foto1
foto1
foto1
foto1
foto1
ช่วงนี้อากาศปรวนแปรไปทั่วโลก บ้างก็มีพายุรุนแรง แผ่นดินไหว ฝนตก น้ำท่วม ดินพังทลาย จนไร้ที่อยู่ บ้านเฮากะต่างภาคต่างกะพ้อไปคนละแนว บ้างก็ฝนตกจนน้ำท่วม บ้างก็แล้งจนพืชผลแห้งตาย กระจายเป็นหย่อมๆ แบบบ้านเพิ่นท่วมแป๋ตาย นาใกล้ๆ กันนี้ผัดบ่มีน้ำจนดินแห้ง อีหยังว่ะ! นี่ละเขาว่าโลกวิปริตย้อนพวกเฮามนุษย์เป็นผู้ทำลายของแทร่ ตอนนี้ทางภาคเหนือกำลังท่วมหนัก ข่าวว่าภาคอีสานบ้านเฮาก็เตรียมตัวไว้เลย พายุกำลังมาแล้ว ...😭🙏😁

: Our Sponsor ::

adv200x300 2

: Facebook Likebox ::

: Administrator ::

mail webmaster

: My Web Site ::

krumontree200x75
easyhome banner
ppor 200x75
isangate net200x75

e mil

No. of Page View

paya supasit

ju juคันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า

        ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ##

philosopher header

kamduang 01นายคำเดื่อง ภาษี

ฉายา "คนบ้าปลูกต้นไม้" อีกคน

นายคำเดื่อง ภาษี เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2495 เป็นลูกคนที่ 6 ในบรรดาลูกๆ 7 คน ของพ่อไพร และแม่สี ภาษี ที่บ้านโนนขวา ตำบลหัวฝาย อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ เกิดในครอบครัวชาวนาที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนกับชีวิตมาตั้งแต่เล็ก หลังเรียนจบชั้นประถมศึกษาแล้วก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทํานา ซึ่งตลอดเวลาต้องเผชิญกับปัญหา การลงทุนที่สูงทั้งค่าไถหว่าน ค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ซึ่งผลสุดท้ายผลผลิตที่ได้ก็ไม่คุ้มกับการลงทุน ทําให้ต้องเป็นหนี้สินเพิ่มพูนขึ้นทุกปี

คําเดื่อง ภาษี เรียนรู้วิธีการทํานาแบบดั้งเดิมจากพ่อแม่ และจากพี่น้องชาวนาในละแวกใกล้เคียง มาตั้งแต่เล็กจนโต ได้รับรู้ความจริงมาโดยตลอดว่า ชาวนาขายข้าวไม่พอใช้หนี้แต่อย่างใด เมื่อโตเป็นหนุ่ม เป็นช่วงที่บ้านเมืองอยู่ในยุคปฏิวัติเขียวทางด้านเกษตรกรรม เป็นยุคทองของการปลูกพืชเศรษฐกิจ เพื่อการค้าขายเป็นหลัก แต่ในชั่วระยะเวลาไม่นานนัก ปัญหาต่างๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น ทั้งปัญหาราคาพืชตกต่ํา ปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ปัญหาความเสื่อมโทรมของหน้าดิน ซึ่งกลายเป็นปัญหาสําคัญที่ไม่มีผู้ใดแก้ไขได้สําเร็จ

จากชีวิตชาวนาสู่ชาวไร่

เมื่อการทํานาไม่ได้ผล คําเดื่อง ภาษี เห็นว่า น่าจะทดลองทําไร่ดูบ้าง จึงเปลี่ยนอาชีพจากการทํานาไปทําไร่อ้อย โดยกู้เงินจากธนาคาร มาลงทุนทั้งสิ้น 33,000 บาท แต่โชคของคําเดื่องมิได้ดีอย่างที่คิดและหวังไว้ ทั้งนี้เพราะพอลงทุนทําไร่ก็ปรากฏว่า ในปีนั้นต้องเผชิญกับปัญหาฝนทิ้งช่วง และกลายเป็นฝนแล้งไปในที่สุด ทําให้การลงทุนทั้งหมดสูญเปล่าไปในทันที

