจักซิดใส่คนถึกยาก้านก่ำกะหาย กูจักซิดใส่คนถึกฝังหุ่น ฝังฮอยกะหาย กูจักซิดใส่คนผอมเหลืองเป็นพยาธิ กูจักซิดใส่คนเป็นเคราะห์คาดเถิงคีงกะหาย กูจักซิดใส่คนเห็นลางฟานเห่า กูจักซิดใส่คนที่นกเค้าฮ้องกูกเอาขวนกะหาย กูจักซิดใส่คนเห็นงูอยู่ในบ้าน กูจักซิดใส่คนเบิดบ้านนึ่งข้าวสีแดงกะหาย สัพพะโรคระงับ สัพพะภัยระงับ สัพพะเคราะห์ ระงับ สัพพะเข็ญระงับ
โอมพระพุทธัง อุทกัง กูจักซิดใส่คู่แต่งงาน คู่แต่งงานกะอายุยืนดอมกันเท่าเฒ่า มีลูกมีเต้าล้วนแต่ผู้ดี เป็นเศรษฐีมั่งมีบ่ไฮ้ กูจักซิดใส่คนทุกข์เกิดเป็นคนร่ำรวย กูจักซิดใส่ควาย ควายก็เป็นควายเขาแก้ว กูจักซิดใส่ฮ้านค้าเปิดใหม่แล้ว ก็มั่งมีเงินคำ กูจักซิดใส่ผู้นำก็จักเป็นหลักชัยของประเทศ กูจักซิดใส่นคเรศร์ก็จักเป็นเมืองหลวง กูจักซิดใส่ปวงนักเรียนก็ได้เป็นดีบ่น้อย กูจักซิดใส่ข่อยข้า ข้อยข่าก็กลับต่าวเป็นนาย กูจักซิดใส่ข้าราชการผู้น้อย ก็มาเกิดเป็นใหญ่เป็นโต กูจักซิดใส่ พระสังโฆและจัวน้อย ก็จักเป็นพระยอดแก้ว อมอ่านแล้วด้วยบาทพระคาถาว่า อุ อะ มุ มะ มูล มา มะหามูลมัง สวาหุมฯ
รายการนักข่าวพลเมือง ทางช่อง ThaiPBS : หมอพราหมณ์
พิธีกรรมวิดฟายนี้ ถ้าใช้แล้วก็ไม่ต้องใช้สูตรขวัญหลุ่มขวัญเทิง ถ้าใช้สูตรขวัญหลุ่มขวัญเทิงแล้ว ก็ไม่ต้องวิดฟาย หรือจะใช้ทั้งหมดก็ขอให้อยู่ในดุลพินิจของพ่อพราหมณ์เถิด
“ขวัญ” ถือว่า เป็นอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว โดย “ในบรรดาความเชื่อทั้งหลายของคนไทย ความเชื่อเรื่องขวัญ น่าจะเป็นความเชื่อดั้งเดิมของชาวไทยทุกสังคม รวมทั้งชาวไทยนอกประเทศด้วย เช่น ชาวไท-ลาวในประเทศ สปป.ลาว ชาวไทใหญ่ในประเทศพม่า ชาวไทลื้อในสิบสองปันนา และชาวไทดำในญวน เป็นต้น” (ธวัช ปุณโณทก, 2532. หน้า 25)
การสู่ขวัญตามแบบ สปป.ลาว จากเอกสารลายลักษณ์ที่เผยแพร่ในปัจจุบันพบบทสู่ขวัญ ได้แก่
ເລາະລຸຍລາວ : ໝໍສົ່ງພອນ
รายการ เลาะลุยลาว ตอน หมอส่งพร (การบายศรีสู่ขวัญแบบลาว)
พิธีบายศรีสู่ขวัญ เป็นพิธีกรรมที่สำคัญในประเพณีไทยภาคอีสาน และในประเทศ สปป. ลาว ที่จัดกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อันหมายถึงการรับเอาขวัญที่หลงทางอยู่ข้างนอกให้กลับเข้าสู่ตัวตน และเพื่ออวยพรให้เกิดความสุขในชีวิต คำอวยพรที่นิยมให้แก่กัน ได้แก่ ขอให้มีอายุมั่นขวัญยืนและให้มีสุขภาพแข็งแรง อันเป็นการแสดงถึงจิตใจที่กว้างขวาง เอื้ออารีย์ แสดงออกซึ่งความรัก ความเคารพและนับถือ ไม่ว่าพิธีบายศรีสู่ขวัญจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ก็มักจะเต็มไปด้วยความศรัทธาและมิตรภาพอย่างอบอุ่นของผู้เข้าร่วมงาน
