"วันแรงงาน" ปีนี้ตรงกับวันศุกร์ บวกเข้ากับ วันเสาร์-อาทิตย์ พอถึงวันจันทร์เป็นวันฉัตรมงคลหยุดอีก แล้วลาวันอังคาร ต่อวันพุธเป็นวันวิสาขบูชา กลายเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ยาวๆ 6 วันพอดี "โควิดยังบ่ซา" กะคือพากันกล้าเดินทางกลับบ้านกันหลายแท้ เอาเฉพาะลูกอีสานที่มาทำงานหากินในเมืองหลวง ปริมณฑลใกล้เคียง และโซนอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ที่หลั่งไหลพากันเดินทางกลับบ้านทางถนนหลวงสาย 304 ภาคตะวันออกสู่ภาคอีสาน และถนนสายมิตรภาพมุ่งสู่อีสาน รถราติดหนึบตั้งแต่พ้นเคอร์ฟิว (ตี 4) มาถึงตอนสายๆ วันนี้ จากภาพประกอบหัวเรื่องข้างบน บอกได้ว่า "ข้าไม่กลัวเจ้าโควิด เพราะทนคิดถึงบ้านไม่ไหว อั้นมาตั้งแต่สงกรานต์แล้ว ต้องกลับให้ได้" นี่เฉพาะรถราส่วนตัวนะ เพราะบรรดารถโดยสารสาธารณะสายไกลๆ ยังคงหยุดให้บริการอยู่ พี่น้องเอย... ผมก็เห็นใจ แต่ก็ให้ระวังตัวให้มากๆ ครับ เดินทางปลอดภัยกันทุกคนเด้อ

แม้ว่าวันนี้ 1 พฤษภาคม 2563 สถานการณ์ของการระบาดไวรัสโควิด-19 ในบ้านเราจะมีข่าวดีคือ มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มแค่ 6 ราย รวมยอดสะสม 2,960 ราย ใน 68 จังหวัด ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้เสียชีวิตรวม 54 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 32 ราย รวม 2,719 ราย แต่การระบาดก็ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงคือ "ภาคแรงงานอุตสาหกรรม" ที่มีการเป็นอยู่แบบแออัด เมื่อมีการเดินทางกลับบ้านในสถานการณ์เช่นนี้ จึงมีความเสี่ยงของภัยร้ายซ่อนอยู่ ท่านมาทำงานร่างกายแข็งแรง อาจจะมีเชื้อในร่างกายแต่ยังไม่แสดงอาการ เมื่อกลับไปถึงบ้านอาจจะเป็นพาหะส่งต่อเชื้อให้กับญาติพี่น้องใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ทางบ้าน หรือลูกเล็กเด็กแดงที่รออยู่บ้าน ความคิดถึงครั้งนี้อาจจะนำภัยมาสู่คนที่ท่านรักได้ให้ระมัดระวังกันให้มาก

(ผ่านพ้น 14 วันไป [15 พ.ค.] อัพเดทข้อมูลหลังจากการแห่กลับบ้าน อ่านต่อท้ายบทความครับ... )

เมื่อกลับถึงภูมิลำเนาแล้ว สิ่งที่พวกท่านทั้งหลายที่เดินทางกลับ หรือท่านที่อยู่ในท้องถิ่นควรทำไม่หลีกเลี่ยงคือ แจ้งให้ทางฝ่ายปกครอง ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อสม. เจ้าหน้าที่อนามัย ในท้องที่ได้ทราบ เพื่อทำการคัดกรองก่อนในเบื้องต้น แจ้งชื่อ ที่อยู่ (ที่จะมาพัก) หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ วัดอุณหภูมิร่างกาย ให้ข้อมูลการเดินทาง ที่อยู่ต้นทาง ทำการป้องกันด้วยการสวมหน้ากาก ล้างมือ ทำตามที่ทางสาธารณสุขกำหนด เพื่อยับยั้งการแพร่เชื้อหรือติดตามหากมีข้อมูลสงสัยการติดเชื้อในภายหลัง สำคัญมากครับ เพราะถ้าเราหยุดการแพร่ของเชื้อไวรัสร้ายนี่ไม่ได้ พวกเราทั้งประเทศทุกคนจะไม่มีโอกาสมาอยู่อย่างสงบสุขได้อีก ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังครับ

Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุด ที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า นับจนถึงเวลา 07.20 น.ของวันนี้ (1 พฤษภาคม 2563) มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโล จำนวน 3,275,783 ราย และมีผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 231,577 ราย

ทั้งนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก คือ 1,095,019 คน รองลงมาคือ สเปน จำนวน 239,639 คน อิตาลี 205,463 คน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) 171,253 คน ฝรั่งเศส 167,178 คน และเยอรมนี 163,009 คน

ถ้านับจำนวนผู้เสียชีวิตมาก สหรัฐอเมริกา ก็ยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก คือ 62,856 คน ตามมาด้วยอิตาลี 27,967 คน สหราชอาณาจักร 26,771 คน สเปน 24,543 คน และฝรั่งเศส 24,376 คน

โรคร้ายนี้ไม่ได้อยู่ไกลเราเลย ทุกคนมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้เสมอ ต้องช่วยกันเพื่อให้รอดปลอดภัยครับ ผลกระทบที่เกิดขึ้นครั้งนี้ร้ายแรงมาก มีผลต่อ "ทุกสาขาอาชีพ" เลยทีเดียว อย่าคิดแต่ว่า "มันกระทบต่อคนจน คนหาเช้ากินค่ำ" ซึ่งไม่จริงเลยครับ อาชีพที่คิดว่ามั่นคงอย่าง "อาชีพรับราชการ" ก็มีผลกระทบเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสายใด ยิ่งสาย "สาธารณสุข" นี่กระทบหนัก อาชีพที่เคยมีการกล่าวถึงว่า มั่นคง ร่ำรวย ใครต่อใครก็อยากให้ลูกหลานเรียนเก่งๆ ได้เป็นมดเป็นหมอกัน วันนี้ หลายคนน้ำตานองหน้า ด้วยความเหนื่อย ความกลัวครับ

เล่าถึงคนใกล้ตัวผมนี่แหละ เพื่อนหลายคนมีลูกเรียนจบมาเป็นหมอ อยู่ในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลใหญ่แนวหน้า ตื่นเช้าขึ้นมาต้องรีบหุงข้าว ทำอาหาร ไปทำบุญถวายพระทุกเช้า ผมก็ไถ่ถามด้วยความเป็นห่วงว่า ช่วงนี้ทำไมขยันตื่นขึ้นมาตักบาตรทุกเช้า เพื่อนก็บอกว่า เพราะลูกเป็นหมอ ทำงานหนักมากช่วงนี้แทบไม่ได้กลับมาบ้าน อยู่เวรตลอด เพราะคนไข้โควิดเยอะ เป็นห่วงลูก ทางที่ช่วยได้คือทำบุญ สวดมนต์ภาวนาขอให้ลูกทำงานสำเร็จ คนไข้หายและตัวหมอเองไม่ติดเชื้อ เห็นไหมล่ะครับว่า หมอก็ลำบาก อาชีพอื่นก็ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันดอกในสถานการณ์เช่นนี้

มีบางคนแซวมาว่า "โอย... ครูแสนสบาย ปิดเทอมอยู่บ้าน ปีนี้เลื่อนเปิดเทอมไป 1 กรกฎาคม สบายไปอีก" หยุดเลยครับ หยุด! ไม่ต้องพูดให้ช้ำใจเลยครับ ขอบอกว่า... ปิดเทอมเขาปิดให้นักเรียนครับ ครูก็ยังทำงาน เตรียมการเรียนการสอน ปีนี้ยุ่งกว่าปีก่อนๆ รับนักเรียนใหม่ก็ยังไม่ทันได้รับกันเลย กระทรวงศึกษาธิการสั่งมาให้เตรียมตัวจัดการสอนออนไลน์ สอนผ่านโทรทัศน์ดิจิทัล โทรทัศน์ดาวเทียม ขนาดสอนอยู่ในห้องหน้าชั้นเห็นๆ หน้ากันอยู่แท้ๆ ก็ยังเป็นยักษ์เป็นมารถึงเข็นให้สอบผ่านจบไปได้ ให้สอนออนไลน์ผ่านมือถิอ คอมพิวเตอร์ จอทีวี ลูกหลานเพิ่นสิเรียนให้ส่ำได๋น้อ นี่กะทุกข์ของครูที่ไม่ได้ปิดเทอม ทั้งอบรมออนไลน์ก่อนเปิดเทอม หวิ่งไปคือกันเด้อคร๊าบท่าน!