kamduang 02

พ.ศ. 2528 การลงทุนที่ล้มเหลวซ้ําแล้วซ้ําเล่า ถึง 4 ครั้งติดต่อกัน ประกอบกับยังหาทางออกที่ดีให้แก่ชีวิตยังไม่ได้ ทําให้เขาหันไปหาทางออกด้วยการดื่มเหล้า สูบบุหรี่อย่างหนัก จนเกือบจะเสียคน แต่โชคยังดีที่น้องสาวซึ่งบวชชีอยู่ที่ สํานักปฏิบัติธรรมไทรงาม จังหวัดลพบุรี ได้พยายามโน้มน้าวให้ คําเดื่อง คิดตั้งต้นอนาคตใหม่ ด้วยการใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา มาเป็นเครื่องกล่อมเกลาชีวิต จนผลสุดท้าย คําเดื่องก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา ทําให้ลด ละ เลิก อบายมุขได้ในที่สุด

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชีวิตของ คําเดื่อง ภาษี ก็เริ่มต้นใหม่โดยยึดธรรมะเป็นธงชัย ของชีวิตเคร่งครัดในแนวทางปฏิบัติ กินอาหารมังสวิรัติ ประหยัด และอดออม สวมใส่ เสื้อผ้าตามสภาพที่เป็นจริงของชีวิต

การเรียนรู้และศึกษาธรรมชาติ

หลังลด ละ เลิก จากอบายมุขต่างๆ แล้ว คําเดื่อง ภาษี หันกลับมาทํานาอีกครั้ง ในระหว่างการทํานาได้สังเกตเห็นเพื่อนชาวนา นําฟางข้าวไปคลุมแปลงปลูกกระเทียม เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดิน จะได้ไม่ต้องรดน้ําบ่อยๆ เขาจึงนําวิธีการนั้นมาใช้บ้าง โดยปลูกพริกไว้ใกล้ๆ แปลงนาแล้วใช้ฟางคลุมไว้

ฟางข้าวที่นําไปคลุมแปลงพริก มักจะมีเมล็ดข้าวติดไปด้วยเสมอ เมื่อเมล็ดข้าวร่วงลงก็จะงอกขึ้นมา เขาก็จะคอยถอนต้นข้าวทิ้ง เพราะเกรงว่าต้นข้าวจะไปแย่งอาหารจากต้นพริกที่ปลูกไว้ เป็นด้วยเหตุบังเอิญ มีพริกต้นหนึ่งตาย เมล็ดข้าวที่หล่นก็งอกขึ้นมา คําเดื่องเห็นว่า พริกต้นนั้นตายแล้ว จึงมิได้ถอนต้นข้าวที่งอกทิ้งแต่อย่างใด พอสิ้นปีเมื่อไปเกี่ยวข้าวก็นึกแปลกใจว่า ข้าวเพียงเมล็ดเดียวที่งอกขึ้นมานั้น ทําไมลําต้นจึงแข็งแรง และออกรวงมากถึง 20 รวงได้ เขาคิดหาคําตอบอยู่นาน ผลสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า

การที่ข้าวมีลําต้นแข็งแรงนั้น เป็นเพราะต้นข้าวดังกล่าวมิได้ถูกตัดรากเหมือนข้าวนาคํา ที่เมื่อถอนต้นกล้าขึ้นมารากก็จะขาด เมื่อนําไปไปปักดําต้นกล้าก็จะอ่อนแอ กว่าจะปรับตัวให้แข็งแรงก็ต้องใช้เวลา ส่วนเมล็ดข้าวที่แปลงพริกงอกขึ้นมาทั้งๆ ที่อยู่บนที่สูง ไม่มีน้ําขัง ก็เพราะฟางที่คลุมนั้นช่วยรักษาความชื้นในดินไว้ ทําให้เมล็ดข้าวงอกขึ้นมาตามธรรมชาติได้เช่นกัน

