คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
ภูมิปัญญา หมายถึง แบบแผนการดำเนินชีวิตที่มีคุณค่า แสดงถึงความเฉลียวฉลาดของบุคคล และสังคม ซึ่งได้สั่งสมและปฏิบัติสืบต่อกันมา ภูมิปัญญาจะเป็นทรัพยากรบุคคล หรือทรัพยากรความรู้ก็ได้
วันนี้จะเสนอภูมิปัญญาของฅนอีสานที่ล้ำยุคไปไกลทีเดียว เป็นเรื่องของ "กระติบข้าวและก่องข้าว"
ก่องข้าว และ กระติบข้าว เป็นภาชนะบรรจุข้าวเหนียวดั้งเดิมของชาวอีสาน ความแตกต่างของภาชนะทั้งสองอยู่ที่รูปทรง โดยจะแตกต่างกันดังนี้
ก่องข้าวและกระติบข้าว เป็นภาชนะในการเก็บอาหารที่ทรงคุณค่า มากด้วยภูมิปัญญา เก็บความร้อนได้ดี ในขณะที่ยอมให้ไอน้ำระเหยออกไปได้บางส่วน ผ่านทางช่องว่างระหว่างการสานของไม้ไผ่ ทำให้ "ข้าวเหนียว" ที่บรรจุอยู่ภายในกระติบ หรือก่องข้าวไม่แฉะด้วยไอน้ำ ต่างจากการใช้ กระติกน้ำแข็ง (ที่ดูเหมือนจะถูกนำมาใช้งานแทน ก่องข้าว หรือ กระติบข้าว ของพ่อค้าแม่ค้าขายข้าวเหนียวส้มตำ ไก่ย่างในเมืองใหญ่) ที่จำเป็นต้องใช้ผ้าขาวบางมารองในกระติกอีกที (ควรเป็นผ้าฝ้ายที่ไม่มีส่วนผสมของไนล่อนหรือพลาสติก ซึ่งอาจมีสารเคมีละลายมาปนเปื้อนกับข้าวเหนียวได้) ก่อนบรรจุข้าวเหนียวลงไป ถึงกระนั้น เม็ดข้าวที่อยู่ชิดโดยรอบขอบกระติกก็ยังคงแฉะอยู่ดี
หลายๆ คนคงเคยมีประสบการณ์ในการไปรับประทานอาหารอีสาน (Isan Food Style) กับข้าวเหนียวนอกบ้าน ตามร้านอาหารหรือร้านขายริมทาง แล้วจะเห็นพ่อค้ายุคใหม่สมัยนี้ใช้ภาชนะบรรจุข้าวเหนียวไว้ขาย ด้วยกระติกพลาสติกขนาดใหญ่รองด้วยผ้าขาว บรรจุข้าวเหนียวร้อนๆ ไว้ค่อยแยกมาบรรจุเป็นขนาดเล็กๆ ในภาชนะกระติบข้าวไม้ไผ่เล็กๆ หรือภาชนะอื่นๆ ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า ข้าวเหนียวที่ได้มาจะมีอาการแฉะเปียกด้วยไอน้ำอยู่บ้าง ไม่น่ารับประทาน ผิดจากที่แม่ค้ารายใดใช้กระติบข้าวหรือก่องข้าวขนาดใหญ่บรรจุข้าวเหนียว เมื่อแบ่งข้าวมาเสิร์ฟนั้นข้าวจะร้อน เหนียวนุ่ม ไม่แฉะแต่อย่างใด
ภูมิปัญญานี้มีเคล็ดลับอยู่ที่ กระติบข้าว หรือ ก่องข้าว จะมีการสานภาชนะเป็นสองชั้น ชั้นในสุดจะสานด้วยตอกไม้ไผ่ให้มีความห่าง (ช่องว่างระหว่างตอกสาน) เล็กน้อย เพื่อให้ไอน้ำระเหยออกจากข้าวไปสู่ช่องว่างภายในก่อง หรือกระติบข้าวได้ ในขณะที่ชั้นนอกสุดจะสานด้วยตอกที่มีความชิดแน่นหนากว่า เพื่อเก็บกักความร้อนไว้ ไอน้ำที่มีความร้อนอยู่ภายในช่องว่างนี้ จะช่วยทำให้ข้าวเหนียวที่อยู่ภายในกระติบ หรือ ก่องข้าว ยังคงความร้อนอยู่ได้อีกนาน โดยเมล็ดข้าวจะไม่มีไอน้ำเกาะ ข้าวเหนียวจึงไม่แฉะเหมือนกับการบรรจุในภาชนะพลาสติกยุคใหม่
