คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
ถ้าไม่พูดถึงเรื่องนี้บ้างก็จะหาว่าไม่ทันเหตุการณ์ กับการระบาดอย่างรุนแรงของ "โคโรน่าไวรัส" รวดเร็วจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ซึ่งเราทราบกันดีว่า เทศกาลตรุษจีน ในประเทศจีนนี่หยุดยาว มีการเดินทางกลับถิ่นฐานบ้านเกิด (จากการไปทำงานในเมืองใหญ่ ที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในหลายๆ เมือง) รวมทั้งมีการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งภายในประเทศจีนเอง และเดินทางไปต่างประเทศ (เพราะรายได้ของคนจีนยุคนี้ มีมากพอที่จะเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศได้มากขึ้น) จุดหมายปลายทางที่เป็นที่นิยมมากก็คือ ประเทศไทย นั่นทำให้การแพร่ระบาดของ "ไวรัสโคโรน่า" เป็นไปอย่างรวดเร็ว กระจายไปทั่วโลกไม่เฉพาะประเทศไทยเรา
โคโรน่าไวรัส หรือ coronavirus (CoV) คือ เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบติดเชื้อ รวมไปทั้งโรคปอดอักเสบรุนแรง พบได้ทั้งในสัตว์และในคน โดยโคโรน่าไวรัสมีหลายสายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์ที่เคยระบาดรุนแรงก็ได้แก่ ไวรัสซาร์ส (SARS-CoV) ที่เคยระบาดไปทั่วโลกในปี 2002 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกกว่า 600 คน และไวรัสเมอร์ส (MERS-CoV) ซึ่งมีผู้เสียชีวิตเกือบ 900 คนในปี 2012 ซึ่ง โคโรน่าไวรัส ที่กำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้ เป็นสายพันธุ์ใหม่ หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น "ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019" ซึ่งคาดกันว่าแม้จะมีความรุนแรงไม่เท่าสายพันธุ์ก่อนๆ แต่ก็มีสิทธิที่เชื้อไวรัสจะพัฒนาตัวเองจนมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ชื่อ "coronavirus" มาจากคำในภาษาละติน corona และภาษากรีก κορώνη ที่แปลว่า มงกุฎหรือรัศมี ในที่นี้หมายถึงลักษณะของตัวไวรัสที่มองเห็นจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนที่มีผิวยื่นเป็นแฉกๆ เหมือนกับรัศมีของดวงอาทิตย์ ลักษณะนี้ถูกสร้างโดยเพโพลเมอร์สไปก์ (S) ของไวรัส ซึ่งเป็นโปรตีนที่กระจุกตัวอยู่บนผิวไวรัส และเป็นตัวกำหนดการโน้มตอบสนองของโฮสต์
จากสถานการณ์พบผู้ป่วยปอดอักเสบติดเชื้อ ในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ณ วันที่ 11 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา จากการสืบสวนโรคเบื้องต้นทางการจีนพบว่า ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งทำงานอยู่ที่ ตลาดสดเมืองอู่ฮั่น ซึ่งขายสัตว์ทะเล สัตว์ปีก และสัตว์ป่า จึงสั่งปิดตลาดดังกล่าวเพื่อทำความสะอาด สืบสวนหาสาเหตุและที่มาของการระบาดในครั้งนี้ ล่าสุด ทางการจีนประกาศเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองอู่ฮั่น ที่พบการระบาดของโคโรนาไวรัสรอบใหม่ ห้ามออกจากเมืองหากไม่มีเหตุผลจำเป็น นอกจากนี้ยังทำการปิดเมือง ด้วยการสั่งยกเลิกเที่ยวบินขาออก เที่ยวรถไฟขาออก การเดินทางโดยรถบัส รถไฟใต้ดิน และการเดินทางโดยเรือโดยสารระหว่างเมืองเป็นการชั่วคราวไว้ก่อน ตามที่เป็นข่าวตามสื่อนั่นเอง
