คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
ฤดูฝนอย่างนี้อีสานเขียวชะอุ่มไม่แห้งแล้งครับ เหมาะแก่การเดินทางมาเยี่ยมเยือนชมความงามทางธรรมชาติ ป่าเขาที่เขียวขจี มีธารน้ำตกมากมาย อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ทั้งพืชผักผลไม้ ปลานานาชนิดในลำน้ำต่างๆ ทั้งแม่น้ำโขง มูล ชี สงคราม ลำเซบก เซบาย และแม่น้ำสาขาต่างๆ วันนี้ทิดหมูขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในภาคอีสานให้ทราบดังนี้ครับ
ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ หากท่านใดมีโปรแกรมมาท่องเที่ยวอุบลราชธานี ก็อย่าลืมวางแผน "เยือนอุบลฯ ถิ่นคนทำเทียน" กันนะครับ งานประเพณีแห่เข้าเทียนพรรษา เป็นประเพณีทางพุทธศาสนาที่มีมายาวนานของชาวจังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัด โดยกำหนดจัดงานขึ้นเป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 วันอาสาฬหบูชา และแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หรือวันเข้าพรรษา ซึ่งปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม 2561 และวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2561 ทางจังหวัดอุบลราชธานีกำหนดให้จัดงาน "ฮีตศรัทธา ราชธานีแห่งเทียน" ขึ้นระหว่างวันที่ 23 - 28 กรกฎาคม 2561
ชมการถ่ายทอดสดการแห่เทียนทั้งภาคกลางคืนและภาคกลางวัน ผ่าน Facebook Live ทางช่อง VR Channel
แจ้งข่าว สำหรับท่านที่พลาดไปชมต้นเทียนในช่วงงานที่ผ่านมา ท่านยังจะสามารถชมต้นเทียนที่ได้รับรางวัลจากการประกวดในงาน ต่อไปได้จนถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2561 ช่วงเวลาระหว่าง 09.00 - 20.00 น. ณ โดมวิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี พิเศษทุกเย็นวันศุกร์/เสาร์จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ได้ร่วมสนุกกันครับ
มาเที่ยวกันได้เลยครับ ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมไปจนถึงช่วงจัดงาน ท่านจะได้ชมกระบวนการทำต้นเทียน และมีส่วนร่วมในการทำต้นเทียนพรรษากับช่างเทียนตามคุ้มวัดต่างๆ ซึ่งท่านสามารถมีส่วนร่วมในการทำต้นเทียนได้ตั้งแต่บริจาคขี้ผึ้งเพื่อหล่อเทียน ช่วยในการหลอมเทียน แกะสลักลวดลายบางส่วน ชื่นชมกับฝีมือช่างพื้นบ้านซึ่งมีทั้งพระภิกษู สามเณร และญาติโยม มาช่วยกันทำในแต่ละคุ้มวัด
สำหรับวัดที่ทำต้นเทียนประเภทติดพิมพ์ ท่านจะได้ร่วมมือกันแบบเต็มที่ตั้งแต่การช่วยต้มเทียนเทลงในแบบหล่อ (แม่พิมพ์ลายต่างๆ) แกะเทียนออกจากแบบแล้วมาช่วยกันตัดตกแต่งลวดลายให้คมชัดสวยงาม เพื่อให้ช่างนำไปติดบนต้นเทียนตามแบบที่เตรียมไว้อีกที
ขอแนะนำคุ้มวัดที่ทำต้นเทียนขนาดใหญ่ มีดังนี้ วัดไชยมงคล, วัดบูรพาราม, วัดทุ่งศรีเมือง, วัดศรีประดู่, วัดผาสุการาม, วัดแจ้ง, วัดพลแพน, วัดศรีอุบลรัตนาราม, วัดเลียบ, วัดมหาวนาราม, วัดพระธาตุหนองบัว, วัดสุทัศนาราม, วัดกลาง ส่วนต่างอำเภอขอแนะนำ อำเภอเดชอุดม ที่วัดเมืองเดช อำเภอเขมราฐ และอำเภอบุณฑริก ครับ สำหรับคู่มือการเที่ยวงานแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี 2561 คลิกตรงนี้เลยครับ
รวมภาพกิจกรรมแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี ๒๕๖๑ "ฮีตศรัทธา ราชธานีแห่งเทียน"
ใครที่ชอบท่องป่าชมน้ำตกสวยๆ แนะนำมาบ้านทิดหมู อุบลราชธานี เลยครับ มีน้ำตกสวยๆ พร้อมดอกไม้ป่านานาพรรณให้เดินชมอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ มีหลายแห่งที่ติดอันดับความสวยงามในการบันทึกภาพความทรงจำเอาไว้ เช่น น้ำตกห้วยหลวง (น้ำตกบักเตว) ที่อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อำเภอนาจะหลวย มีความสูง ประมาณ 45 เมตร พื้นน้ำเป็นสีเขียวมรกตและมีหาดทรายขาว สะอาดเหมาะสำหรับการลงเล่นน้ำ ด้านบนมีจุดชมทิวทัศน์และถ่ายภาพ ด้านล่างมีบันไดสำหรับขึ้นลงจำนวน 272 ชั้น (ทิดหมูเป็นทีมสำรวจเข้าไปบุกเบิกสำรวจเส้นทาง เพื่อค้นหาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เมื่อปี 2530 Amazing Thailand เป็นทีมสำรวจประชาสัมพันธ์จังหวัด สมัยท่านผู้ว่าฯ ดนัย เกตุสิริ)
และถ้าใครยังจำโฆษณาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่พี่เบิร์ด ธงชัย แม็คอินไตย์ ไปยืนอยู่ใต้น้ำตกแสงจันทร์ (ชาวบ้านเรียกกันว่า น้ำตกลงรู) ก็น่าจะไปชมในช่วงฤดูฝนนี้จะสวยที่สุดเพราะมีน้ำเยอะ เรียกตามลักษณะของสายน้ำที่ตกผ่านลงรูหิน ส่วนที่มาของชื่อน้ำตกแสงจันทร์นั้น เรียกตามสายธารน้ำตก ที่โปรยละอองผ่านช่องหินลงมาเป็นสีขาวนวลคล้ายแสงจันทร์โดยเฉพาะในวันเพ็ญ ที่แสงจันทร์จะสาดส่องมาตรงรูหินพอดี พร้อมกับละอองของธารน้ำตกที่โปรย ดูเป็นประกายสีนวลสวยงามมาก ซึ่งทั้งหมดนี้คือที่มาของชื่อและเสน่ห์ของน้ำตกแห่งนี้ ที่ยังคงเก็บความงาม สงบ ประสานอย่างกลมเกลือนของธรรมชาติไว้ให้เป็นที่ประทับใจ
การเดินทางใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจากตัวจังหวัดอุบลราชธานี ไปเส้นทาง 217 พิบูลมังสาหาร แวะชมแก่งตะนะ เดินทางตามเส้นทาง 2112 ผ่านอุทยานผาแต้ม จนไปถึงถนนหมายเลข 2135 เลี้ยวขวาไปจนถึงน้ำตก ย้อนกลับมาเส้นทางเดิมจะมีแยกแวะชม น้ำตกสร้อยสวรรค์ ที่สามารถลงพักเล่นน้ำได้ มีความสวยงามไม่แพ้กัน
ถ้ามีเสบียงอาหารมาเองก็จัดปิกนิกกันให้อิ่มก่อนจะเดินทางไปชมผาแต้ม เสาเฉลียง แต่ถ้าเคยไปมาแล้วและหิวจนหน้ามืด ก็ตรงดิ่งเข้าตัวอำเภอโขงเจียม ไปร้านอาหารริมแม่น้ำโขงซึ่งมีหลายร้านครับ เพื่อรับประทานอาหารกัน อาหารแนะนำก็มี ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ลาบปลาคัง ต้มส้มปลาคังแบบอีสานซดร้อนๆ ชื่นใจ
อาจมีอาหารพิเศษตามฤดูกาลอย่าง แกงหน่อไม้ แกงเห็ดนานาชนิด ก้อยไข่มดแดง หรือไข่เจียวใส่ไข่มดแดงก็อร่อยเหาะครับ จากนั้นก็ไปปิดทริปที่วัดภูพร้าวสิรินธร เพื่อชมพระอุโบสถเรืองแสงยามค่ำ ก่อนเดินทางกลับไปพักผ่อนที่ตัวเมืองอุบลก็ดีครับ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม "อุบลราชธานี เที่ยวที่ไหนดี"