อันตรายที่ได้จากความสะดวก (ภาชนะพลาสติก) นั้นมีแน่นอน จริงอยู่ที่ภาชนะพลาสติกเกรดดี (Food Grade) ที่ทนความร้อนได้สูงเหมาะกับการบรรจุอาหารก็มี แต่เชื่อได้ว่า ร้อยละ 99 ของผู้ค้าขายอาหารส่วนใหญ่ใช้ภาชนะพลาสติกราคาถูก ที่ทำมาจากพลาสติกรีไซเคิลมาด้วยราคาถูก ลดต้นทุนและไม่ทราบถึงอันตรายของมัน ยิ่งนำมาบรรจุข้าวเหนียวร้อนๆ รองด้วยผ้าขาวบาง ซึ่งผ้าขาวบางนี้ก็ไม่ได้ทำจากใยฝ้ายแต่ทำมาจากใยไนลอน ความเสี่ยงก็ยิ่งทวีเป็นสองเท่า ภูมิปัญญาอีสานดีกว่าแน่นอนดังที่กล่าวมา แต่ก็ควรรักษาความสะอาดไม่ให้เกิดเชื้อราสะสมอยู่ภายในด้วย
ในกรณีของกระติบข้าว จะเห็นว่า ฝาปิดและตัวกระติบ จะมีลักษณะที่เหมือนกัน เพียงแต่มีขนาดที่ต่างกันเล็กน้อย ให้สามารถสวมใส่กันได้พอดี ในส่วนตัวกระติบจะมีฐานรองทำจากก้านตาล ขดเป็นวงกลม มีขนาดเล็กกว่าตัวกระติบเล็กน้อย ยึดด้วยหวายให้ติดกับตัวกระติบ (ปัจจุบันนี้ นิยมใช้เชือกไนล่อน เพราะหาง่ายราคาถูกกว่า)
ด้วยเทคนิคการสานจากภูมิปัญญาไทยนี้ ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นที่ยอมรับ และยังคงอยู่ตลอดมา สร้างรายได้ให้กับชุมชนในการสร้างงาน และยังสืบสานความรู้ของการจักสานไว้ เช่น ที่หมู่บ้านทุ่งนางโอก อำเภอทรายมูล จังหวัดยโสธร (ผู้เขียนเคยไปถ่ายทำสารคดีเรื่องเครื่องจักสานที่นี่ เมื่อตอนประชาสัมพันธ์ Amazing Thailand 30 ปีมาแล้ว ตอนนี้หาภาพที่ถ่ายไว้ไม่พบ เห็นทีจะต้องย้อนไปอีกครั้งแล้วครับ)
รายการทีวีชุมชน ThaiPBS ตอน กระติบข้าว มหัศจรรย์เครื่องสานหลงยุค
สิ่งที่อยู่คู่กับข้าวเหนียวไม่เคยห่างก็คือ กระติบใส่ข้าวเหนียว ปัจจุบันยังไม่มีภาชนะใดที่จะนำมาใช้ทดแทนกระติบข้าวได้ดีมากพอ จึงยังคงเห็นคนสานกระติบข้าวอยู่ อย่างเช่นที่ชุมชนหนองขอน อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
ขั้นตอนการสานกระติบข้าว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง : หวดนึ่งข้าวเหนียว | โบมส่ายข้าว | วิญญาณที่ ๕ ของชาวอีสาน
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)