อมศรี อมศรี ฝ้ายเส้นนี้แม่นฝ้ายพระยาแถน ป่อนแขนมาพ่อสิผูก เอาเป็นลูกของพระยา ผูกก้ำซ้ายให้ขวัญเจ้ามา ผูกก้ำขวาให้ขวัญเจ้าอยู่ ให้เป็นคู่เทียมสอง ให้ปรองดองฮักห่อ อยู่นำพ่อคูณเฮือน หลายปีเดือนให้เจ้าได้ลูกน้อย ทั้งข้อยข้าแลเงินคำ มีผู้นำเงินล้าน มีผู้ให้บ้านหลังงาม มีนาทามพันไฮ่ มีหมูหมาเป็ดไก่ช้างม้าและงัวควาย
นอนตื่นสวยให้เจ้าได้เงินล้าน ออกจากบ้านอย่าได้มีศัตรู ให้มีผู้ส่อยซูขนหาบ มีโชคลาภเนืองนอง มีข้าวของเต็มอั่ง ให้เจ้าได้นั่งเป็นเศรษฐี สองสามีจงควรคู่ ให้ทั้งสองเจ้าอยู่ถาวร ยามกินนอนอย่าอึดอยาก ของเหลือปากโภชนะอาหาร มีลูกหลานเต็มเหลือหลาก อย่าอึดอยากแนวใด๋ ให้ไปไวมาค่อง ให้ได้ท่องศีลธรรม
จ่มมำๆ ไหว้พระเจ้า ให้เป็นพ่อเฒ่าแม่เฒ่าทั้งสอง ให้ได้ถือไม้เท้ายอดทอง ถือตะบองยอดเพชร อย่าได้บกเป็นหาด อย่าได้ขาดเขินเป็นวัง ให้สมหวังเหลือเหตุ ให้เป็นดั่งพระเวสสันดร คนออนซอนเหลือหลาก มีลูกมากปานกะปูยามนา อุ อะ มุ มะ มูลมา สะวาหุมฯ
ฝ้ายอันนี้แม่นฝ้ายพระพรหม พระบรมมหาราช เครือเขากาดป่อนลงมา มีคาถาพระอุปคุตอยู่นำ มีคาถายอดพระธรรมครบถ้วน พระยาอินทร์ล้วนส่งด่วนมาหา ส่งลงมาว่าให้ลูก ว่าให้ผูกเอาขวัญ ว่าสมควรผูกไว้ ให้เป็นใหญ่ในโลกา ขวัญเข้ามาผูกแขนข้อ ผูกเอาหน่อคูณเฮือน ให้เจ้าใสปานเดือนอย่ามีเมฆ ให้เป็นเอกในเมืองคน อย่ายากจนอึดอยาก ยามเจ้าปากมีคนถาม ผิวพรรณงามผุดผ่อง สีใสส่องดั่งทองทา
ยามไปมาอย่าอืดอาด ยัวระยาตรดั่งพระยาช้างสาร กับทั้งบริวารพอหมื่น ให้ล้นหลื่นคนทั้งหลาย มีหญิงชายเป็นข้อยข้า มีช้างม้าโตงาม มีคนหามแหนแห่ ให้เจ้าดีกว่าพ่อกว่าแม่ทั้งหลาย มีของขายเต็มบ้าน มีอยู่ฮ้านเนืองนอง มีนาหนองและนาห้วย มีคนช่วยการงาน อายุนานปานพระอุมา และนางวิสาขะสุขเลิศ แสนประเสริฐดั่งนางผุสดี มีขันติดั่งพระเตมีใบ้ ให้เจ้าใหญ่ดั่งพระอิศวรอยู่เขาไกรลาศ งามองอาจดั่งพระนารายณ์ บ่มีไผมาท่อ คือน้อยหน่อสีดา มีปัญญาดั่งศรีปราชญ์ ให้ฉลาดดั่งศรีธนญชัย คิดอันใดให้เจ้าได้ดั่งคำมัก คำปรารถนา มะ อะ อุ อุ มะ นะ ชา ลิ ติ สาธุฯ
สนับสนุนให้เว็บเราคงอยู่ให้บริการด้วยการคลิกไปชมสปอนเซอร์ของเราด้วยครับ
ศรี ศรี ด้ายเส้นนี้แม่นด้ายพระยาพาลีผู้มีอำนาจ ผู้องอาจในขีดขีน กับทั้งพ่อพระยาอินทร์ แถนลอแถนหล่อ ส่งมาให้น้อยหน่อลูกพระอิศวร บรบวรทุกสิ่ง ให้เป็นมิ่งมุงคุล ว่าบุญเจ้าเกิดมาแต่แถน ว่าแนนเจ้ามาแต่ฟ้า พระหน่อหล้านอนอู่สายไหม จอมพระทัยแก้วแก่น
