คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของโลกอย่างรุนแรง และขยายเป็นวงกว้าง ทำให้โลกเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างมาก ธุรกิจประเภทที่ปรับตัวได้จะยังคงอยู่รอดและสามารถเติบโตต่อไป และหลังจากผ่านพ้นวิกฤตนี้ไป จะทำให้เกิดสิ่งใหม่ที่เรียกว่า “New Normal” หรือ "New Norm" ขึ้น ซึ่งก็หมายถึง “ความปกติใหม่” หรือ "ฐานวิถีชีวิตใหม่" นั่นคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และการขับเคลื่อนทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีบทบาทต่อการดำรงชีวิต
คำว่า New Normal ได้มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในช่วงที่มีการระบาดของโรค COVID-19 โดยคำว่า New normal เป็นวลีและเป็นสำนวน ซึ่ง Oxford dictionary ได้ให้คำนิยามว่า
A previously unfamiliar or atypical situation that has become standard, usual, or expected. ”
หมายถึง สถานการณ์ หรือ ปรากฏการณ์ ที่แต่เดิมเป็นสิ่งที่ไม่ปรกติ ผู้คนไม่คุ้นเคย ไม่ใช่มาตรฐาน ต่อมามีเหตุหรือเกิดวิกฤตบางอย่าง จึงมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้สถานการณ์หรือปรากฏการณ์นั้น กลายเป็นสิ่งที่ปรกติและเป็นมาตรฐาน พฤติกรรมของ New Normal ที่อาจเปลี่ยนไปได้แก่
ท่ามกลางเหตุการณ์ทั้งดีทั้งร้ายในครั้งนี้ทำให้เราเห็นสภาวะธรรม การแบ่งปัน การเป็นผู้ให้ของคนไทย จนได้รับเสียงชื่นชมกระหึ่มไปทั่วโลก อย่างในสังคมสื่อออนไลน์ของจีนอย่าง Weibo ก็ได้มีการโพสท์ถึงว่า "ประเทศไทยไทยเป็นเมืองพุทธ ผู้คนมีจิตใจที่ดี ช่วยเหลือกัน เคยไปเที่ยวมาแล้วประทับใจมาก" บ้างก็บอกว่า "ประเทศจีนน่าจะมีแบบนี้บ้างนะ" บ้างก็ทึ่งมากกล่าวว่า "มีตู้ใส่ทุเรียนแจกให้ทานฟรีด้วยเหรอ แพงนะ อยากไปทานจัง"
แต่ในอีกด้าน เราก็ได้เห็นปรากฏการณ์ ที่มีปรากฎในคำสั่งสอนในศาสนาเกิดขึ้นจริง "เปรต" ครับ นึกว่ามีแต่ในคำสอนพระพุทธศาสนา ตัวสูงๆ ขายาวๆ ออกมาขอส่วนบุญ ไม่น่าเชื่อว่าจะมี "เปรต 2020" ออกมาแย่งชิงสิ่งของในตู้ปันสุขในครั้งนี้ด้วย เอาไปกินเพราะหิวคงไม่มีใครว่า แต่นี่ดันเอาไปขายต่อให้ร้านค้าต่างๆ ในย่านนั้น ซึ่งร้านค้าพวกนี้ก็กลายเป็นพวก "รับของเปรต" ไปเหมือนกัน
ในร้ายมีดี ในดีก็มีร้ายเหมือนกัน "
เพราะมีภาพสวยๆ น่ารัก น่ารัก ของ ยายคนหนึ่งที่ยืนไหว้ตู้ปันสุข ด้วยความขอบคุณที่มีผู้แบ่งปันอาหารให้ กับชายแก่อีกคนที่หิวอาหารมาทั้งวัน ก็ขอหยิบนมไปประทังความหิวแค่กล่องเดียว แล้วบอกคนที่อยู่ในละแวกนั้นว่า "เอาแค่พออิ่มประทังชีวิต แบ่งคนอื่นบ้าง" เฮ้อ! มีทุกอย่างในยุค New Normal วิถีชีวิตใหม่ นี้
เขียนไปก็นึกถึงความหลังไปครับ "วิถีชีวิตดั้งเดิม" ที่เคยผ่านมา มันมีความสุขมากๆ หลายคนคงเคยผ่านมาแล้วเหมือนผู้เขียน หลายสิบปีผ่านมานั้นในสังคมแห่งการแบ่งปัน แลกเปลี่ยน ดำรงชีวิตง่ายๆ นึกถึงคราใดก็มีความสุข ซึ่งหลายๆ รูปแบบนั้นเด็กอีสานสมัยใหม่ไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ขอเอามาเล่าสู่กันฟังครับ เริ่มที่ของเล่นในวัยเด็กกันก่อนเลย