kamduang 04

ทำให้ คําเดื่อง ภาษี เริ่มหันมาศึกษาและสังเกตธรรมชาติอย่างจริงจัง จากการศึกษาพบว่า เมล็ดข้าวที่ติดมากับฟางนั้นสามารถงอกงามแข็งแรง และออกรวงเหมือนข้าวที่ปลูก โดยการไถหว่านได้ ทั้งๆ ที่ที่ดินดังกล่าว เป็นเนินสูงและไม่มีน้ําขัง มีเพียงแค่ฟางคลี่คลุมเอาไว้เท่านั้น การสังเกตเห็นเมล็ดข้าวงอกได้เองแม้ไม่มีน้ําขัง ทําให้เขาองเกิดความคิดว่า "ในความเป็นจริงแล้ว การปลูกข้าวตามวิธีธรรมชาติ น่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่าการปลูกข้าวโดยอาศัยปุ๋ย อาศัยสารเคมี ที่ต้องลงทุนสูงและไม่คุ้มทุน จึงเริ่มหันมาทํานาแบบธรรมชาติ โดยใช้ปุ๋ยคอกแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น"

ดังนั้น การปลูกข้าวของ คำเดื่อง ภาษี จึงไม่ไถ ไม่ใส่ปุ๋ย ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ไม่กำจัดวัชพืช แต่กลับให้ผลผลิตดีกว่าเดิม ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจากการใส่แกลบลงไปก่อน แล้วจึงไถหน้าดินให้ร่วนซุย เพราะเนื้อดินแข็งมาก จากนั้นหว่านถั่วลงไป เมื่อถั่วงอกสูงขึ้นราวๆ 1 ศอก จึงหว่านข้าวทับลงไปโดยไม่ต้องไถอีก  เมล็ดข้าวที่หว่านต้องเคลือบด้วยดินเหนียว โดยดินเหนียวแต่ละก้อนจะมีเมล็ดข้าวติดอยู่ 2-3 เมล็ด โดยที่ดิน 1 งาน จะใช้พันธุ์ข้าวประมาณ 6 กิโลกรัม

หลังจากฝนตกข้าวก็จะงอกขึ้นเลยต้นถั่ว ให้ปล่อยน้ำเข้านา 2 วัน จนสูงประมาณ 2 เซนติเมตร เพื่อชะลอการเจริญเติบโตของถั่ว จากนั้นไขน้ำออก ต้นข้าวได้รับแสงแดดก็จะขึ้นงาม ในขณะที่หญ้าจะถูกคลุมอยู่ใต้ฟาง ทั้งหญ้า ทั้งถั่ว จะเป็นปุ๋ย หลังจากนั้นไส้เดือนก็จะมาพรวนดิน ข้าวจะขึ้นแข็งแรงพอๆ กับการปักดำและใส่ปุ๋ย

ดังนั้น การทำนาแบบธรรมชาติของ คำเดื่อง ภาษี จึงได้ผลดีมาก จนเพิ่มพื้นที่ทำนาไปเรื่อยๆ ซึ่งผลผลิตข้าวที่ได้ไม่แตกต่างกับที่นาของเกษตรกรที่ใช้สารเคมี แต่การปลูกข้าวแบบธรรมชาติสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้มาก ทำให้มีรายได้จากการจำหน่ายข้าวได้มากกว่า เพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายให้กับครอบครัว

ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่น้องสาวได้ส่ง "วารสารแสงสูรย์ และสารอโศก" มาให้ศึกษา เขาได้อ่านหนังสือเล่มนั้น แล้วประทับใจเรื่องราวการทําการเกษตรแบบธรรมชาติของ ฟูกูโอกะ เกษตรกรชาวญี่ปุ่น ที่ทําเกษตรแบบธรรมชาติมาก่อนหน้าเขา และก็ประสบความสําเร็จเป็นอย่างดี ทําให้เขามีความมั่นใจในการตัดสินใจของตนเองมากยิ่งขึ้น

เมื่อทดลองทําเกษตรธรรมชาติได้ผลเป็นที่น่าพอใจแล้ว คําเดื่อง ภาษี ยิ่งมั่นใจว่า การปลูกข้าวตามวิธีธรรมชาติ น่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่าการปลูกข้าวโดยอาศัยปุ๋ย อาศัยสารเคมี ที่ต้องลงทุนสูง วิธีการนี้จะเป็นทางเลือกใหม่ในการแก้ปัญหาของชาวนาได้ จึงลงมือทําเกษตรธรรมชาติเต็มพื้นที่ทั้ง 18 ไร่

kamduang 03

องค์ความรู้จากการสังเกตและปฏิบัติ

การทํานาแบบธรรมชาติทําให้คําเดื่องได้ค้นพบ "องค์ความรู้ 4 ไม่" ในการทําเกษตรธรรมชาติให้ประสบความสําเร็จ คือ