ผูกแขนข้างซ้ายให้เจ้าเป็นพระยา ผูกข้างขวาให้ได้เป็นเอก ให้ได้พรพระปัจเจกอรหันต์ มารวมกันอยู่กับพ่อ ผู้เผิ่นก่อแปลงมา กับมารดาผู้ให้จู้ให้เจ้าอยู่นอนเปล อย่าหันเหไปอยู่ป่า ให้เจ้ามาอยู่ท่าในโฮง ถึงสามโมงให้เจ้าด่วน อย่าไม่วนอยู่ในไพร สัพพะเสนียดจัญไรจงหายหนี ให้เจ้าสุขีตราบเท่าอายุเจ้าได้ฮ้อย ขวบพันวัสสา ทีฆายุตา สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ สาธุฯ
คำกล่าวผูกแขนแบบต่างๆ
ศรี ศรี สิทธิพระพรบวรวิเศษ ฝ่ายแก้วเกิดมุงคุณ ปุนลงมาตกแต่งกวัดอิ้วแกว่งกงหลา ผัดออกมาเป็นหลอด ถอดออกมาเป็นปุ๋ย สุยออกมาเป็นเส้นเส้นแหละสีพันคำ เป็นดังแก้วมุกดำใสส่อง งามอ่องต่องส่องใส เทิงนอกในล้ำเลิศ ฝ้ายแก้วเกิดเมืองสวรรค์
ปันให้ผู้ข้ามาผูกแขน… ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปมุดสระน้ำใหญ่กินปลา ก็ให้มาสามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้าไปอยู่นากินข้าว ก็ให้มาสามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้าไปกินเหล้านำหมู่นำฝูง ก็ให้มาสามื้อนี้วันนี้ มาเยอขวัญเอย...
ขวัญเจ้าไปอยู่ถ้ำนำพญางู ก็ให้มาสามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้าไปอยู่ฮูนำพญานาค ก็ให้มาสามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้าไปลำบากนำหมู่ผีตาย ก็ให้มาสามื้อนี้วันนี้ มาเยอขวัญเอย...
ยามเมื่อตาเว็นตกลับป่าแซง ยามเมื่อตาเว็นแดงลับป่าไม้ ขวัญเจ้าไปอยู่หนเหนือหรือใต้ ก็ให้ฮีบมาสามื้อนี้วันนี้ คันว่าเจ้ามาฮอดแล้วให้เจ้าอยู่สวัสดี มีความสุขความเจริญ ความเจ็บเจ้าอย่าได้ ความไข้เจ้าอย่ามี ให้เจ้าได้เป็นเศรษฐี เป็นมหาเศรษฐี มีอาย วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติทุกประการ นอนหลับได้เงินหมื่นตื่นขึ้นได้เงินแสนเงินล้าน ย่างออกจากบ้านโชคไหลหลั่งมาโฮม เจ้าเด้อ
อุ อะ มุ มะ มูลมา สะทาโสตถี ภะวันตุ เต
คำกล่าวผูกแขนแบบต่างๆ
ศรี ศรี ฝ้ายเส้นนี้เป็นฝ้ายอันศักดิ์สิทธิ์ ผูกแขนแล้วสิมีฤทธิ์ฮู่งเฮืองไปหน้า อันหมู่โรคาไข้หวัดไอบ่มาผ่า พบแต่ทางก้าวหน้าเจริญขึ้นบ่ถอย เป็นผู้บ่าวส่ำน้อยห้าร้อยปีกะยังดีคือเก่า บ่มีวันแก่เฒ่าผู้สาวหุ้มฮักแพง ความแข็งแรงคงมั่นบ่มีวันแปรเปลี่ยน จนเกษียณร้อยครั้งยังหนุ่มฟ้อหล่อดังฝัน นอนหลับนั้นได้เงินพันเงินหมื่น ตื่นขึ้นได้เงิน เงิน เงิน และทอง… เด้อ
โอม อุ อะ มุ มะ มูลมา สะทาโสตถี ภะวันตุ เต (เป่าที่ฝ้ายบนข้อมือ) เพี้ยง...!