อาชีพที่เจ็บหนักที่สุดคือ อาชีพที่เกี่ยวข้องกับ "การท่องเที่ยว" เช่น โรงแรม รีสอร์ต ภัตตาคาร ร้านอาหาร ไกด์ทัวร์ การขนส่งต่างๆ เช่น แท็กซี่ รถโดยสาร สายการบิน การเดินเรือ และอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกันอีกมากมาย ที่ทราบข่าวมา สายการบินใหญ่ๆ หลายสายเริ่มออกอาการขอล้มละลายไปแล้ว เช่น Virgin Australia ของมหาเศรษฐีริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตพันล้าน ยังไม่นับสายการบินเล็กๆ ในทางยุโรปที่ยกธงขาวไปแล้วหลายแห่ง (รายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านต่อ ข่าว 1, ข่าว 2)

แม้แต่ธุรกิจน้ำมันที่ไม่เคยมีผลกระทบมาก่อนก็ยังมีผล เพราะการเดินทางไม่มีการใช้น้ำมันก็ลดลงตาม เศรษฐีนายหน้าค้าน้ำมันอย่าง Hin Leong Trading (Pte) Ltd. บริษัทซื้อขายน้ำมันระดับตำนาน (Legendary) ของสิงคโปร์ ยื่นเรื่องขอป้องกันการล้มละลาย หลังขาดทุน 800 ล้านดอลลาร์ หนี้สินค้างชำระอีก 4 พันล้านดอลลาร์ หรือตกประมาณ 1.28 แสนล้านบาท โดยผู้บริหารสารภาพว่า บริษัทได้ปิดบังข้อมูลผลขาดทุนถึง 800 ล้านดอลลาร์ในการซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า Oil Futures ซึ่งปรากฏว่า ราคาน้ำมันราคาตกจนติดลบเป็นประวัติการณ์ยาวนานในช่วงเดือนเมษายนนั่นเอง

แล้วอาชีพอะไรที่จะรอดล่ะ? คำตอบที่เหมาะสมที่สุดตอนนี้คือ "เกษตรอินทรีย์ วิถึเศรษฐกิจพอเพียง" ถ้าปีนี้ฟ้าฝนดีกว่าปีที่แล้ว ไม่มีแล้ง ไม่มีน้ำท่วมปลายฤดู การทำเกษตรด้วยวิถีธรรมชาติและพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๙ ที่ทรงพระราชทานไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน บัดนี้ได้เปล่งประกายให้คนไทยได้พบความจริงแล้ว

เงินทองของมายา... ข้าวปลาสิของจริง... ”

ชีวิตที่เพียงพอ ตามแบบพ่อที่พอเพียง

15 พฤษภาคม 2563

หลังจากการที่มีผู้คนแห่กันกลับบ้านช่วงวันหยุดยาวในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นับว่ามีข่าวดีมากๆ ที่พวกเรายังรักษาระยะห่างทางสังคม ล้างมือให้สะอาด สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยกันตลอด ทำให้การกระจายของเชื้อไวรัสโคโรนาเป็น 0 (ศูนย์) ได้ (แม้จะมีคนติดเพิ่มในวันนี้ จำนวน 7 ราย แต่เป็นการติดเชื้อของผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ อยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้) ไม่ใช่จากประชาชนในประเทศ ค่อยเบาใจลงหน่อย

อย่าชะล่าใจนะครับ เพราะทางรัฐบาลกำลังจะผ่อนปรนในระยะที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคมนี้ ทั้งตลาดนัด ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ซึ่งอาจจะมีผู้คนหลั่งไหลไปใช้บริการกันคับคั่ง ก็ขอให้ใช้หลักการเดิม ล้างมือให้สะอาด สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่างพอสมควร ขยายระยะเวลาเคอร์ฟิวจาก 23.00 น. (ห้าทุ่ม) ไปถึง 4.00 น. (ตีสี่) ก็อย่าทำตัวให้เป็นปัญหา ออกแว๊นซ์ ออกดื่มจนลืมเวลาอีกล่ะ สบายใจได้ แต่การ์ดอย่าตกกันนะครับ ขอให้ทุกท่านปลอภัย