1. ไม่ไถพรวนดิน

การที่ไม่ไถพรวนดิน เพราะเขาเห็นว่า การไถพรวนดินจะทําให้ดินโปร่งเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น นอกจากนี้การไถดินยังเป็นการทําลายสัตว์ในดิน เช่น ไส้เดือน ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยพรวนดิน และถ่ายมูลมาเป็นปุ๋ยธรรมชาติอย่างดีให้กับพืช

2. ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี

ปุ๋ยเคมีมีสภาพเป็นกรด เมื่อใส่ลงในดินแล้ว ต้นพืชจะนําไปใช้ได้บางส่วน ส่วนที่เหลือจะสั่งสมอยู่ในดิน เมื่อใส่ลงไปปีละหลายๆ ครั้ง สารเคมีที่สั่งสมจะทําให้ดินเริ่มแข็ง และขาดความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเขาแก้ไขโดยใช้ปุ๋ยธรรมชาติ เช่น ปุ๋ยไนโตรเจนจากพืชตระกูลถั่ว ปุ๋ยโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสจากการเน่าของฟาง เป็นต้น

3. ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง

การใช้ยาฆ่าแมลงจะทําให้แมลงสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ทําให้เกิดการดื้อยา จึงต้องเพิ่มปริมาณยาฆ่าแมลงในการใช้แต่ละครั้ง เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การงดใช้ยาฆ่าแมลงยังมีส่วนอย่างสําคัญ ที่ทําให้สภาพแวดล้อมกลับมามีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นผลดีแก่สุขภาพของทุกคนในชุมชน

4. ไม่กําจัดวัชพืช

สําหรับคําเดื่องแล้วเห็นว่า วัชพืชเป็นเสมือนโรงงานผลิตปุ๋ยชั้นดี ที่ตั้งโรงงานอยู่กลางแปลงนา ด้วยเหตุนี้เองในการทําเกษตรแบบธรรมชาติ จึงได้ปล่อยให้ วัชพืชขึ้นสูงแล้วจึงใช้ฟาง หรือพืชตระกูลถั่วควบคุม ทําให้หญ้าเหล่านั้นกลายเป็นปุ๋ยชั้นดีสําหรับพืชที่ปลูกไว้

kamduang 05

การปรับประยุกต์ใช้องค์ความรู้ : จากแปลงนาสู่สวนและแปลงผัก

การทดลองทําเกษตรกรรมธรรมชาติที่ประสบความสําเร็จ ทําให้ คําเดื่อง ภาษี ค้นพบความจริงว่า นอกจากการทํานาด้วยวิธีธรรมชาติแล้ว ยังสามารถนําความรู้ดังกล่าวไป ประยุกต์ใช้กับการปลูกผัก ปลูกไม้ผลแบบธรรมชาติได้อีกด้วย เขาใช้เวลาทดลองทํานา ปลูกผัก และปลูกไม้ผลแบบธรรมชาติอยู่ 4 ปี ทําให้ค้นพบต่อไปอีกว่า การกระทําดังกล่าวนอกจากจะมีต้นทุนที่ต่ําแล้ว เมื่อดินเริ่มฟื้นตัวด้วยระบบนิเวศน์ ทําให้ความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมาอีกครั้ง และเป็นผลดีต่อการเพาะปลูกเป็นอย่างยิ่ง

คำเดื่อง ภาษี แต่งงานกับ นางอมร งามชัด ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองแก ตำบลช่องสามหมอ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ มีลูกชาย 2 คน และลูกสาว 1 คน ทำเกษตรธรรมชาติในพื้นที่เริ่มต้น 50 ไร่ ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ตั้งแต่การปลูกไผ่ ขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกพืชนานาชนิด ซึ่งชีวิตก็อยู่ได้อย่างมีความสุข

kamduang 06

เกียรติประวัติ

  • พ.ศ. 2535 คนดีศรีสังคม จากมูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • พ.ศ. 2544 ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี

คำเดื่อง ภาษี สารภาพว่า ตัวเองคือผู้พ่ายแพ้สงครามเกษตรเชิงเดี่ยว ก่อนหน้านี้เขาเน้นการผลิตเพื่อขาย เอาเงินเป็นตัวตั้ง เน้นปลูกพืชเศรษฐกิจเป็นหลัก จนในที่สุด ดินก็เสื่อมโทรม และพืชเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำรายได้มากอย่างที่คิด แต่ยังสร้างหนี้สินจำนวนมาก

คนบ้า "ปลูกต้นไม้" : สะเทือนไทย ThaiPBS

หลังเกิดความพ่ายแพ้ คำเดื่อง ภาษี ตัดสินใจสร้าง "อาณาจักรสีเขียวหมื่นปี" บนพื้นที่ของตัวเอง เน้นปลูกพืชที่หลากหลาย และด้วยความที่กลัวว่า เมื่อตัวเองสร้างเสร็จแล้ว ลูกๆ จะขายที่ดินที่เขาสร้างมากับมือให้กับคนอื่น เขาจึงสร้างหลักสูตรการศึกษาเพื่อความยั่งยืนให้ลูกได้ตัดสินใจเองว่า จะลาออกจากการศึกษาในระบบ มาใช้ชีวิตเป็นเกษตรกรกับเขาหรือไม่ ในที่สุด ลูกๆ ก็ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน มาเรียนรู้หลักสูตรโรงเรียนธรรมชาติที่พ่อของเขาเป็นผู้สร้างขึ้น

คำเดื่อง ภาษี เสนอแนวคิดการทำเกษตรแบบปราณีต โดยเน้นปลูกพืชที่กินได้ เป็นยาได้ ปลูกไม้ไว้สร้างบ้านในอนาคต ขุดบ่อเลี้ยงปลา เน้นทำการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี เน้นการเพาะต้นกล้า และปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนพื้นที่กว่า 200 ไร่ของเขา กลายเป็นป่าขนาดใหญ่ มีต้นไผ่เป็นแนวรั้ว จนกล่าวได้ว่า "อาณาจักรสีเขียวหมื่นปี" ได้เริ่มปรากฎตัวขึ้นแล้ว

วันนี้ บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ได้กลายเป็น ศูนย์การอบรม เพื่อแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวของภาคอีสาน เป็นแหล่งการเรียนรู้เกษตรแบบปราณีตใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ขณะที่ คำเดื่อง ภาษี ยังได้รับความไว้ใจให้ดำรงตำแหน่ง ประธานเครือข่ายปราชญ์ฯ ขับเคลื่อนให้จังหวัดบุรีรัมย์เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก

รายการเวทีชาวบ้าน - อาณาจักรเขียวหมื่นปีของพ่อคำเดื่อง

"ไม่มีทางที่เราจะเทปุ๋ยใส่ต้นไม้ทุกต้น บนพื้นที่ 200 ไร่ แต่ถ้าเราปล่อยให้ธรรมชาติทำงานเอง ปุ๋ยที่เราเทใส่ตั้งแต่วันแรก ใบไม้ที่หล่นลงมาจากต้นในวันต่อมา น้ำฝนที่ตกลงมาคลุกเคล้าดิน นั่นแหละคือ ปุ๋ยชั้นดีที่เกิดจากการปล่อยให้ธรรมชาติทำงานเอง" นี่คือแนวคิดของ คำเดื่อง ภาษี ที่เน้นหลักเรียนรู้จากธรรมชาติ และถือหลักให้ธรรมชาติทำงานเอง เขาปิดท้ายว่า

ถึงต้องจากโลกไปวันนี้ ก็ไม่เสียใจ เพราะได้สร้างปอดอีกแห่ง ไว้ให้โลกได้หายใจแล้ว "

 

redline

backled1

 

isan word tip

isangate net 345x250

ppor blog 345x250

adv 345x200 1

นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)