คำกล่าวผูกแขนให้ลูกหลาน
ผูกก้ำซ้ายให้ขวัญมา ผูกก้ำขวาให้ขวัญอยู่ ว่ามาเยอขวัญเอย...
ขวัญเจ้าไปกินปลาข่อนอยู่หัวนา ก็ให้มามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้าไปเฮ็ดนากินข้าวก็ให้มามื้อนี้วันนี้ ว่ามาเยอขวัญเอย...
ขวัญเจ้าไปปั้นเบ้าหล่อเงินทอง ก็ให้มามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้าไปขายของอยู่ในตลาด ก็ให้มามื้อนี้วันนี้
ขวัญเจ้าไปเบิ่งนักปราชญ์ เจ้าก่อสร้างกระทำบุญ ก็ให้มามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้าไปนำดอมขุนและยศใหญ่ ก็ให้มามื้อนี้วันนี้
ขวัญเจ้าไปอยู่สุขสมสร้างกินทานทุกเช้าค่ำ เชิญขวัญหัวเกษเกล้าให้ยืนหมั่นหมื่นปี อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง ฯ
ศรี ศรี ปฐพีแผ่นฮาบ ผู้ข้าขาบสามที ได้เล้าข้าวดีหลังใหญ่ เอาข้าวใส่อาศัย มาแต่ใส เล้าหลังนี้ ตั้งแต่กี้มาบ่เห็น แม่นไผเข็นมาแหว่ แม่นไผแก่มาหา จั่งได้มาคูณค่า ข้าวพันตาใส่บ่เต็ม ตอกเสาเข็ญขวัญแฮก เศรษฐีแทกตงขาง จั่งเอาวางมาก่อ เล้าข้าวพ่อพระยาอินทร์ ไผได้กินข้าวใน เล้า ฮอดพระเจ้าทรงธรรม เผิ่นมานำสอดส่อง บ่มีป่องแปวหนู บ่มีฮูฮอยปวก ปลายบ่กวกเป็นโกน ฮูลิงโทนและนกเค้า เป็นไม้เก่าอินทร์ทรง จั่งเอาลงมาตัดใส่ ไม้แต้ใหญ่ลำแข็ง ทั้งกกแดงและกกดู่ ไปเอาอยู่หิมาลัย บ่มีไผเอาได้ เผิ่นให้ข่อยผู้เดียว อยู่ภูเขียวบ่ได้เผี่ยง อยู่ภูเวียงบ่ได้ท่อเอาไป เสาอยู่ ในเผิ่นให้ปลอก เส้นอยู่นอกเผิ่นให้ฟัน มารวมกันเป็นเสาเล้า ใส่ข้าวจ้าวและข้าวเหนียว
ไผเหลียวมาว่าแม่นปราสาท งามอาดหลาดปานโฮงหลวง บ่เข็ดขวางคูณค้ำ ใส่ข้าวก่ำ ได้พอซาว ใส่ข้าวขาวได้แสนหาบ ยกมือกราบสามหน เทพอยู่บนจงมาส่อง เฮ็ดนาฮ่องได้ร้อย เกวียน แก่มาเฮือนคนบอกเว้า ขึ้นใส่เล้าหลังสูง ป้ากับลุงเผิ่นมาส่อย เอาฆ้อนต่อยตีขาง ตีแขนนาง และกะทอด เอามาฮอดตงขาง เอามาวางแป้นพาด เอามากาดวางตงใส่ ข้าวเปลือกใส่ตั้งแต่วาน เอาจากลานเกวียนแก่ บ่ได้แหว่ไปใส ไปทางใด๋อย่าได้ห่าง อย่าได้ว่างเติมมา ข้าวอยู่นามาสู่ แม่ โภสพอยู่เชยชม ไม้แป้นลมเอามาแต่ฟ้า พระหน่อหล้าเอามาแฝง ไม้ละแนงข่าวขื่อ ไม้อันชื่อจันทัน มารวมกันหน้าต่าง อยู่บ่ห่างปักกะตู อัดปูลูทอข้าวปลูก