ไผเคยเล่นแหน่ เอาหญ้าแห้วหมูมาถักเป็นฮังตั๊กแตน (บ่เคยเห็นมีตั๊กแตนเข้าไปจักเทื่อ) ใบบักพร้าวมาสานนาฬิกาโก้ใส่แขน และสุดท้ายยิงปืนกลสู้กันด้วยก้านกล้วย ถ้าไผเคยเล่นมาก่อนนี่ 40 อัพแน่นอนน้อครับ อันที่ผมมักหลายอีกอันหนึ่งสมัยเป็นเด็กน้อยกะสิแหม่นเล่น "ขาโถกเถก" มันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของร่างกาย การทรงตัวยืนบนขาไม้สูงๆ แล้ววิ่งแข่งกันโชว์สาวๆ ส่ำน้อย
สมัยนั้นมี "หนังกลางแปลง" มาฉายในหมู่บ้านก็มักจะมี "หนังคาวบอย" ขี่ม้ายิงปืน ซึ่งทำให้พวกเราบุกเข้าป่ากล้วยไปเอาก้านกล้วยมาทำปืนกล และทำม้าก้านกล้วยมาขี่ต่อสู่กันนั่นเอง เมื่อหวนนึกถึงหนังกลางแปลง ก็นึกถึง "หนังขายยา" ปวดหาย ทันใจ (ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็น บวดหาย ทัมใจ จักอีหยังดอก) ยาหม่องตราถ้วยทอง ยาประดง และยาดองเหล้าต่างๆ สุดยอดจริงๆ ชอบที่สุดคือ หนังกลางแปลงของไมโล โอวัลติน นมตราหมี เพราะพวกเราจะได้กินฟรีๆ ซึ่งสมัยนั้นมันอร่อยมากมายเหลือเกิน ใครเคยได้ชิมและมีประสบการณ์แบบนี้บ้างครับ
การเล่นยอดฮิตของเด็กสมัยนั้นก็ยังมี "ดีดลูกแก้ว" ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้ชายที่ต่างก็มีลูกแก้วเป็นสมบัติแสนหวง ใครที่พอมีสตางค์ซื้อก็จะไปซื้อลูกแก้วที่ด้านในเป็นกลีบสีๆ สายรุ้ง ส่วนคนไม่ค่อยมีเงินซื้อก็จะไปหาลูกแก้วจากกระป๋องสีสเปรย์มาเล่นกัน โดยใช้สนามดินใต้ถุนโรงเรียนเป็นที่ประลอง อีกพวกหนึ่งก็จะไปเล่นกระโดดเชือกแข่งกันเป็นทีม เล่นกันได้ทั้งชายและหญิง
ยังมีการละเล่นอีกหลายชนิดนะครับในอดีต อย่างเช่น "การเล่นหมากเก็บ" "การเป่ากบ" (ยางวง) การกระโดดยาง (โดยใช้ยางวงมาถักต่อกันเป็นเส้นยาว แล้วกระโดดข้ามด้วยลีลาต่างๆ) การเล่นซ่อนหา การเล่นวาว สมัยนี้น่าจะเหลือแค่ในต่างอำเภอ หมู่บ้านไกลๆ เท่านั้น ในสังคมเมืองน่าจะเป็นของเล่นพลาสติกเสียมากกว่าแล้ว เพราะหาซื้อได้ง่าย ราคาถูก
สำหรับวิถีชีวิตยุคใหม่ที่ท่านจะต้องพบในช่วงเวลานี้ก็คือ "การเป็นครู" สอนลูกหลานช่วยกันกับครูตัวจริง ที่รัฐบาลมีนโยบายให้เรียนทางออนไลน์ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม โทรทัศน์ดิจิทัล จะได้ผลเพียงใดก็มิอาจตอบได้ครับ ช่วยกันไปจนกว่าจะถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ที่คาดว่าจะเปิดโรงเรียนให้ลูกหลานไปเรียนตามปรกติได้ แต่อย่าหลงกลเด็กน้อยเด้อ ถ้ามันมาแอ่วซื้อโทรศัพท์สมาร์ทโฟนใหม่ ซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่เพื่อเรียนออนไลน์ นั้นให้คิดจัก 2, 3 หรือ 4 ตลบ ว่า มื้ออื่นสิกินหยัง สิมีเงินพอซื้อข้าวปลาอาหารบ่ จักหน่อยกะเปิดเทอมแล้ว โอย... หนักใจนำครับ
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)