หน้าฝนอย่างนี้ก็ต้องไปเที่ยวป่าเขา ชมความงดงามของดอกไม้ พันธุ์ไม้ที่สวยงาม หลายคนคงอยากไปเดินป่ากัน ก็ขอแนะนำให้ไปชม "ทุ่งดอกกระเจียวบาน" ที่ "อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม" และ "อุทยานแห่งชาติไทรทอง" จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของทุ่งดอกกระเจียวป่าสีชมพูสีสันสดใสตัดกับสีเขียวของลำต้นและใบหญ้า ขึ้นแทรกอยู่เป็นระยะท่ามกลางต้นหญ้าและและป่าไม้นานาชนิด "ดอกกระเจียว" เป็นพรรณไม้ประจำถิ่นที่ขึ้นมากที่สุดในประเทศไทย ณ แห่งนี้ ปกติจะพบขึ้นกระจายทั่วไปตั้งแต่ลานหินงามจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน 1 กิโลเมตร ซึ่งทางอุทยานมีการทำสะพานทางเดิน สำหรับนักท่องเที่ยวเดินไปชมความงามของทุ่งดอกกระเจียวไว้เป็นส่วนๆ พร้อมทั้งไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวลงเหยียบบนพื้นดินโดยตรง เพราะนอกจากจะไปเหยียบย่ำทำลายต้นดอกกระเจียวแล้ว ยังอาจเป็นการทำลายระบบนิเวศของธรรมชาติบริเวณนั้น (ทำตามคำแนะนำกันนะ)
นอกจากดอกกระเจียวแล้วในอุทยานแห่งชาติป่าหินงามก็ยังมีหินงาม รูปร่างแปลกๆ ทั้งขนาดใหญ่ขนาดเล็กให้ได้เดินเที่ยวชม และจินตนาการกันด้วย เช่น หินรูปช้างเอราวัณ หินรูปถ้วยฟุตบอลโลก (น่าจะมาเอาแบบไปจากที่นี่) และทีเด็ด "มอหำตั้ง" ก็ไปชมกันครับว่าเหมือนไหม
ยังมีทุ่งหินอีกแห่งคือ มอหินขาว หรือ สโตนเฮนจ์เมืองไทย ตั้งอยู่ที่ บ้านวังคำแคน ตำบลท่าหินโงม ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิไปทางทิศเหนือ ประมาณ 40 กิโลเมตร ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ด้านทิศเหนือ เป็นเนินเขาที่มีหินทรายสีขาวขนาดมหึมา ตั้งตระหง่านโพล่พ้นต้นหญ้า ยามต้องแสงแดดในเวลากลางวัน และช่วงเวลาหลังฝนตกไม่นานจะมองเห็นก้อนหินสีขาวเด่นชัดจากระยะไกล เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็น
จากหลักฐานจากกรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับจังหวัดชัยภูมิ เริ่มสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2545 พบว่า การเรียงลำดับชั้นหินและอายุที่ได้จากซากดึกดำบรรพ์ต่างๆ มีอายุระหว่าง 195-175 ล้านปี เพราะการสะสมของตะกอนทราย แป้ง และดินเหนียว หลังจาก 65 ล้านปีผ่านมา เกิดการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกและแรงบีบด้านข้างทำให้มีการคดโค้ง แตกหัก ผุพัง และการกัดเซาะ ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ก่อให้เกิดลักษณะของเสาหินและแท่งหินอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ลักษณะด้านกายภาพของพื้นที่มอหินขาว ประกอบด้วยกลุ่มหินแบบเสาหิน แท่นหิน และลานหิน ซึ่งมีรูปร่างและลักษณะแตกต่างกันออกไปตามจินตนาการของผู้พบเห็น ลักษณะเป็นก้อนหินใหญ่แปลกตา หาดูยาก รูปร่างคล้ายเห็ด เรือ ช้าง เต่า และเจดีย์กระจายอยู่ทั่วไปบนเนินเขาสูง
ถ้าพูดกันถึง "เทศกาลผลไม้" ผู้คนส่วนใหญ่จะนึกถึงจังหวัดในภาคตะวันออก อย่าง ระยอง จัทบุรี ตาก ที่มีเงาะ ทุเรียน มังคุดมากมาย จัดเทศกาลชมชิมผลไม้กันทุกปีในช่วงมีนาคม- เมษายน แต่เดี๋ยวนี้ผลไม้เหล่านี้สามารถปลูกได้ดีในดินแดนภาคอีสาน โดยเฉพาะในถิ่นภูดินแดง (ดินภูเขาไฟที่มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์) ที่ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี อำเภอขุนหาญ อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ
เนื่องจากพื้นที่มีสภาพอากาศที่เหมาะสม เพราะตั้งอยู่ในเขตอิทธิพลของอากาศจากเทือกเขาพนมดงรัก เทือกเขาที่กั้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่ห่างไกลจากทะเลมาก และอยู่ในเขตร้อนได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะลมมรสุมตะวันตก เฉียงใต้จะพัดเข้ามาช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนลมนี้จะพัดเอาความชุ่มชื้น และนำฝนมาตก นอกจากนี้ยังอยู่ในเส้นทางของพายุดีเปรสชันที่ก่อตัวขึ้นในทะเลจีนใต้อีกด้วย ส่วนฤดูหนาวที่นี่จะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยอากาศจะหนาวจัดระหว่างเดือนมกราคม ส่วนฤดูร้อนจะเริ่มต้นตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม เดือนที่มีอากาศร้อนจัดที่สุดคือเดือนเมษายน
แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่ก็คือเรื่อง "น้ำ" เพื่อการเพาะปลูกอย่างเพียงพอดังที่กล่าวมาว่า พื้นที่แห่งนี้ปริมาณน้ำฝนจะน้อย อดีตในพื้นที่จะไม่สามารถปลูกพืชให้ผลได้ เพราะขาดน้ำ แต่ต่อมาเมื่อการบริหารจัดการน้ำที่ดีเกิดขึ้นในพื้นที่ การปลูกพืชให้ผลจึงประสบความสำเร็จดังที่ปรากฏในทุกวันนี้ เพราะที่นั่นมี "โครงการอ่างเก็บน้ำตามพระราชดำริ" หลายแห่ง จังหวัดศรีสะเกษ จึงเป็นแหล่งเพาะปลูกไม้ผลหลากหลายชนิดในภาคอีสาน จนได้รับการเรียกขานว่า "เป็นดินแดนมหัศจรรย์" เพราะเป็นแหล่งปลูกผลไม้ที่มีปลูกในทั่วทุกภาคของประเทศ
ที่นี่มีผลไม้แทบทุกชนิดตั้งแต่ เงาะ ทุเรียน มังคุด รวมทั้ง สะตอ ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่ มะปรางหวาน กระท้อน ส้มโอ มะม่วง ฝรั่ง และยางพารา โดยเฉพาะ เงาะ และทุเรียนนั้น นับเป็นผลไม้ที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดศรีสะเกษในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง ด้วยมีคุณภาพระดับส่งออกต่างประเทศ เช่นเดียวกับทุเรียนที่ปลูกในพื้นที่ภาคตะวันออก แถมมีคุณลักษณะที่แตกต่างไปจากทางภาคตะวันออก และภาคใต้ คือ มีขนาดของผล รสชาติที่ดี และสีสันของเนื้ออยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ที่สำคัญ เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตตามอายุ จึงได้ผลผลิตคุณภาพดีเหมาะแก่การส่งออก
แหล่งผลไม้สำคัญเหล่านี้จะอยู่ในอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ช่วงเดือนพฤษภาคม และที่ อำเภอขุนหาญ อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ปีนี้งาน "เทศกาลทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ อาเซียนเทรดแฟร์ 2561" (Lava Durian Sisakat & Asean Trade Fair) จัดขึ้นวันที่ 29 มิถุนายน – 8 กรกฎาคม 2561 ที่ วิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคโนโลยีศรีสะเกษ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก)
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)