แบ่งให้ลูกสาวใหญ่เก้าลำเกวียน แก่เมือเฮือนแต่เช้า บ่บกเล้าเต็มปอลอ อยู่ในทอแนว ข้าวป้อง อยู่ในห้องข้าวปลาเข็ง เสียงคื่นเค็งเกวียนแก่ พ่อค้าแหว่มาเซา หอมเป็นเลาข้าวแม่ฮ้าง เต็มใต้ล่างเหลือหลาย แม่นสิขายกะบ่เบิ๊ดบ่บกบ่เสียง ยังพอเลี้ยงอยู่เต็มตัน ตักเบิ๊ดวันกะบ่เบิ๊ด บ่เปล่า ยังคือเก่าเล้าหลังคูณ ยังเต็มพูนสวดโจ้โก้ สูงพ้นโผล่ข้าวเต็มฉาง เหลียวเห็นขางจนแอ่น นี้จั่งแม่นเล้าข้าวดี เล้าข้าวมีอำนาจ แม่นบ่ขาดอึดหาย มีอยู่หลายคือเก่า จั่งได้เล่าเอาขวัญ จั่งได้ ชวนเอานารถ ไม้แป้นกาดฮองตง มาแต่โฮงอุปราช เอามาพาดแทนทองคำ เอามานำแต่พระเจ้า จั่งได้เว้าว่า
มาเยอขวัญเอย ขวัญไม้ใหญ่ลำสูง ขวัญไม้ยูงลำสื่อ มาเป็นขื่อตงขาง ขวัญไม้ยางและ ไม้แต้ เอาเกวียนแก่มาแต่ภูเงินภูทอง เอามาฮองใส่ข้าว มาเฮ็ดเล้าหลังงาม ไผมาถามว่าปราสาท ยาวอาดหลาดมุงดี สังกะสีบ่ฮั่ว ลูกหลานคั่วไปหา จั่งได้มาปลูกไว้ เป็นหลังใหญ่ถาวร ปานเฮือน นอนพระยาเวส อยู่ในเขตสีพี เป็นหลังดีสีส่อง ข้าวนาฮ่องและนาทาม เขาได้หามทั้งได้หาบ ผู้ข้า กราบสามหน อย่าสิจนทางข้าว ขอเผิ่งเจ้าเล้าหลังดี เป็นเศรษฐีมีมั่ง ให้ได้นั่งนอนกิน ว่ามาเยอ ขวัญเอย ขวัญไม่ดู่อย่าได้หนี ไม้แสนดีทั้งไม้แดงและไม้แต่ อย่าได้แหว่หนีไปไกล อย่าไปใสให้มา อยู่ มาเป็นหมู่ขวัญไม้ยูง เสาหลังสูงไม้พันชาติ งามองอาจสมศรี
ว่ามาเยอขวัญเอย เจ้าอย่าไปอยู่ไพรสณฑ์ เจ้าอย่าไปอยู่ปนในเถื่อน กับทั้งไม้ตะเคียน แป้นแอ้ม หัวแย้มๆ นางตะเคียน มาเป็นเฮือนอย่าได้เศร้า มาเป็นเล้าคนดี เป็นศักดิ์ศรีเล้าใหญ่ เฮียกข้าวใส่เต็มฉาง คนกายทางเหลียวเบิ่งเล้า เหลียวเบิ่งเจ้าผู้รักษา ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้า อย่าได้ด่วนไปอยู่ไกล ไปอยู่ไพรบ่อนเก่า ไปอยู่เหล่าเขาสิฟัน ว่ามาเยอขวัญเอย มาอยู่บ้านจักได้ เป็นเศรษฐี อยู่เป็นปีจักเก้าร้อย มีลูกหลานน้อยพอกัน เขาตำข้าวสักกะลันคกมองข้างเจ้า ผู้เป็น เล้าอย่าสะเทือน ตำเป็นเดือนตำเป็นปีทั้งซ้อมต่าว อย่าโอ้อ่าวซังสาว ข้าวขาวๆ เอาจากเล้า ขอ บอกเจ้าเฮ็ดกินทาน พระภูบาลหน่อฟ้า ใต้แหล่งหล้าได้อาศัย ทั้งฟืนไฟอยู่ตะหล่าง อยู่กะส่างอย่า หัวซา พวกชาวนาอาศัยเจ้า อาศัยเล้าข้าวจั่งยัง ขอจงฟังผู้ข้าบอก ยามสงฆ์ออกภิกขาจาร เตรียม จังหันและตักบาตร ตักบ่ขาดหยาดน้ำหา เอาเจ้ามาจากกลางป่า เผิ่นจั่งว่าสู่ขวัญเอา
ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญหม่อมเจ้า ผู้เป็นเล้ารักษา แม่โภสพมานองอั่ง ให้สมดั่งมะโน หมาย ไชยะตุ ภะวัง ไชยะมัง คะลัง อุ อะ มุ มะ มูล มา มะหา มูลมัง สะวาหุมฯ สาธุฯ
มา ขะโย มา วะโย มัยหัง มา จะ โกจิ อุปัททะโว ธัญญะ ธะมานิ ปะวัสสันตุ ธะนัญชะ ยัสสะ ยะถาฆะเร สุวัณณานิ หิรัญญา จะ สัพพะโภคา จะ ระตะนา ปะวัส สันตุ เม เอวัง ฆะเร สุมะนะชะฏิลัสสะ จะ อะนาถะปิณฑิ กัสสะ โชติกะสุงมังคะลัสสะ จะ มันธาตุเวสสันตะรัสสะ จะปะ วัสสันติ ยะถา ฆะเร เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ สัพพะ สิทธิ ภะวันตุ เมฯ
บทนี้ทำน้ำมนต์รดเล้าข้าวดีนักแล ฯ
เมื่อคนตกต้นไม้ ตกใจเพราะตื่นงูหรือเสือ ตกรถหรือฝันเห็นแต่ที่นั่น แล้วไม่สบายมี อาการเจ็บๆ ป่วยๆ กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพื่อเรียกขวัญกลับคืน ปราชญ์โบราณอีสานท่านจะไป เรียกเอาขวัญในที่ๆ เกิดเหตุนั้นๆ ทางภาคอีสาน เรียกว่า "ส่อนขวัญ" การส่อนขวัญนี้ ท่านจะเอา กระติบข้าว หรือก่องข้าวที่ยังไม่ได้ใช้หรือที่ใช้แล้วแต่ใช้ใส่หมากหรือยาสูบ ที่สามารถเทออกไว้ได้ โดยไม่เปื้อน ท่านจะเอาเสื้อ เอากระจกเงาเล็กๆ เอาหวี เอาน้ำหอมของที่คนนั้นชอบใช้ เอาฝ้าย ผูกแขนใส่ไปด้วย 2 เส้น ใส่ในกระติบ แล้วไปตรงที่เขาตกต้นไม้ตกใจหรือที่ฝันเห็นบ่อยๆ แล้วไม่ สบายนั้น ไปกันอย่างน้อยสองคน คนที่ขาดไม่ได้คือ ผัวหรือเมียหรือลูกของคนที่เราไปเรียกขวัญ นั้น เพราะขวัญนั้นจะดีใจ และรีบกลับมาเมื่อเห็นญาติมาเรียก
วิธีเรียกขวัญ เมื่อไปถึงแล้วหัวหน้าคณะก็จะเรียกด้วยความดี เช่นไปเรียกขวัญ นายมี ก็จะว่า
"พ่อมีเอย พ่อมีเอย อย่าสิมาอยู่ค้างกลางไฮ่แกมหมู่กา อย่าสิมาอยู่ค้างกลางนาแกมหมู่ ไก่ อย่าสิมาอยู่ค้างไพรกว้างบ่แม่นเฮือน มาสา มาเมืออยู่เฮือนอยู่ซานเฮา"
ช่วยกันเรียก ช่วยกันกู่หา เห็นมด แมลง หรืออะไรก็ตามตรงเข้ามาหา ให้รีบเปิดกระติบ ข้าวรับ ถ้าเป็นขวัญมันจะรู้จักของที่ตนเคยใช้ มันจะรีบเข้าไปทันที ทุกคนให้พูดว่า "พ่อมีมาแล้ว ไปกลับบ้านเฮา" ว่าแล้วก็ปิดกระติบข้าวสะพายกลับบ้าน ไปถึงบ้านก็เอากระติบไปตั้งไว้ข้างคนป่วย แล้วเชิญขวัญเข้าเนื้อเข้าตัว ด้วยเอาฝ้ายไปผูกที่แขน พร้อมกับพูดว่า
"ขวัญพ่อมีมาฮอดแล้วให้มาเข้าสู่ตัว โส อัตถะ ลัทโธ สุขิโต วิรุฬโห พุทธะสาสะเน อะโรโค สุขิโต โหหิ สะหะ สัพเพหิ ญาตีภิ" กล่าว 3 จบ
ถ้าเป็นผู้หญิงให้ว่า "สา อัตถะ ลัทธา สุขิตา วิรุฬหา พุทธะสา สะเน อะโรคา สุขิตา โหหิ สะหะ สัพเพหิ ญาตีภิ" สุดท้ายให้ว่า "พุทโธรักษา ธัมโมรักษา สังโฆรักษา เจ้าอย่าได้หนี ไปหนีมา ให้อยู่กับเนื้อกับตัวนี้ อมสะวาหะ" จบ
การเรียกขวัญนี้ ถ้าไม่มีคาถากันผีป่า ผีป่าจะไล่ขวัญเราหนี แล้วเข้ามา แทนที่ พอเอาเข้ามาหาคนป่วย ปล่อยเข้าตัวคนป่วย มันก็จะกินคนป่วย คนป่วยจะยิ่งทรุดหนัก และจะตายเร็วเข้า ดังนั้น ก่อนจะเรียกขวัญนั้นให้เสกคาถากันผีป่าก่อนว่า
พุทธัง วันทามิ ธัมมัง วันทามิ สังฆัง วันทามิ ข้าฯ ขอไหว้พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า ขออานุภาพของ พระรัตนตรัย จงขจัดผีป่าออกไปอย่าให้เข้ามาใกล้ ขอให้เอิ้นขวัญ ............ (ออกชื่อของคนที่เรา ไปเรียกขวัญ) ผู้ป่วยไข้ให้กลับบ้าน ขอให้เรียกเอาเข้ามาในกระติบเดี๋ยวนี้ ก็ข้า เทอญฯ "
พิธีการส่อนขวัญความเชื่อของฅนอีสาน
ศรี ศรี สิทธิเตโชนะโมเป็นเค้า ตั้งแต่เจ้าครองเมืองทวาย มีมาหลายเหลือหลาก บ่อึด อยากไหมพรม พระบรมตกแต่ง ลงมาแห่งเมืองคน บ่ฮู้จนผ้าผ่อน ตั้งแต่ก่อนดึกดำบรรพ์ เล่ากันมา ติดต่อ นางน้อยหน่อพระยาแถน ฝ้ายผูกแขนไหมเส้นค่อง ไหมเส้นส่องและไหมคอ ก่อนสิทอเป็น เส้นได้ ตำนานไล่แต่เดิมดา ไหมเอามาจากม้อน ข้าขอย้อนเล่านิทาน ตามตำนานเว้ากันอยู่ ตั้งแต่ ปู่เมืองทวาย มีคนหลายเหลือหลาก มีหญิงมากกว่าผู้ชาย มีของขายแน่นอั่ง แม่ค้าหลั่งมาขายของ ตามทำนองขายผ้า งามระย้ามัดหมี่ไหมทอ มีไหมคอเส้นแลบ มีไหมแบบขิดลาย เขาวางขายเป็น หมู่ เขาวางอยู่ผืนไหม มาแต่ไสไผบ่ฮู้ ไผบ่รู้ว่าไหมพรม ฟืมตำโคมหลาวสับสอด เป็นไหมขอดแม่ แกงวี แม่แกงตีสาวไหว่ๆ แม่เฒ่าใหญ่ไปเก็บมอน ตาออนซอนเหลียวเบิ่งม้อน
ตั้งแต่ก่อนบ่ทันมี แม่ย่าดีกับปู่เฒ่า สองหน่อเจ้าอยากกินทาน จังสานพานเป็นกะด้ง ลง ไปท่งปลูกมอนสวน สองสีนวลเห็นฝักหลอก พ่อเฒ่าบอกว่าเก็บเอา ไปเฮือนเฮาให้เป็นที่ คืนที่สี่บี้ ออกมา แมงมีขาโตขาวอ่อน บี้ผู้ด่อนหางงอๆ คือโตปอบินพืบพาบ เอามาใส่ผ้าขาบผืนมนๆ บ่ทัน ดนมันไข่ จั่งเอาใส่ในกะเบียน เก็บในเฮือนลูกม้อน เป็นโตอ่อนยังนอนเว็น ไผมาเห็นว่านอนเว็นนับ เป็นมื้อ สามวันฮื้อขี้ออกเสีย โตไหมเฟือนนอนสี่ ออกจากที่ยอคอ โตมันนอเอิ้นว่าม้อน แม่ใหญ่ อ่อน แม่ใหญ่สี กับทั้งแม่ใหญ่ดีเปิดเบิ่งด้ง เก็บเอาใบมอนป่งมาโฮย ลมพัดโชยมือกวัดแก่ง บี๋มอน แบ่งเป็นใบ เอาลงไปปกโตม้อน โตกินก่อนเล็มใบมอน ตาออนซอนออกเลียขี้ ออกจากที่สิบสองวัน มาโฮมกันนอนสี่ เอาผ้าหี่คลุมดี โตอับปรีคือแม่ด้วง บินมาล่วงคือแมลงวัน มาโฮมกันกัดตอด
เข้าไปกอดกับตัวนาง ขี้ไก้ขางหนอนบ่อน ปิดไว้ก่อนยามเกือม้อน ยามันนอนอยู่กระด้ง ใบมอนป่งเก็บเอามา โพนหัวนาใบก่อง โพนฟากฮ่องใบหนา ไปเก็บมาเลี้ยงม้อนน้อย ใบมอนอ่อย สุกงอม โตได๋ผอมเอาออก เป็นฝักหลอกไหมงาม เสียงคนถามว่าดักแด้ ถามแม่แก่กำลังสาว บ่พอ คราวนำน้ำฮ้อน ฝักหลอกย้อนดึงไหม สาวไวๆ ดึงแคกๆ สายไหมแตกออกมาโฮม เบิ่งคนชมไหม ค่อง มือแม่จ่องดึงไล มือดึงไวใส่กระต่า ปากกะว่าไหมคอ สาวจนพอตาเว็นบ่ายๆ เอามาใส่อักไหม บ่ทันใด๋เบิ๊ดฝักหลอก แล้วเทออกลงกระเบียน ยกขึ้นเฮือนเป็นดักแด้ แบ่งกันแนกินนำกัน โตของมัน สุกอ่อน ขาวอ่อนหล่อนคือโตหนอน ตาออนซอนวางใส่ถาด เหลือสะอาดกินมันๆ กินนำกันแสน แซบซ้อย พวกเด็กน้อยเอาใส่มือ พากันถืออยู่ตะหล่าง พากันย่างกินนำทาง
เป็นขุนนางนุ่งผ้าใหม่ เป็นขุนใหญ่ทรงกระเบน ผู้ใด๋เห็นไหมงามเลิศ บุญประเสริฐคือ ไหมคอ ต่ำแล้วยอเป็นผืนผ้า งามล้นค่าแสนเมือง เป็นสีเหลืองคือผ้าเบี่ยง ตัดเป็นเครื่องจีวร ตา ออนซอนตอนพระห่ม บ่ได้จ่มเสียดาย เอาถวายเพื่อผู้ไปเกิดในสวรรค์ เป็นจอมทันเทวราช อยู่ ปราสาทนำอินทร์พรหม เป็นบรมทิพย์อาสน์ อยู่ปราสาทแดนไกล ทานผ้าไหมแก่พระเจ้า เผิ่นจั่ง เว้าได้อรหันต์ มารวมกันอย่าได้ห่าง
ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปอยู่ป่านำม้อน ขวัญเจ้าไปนอนอยู่นำพุ่ม ขวัญเจ้าไปอยู่ อุ่มเฟือยหนาม ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญเจ้าไปนอนลี้หนีไฟในฝักหลอก กะให้มามื้อนี้วันนี้ ขวัญเจ้า ไปอยู่ถ้ำทางพุ้นป่าพนอม ขวัญเจ้าไปเซายั้งนำจอมเทวราช ก็ให้มามื้อนี้วันนี้ ว่ามาเยอขวัญเอย เผิ่นบ่เอาเจ้าไปใส เอาใส่ไฟขอเส้นไว้ เผื่อสิได้เส้นไหมคอ เอาไปทอเป็นซิ่นหมี่ เอาใส่สีกางวา เอา ไปหาย้อมครั่ง ให้เจ้านั่งเมืองพรหม ถวายพระบรมศิษย์พระศรีธาตุ งามสะอาดจีวร เอาไปนอนฮอง อาสน์พระเจ้า
ว่ามาเยอขวัญเอย ขวัญม้อนนอนสาม โตเจ้างามนอนสี่ พวกน้องพี่เขานุ่งไหมพรม เขา ได้ชมว่างามเลิศ ม้อนประเสริฐกว่าหมู่ทั้งมวล บรบวรทุกอย่าง ให้ได้ดังบาทพระคาถาว่า ชะยะตุ ภะวัง ชะยะมัง คะลัง สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ สาธุฯ
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)