ไวรัสโคโรน่า นั้นสามารถติดต่อได้ผ่าน “คนสู่คน” โดยสามาถติดต่อได้หลายช่องทาง เช่น
นอกจากนั้นเชื้อไวรัสโคโรน่า ยังสามารถเข้าสู่รายการได้หลายช่องทาง เช่น เยื่อบุทางเดินหายใจ ตา จมูก ปาก อธิบายให้ชัดเจนก็คือ ถ้าอากาศโดยรอบมีเชื้อไวรัสโคโรน่าลอยอยู่ อาจเกิดจากการที่ผู้ป่วยจามหรือไอออกมา เราสามารถติดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ผ่านทางการหายใจได้เช่นกัน แต่โอกาสจะน้อยกว่าการสัมผัสสารคัดหลั่ง (น้ำมูก น้ำลาย) โดยตรง
ต้องบอกว่า เนื่องจากธรรมชาติของเชื้อไวรัสเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว แม้จะเป็นเชื้อตัวเดียวกัน แต่ความรุนแรงในการก่อโรคของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้งด้านพันธุกรรม ภูมิต้านทาน สุขภาพ อายุ และประวัติการฉีดวัคซีนของแต่ละคนมาก่อน โดยผู้ป่วยจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้ จะมีอาการทางเดินหายใจ มีน้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ไปจนถึงมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ไข้สูง ปวดหัว ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว
แน่นอนว่า ไวรัสโคโรน่า นั้น มีอันตรายเป็นอย่างมาก เนื่องจากอาการทั่วไปนั้นคล้ายกับการเป็นไข้หวัดใหญ่ หากเราอยู่ในสภาวะเสี่ยง เช่น เดินทางไปยังที่ที่สงสัยว่ามีการระบาด อยู่ในสถานที่เสี่ยงเช่น สนามบิน รถไฟฟ้า รถโดยสารสาธารณะ แหล่งชุมชนสาธารณะที่มีผู้คนเดินทางมาจากเมืองที่มีการแพร่ระบาด เมื่อมีไข้สูง ไอ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวควรพบแพทย์ แจ้งอาการและข้อสงสัยที่เราได้เข้าไปในจุดเสี่ยงดังกล่าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
ดังนั้น เราควรที่จะป้องกันและดูแลสุขภาพให้ดี โดยวิธีป้องกันไวรัสโคโรน่า ถ้าเรามีโอกาสเสี่ยง สามารถทำได้ดังนี้
นอกจากวิธีการทั้ง 7 ข้อนี้แล้ว ก็ขอแนะนำว่า ใครที่มีเงินและวางแผนจะเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศจีนในช่วงระยะนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเลื่อนวันเดินทางออกไปก่อน ไม่ว่าเมืองปลายทางจะอยู่ไกลจากอู่ฮั่นก็ตาม (ด้วยเหตุผลว่า มีพลเมืองที่อยู่อาศัยในอู่ฮั่นได้เดินทางออกจากเมืองก่อนตรุษจีนมากกว่า 5 ล้านคน ซึ่งเรายังไม่แน่ใจว่าในจำนวนคนเหล่านี้เป็นพาหะของโรคนี้มากน้อยเพียงใด) เห็นได้จากกลุ่มที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ได้เจ็บป่วยถูกกักกันโรคและพบว่าป่วยด้วยไวรัสโคโรน่านี้มากถึง 14 คนแล้ว รักษาหายเป็นปกติแล้ว 5 คน (ข้อมูลวันที่ 30 มกราคม 2563) รอให้ทางรัฐบาลจีนและประเทศต่างๆ สามารถควบคุมโรคได้ก่อน ค่อยเดินทางไปเที่ยวจะเป็นการปลอดภัยที่สุด
ไวรัสโคโรน่า นั้นมัอันตรายจริง แต่เราก็ระมัดระวังป้องกันได้ ทำตามคำแนะนำข้างล่างนี้ และ อย่าตื่นตระหนก เสพแต่ข่าวลือ ข่าวปลอมรายวันที่เผยแพร่มาทางสื่อออนไลน์ทั้งหลาย จนหลายคนจะตายเพราะเป็นโรค PSD (PraSartDak) ไม่ใช่โรคใหม่ครับ เป็นโรคของคนเชื่อสื่อออนไลน์ ใครแชร์มาก็เ้ชื่อหัวปักหัวปำ แชร์ต่ออย่างไวจนเป็น "โรคประสาทแดก" นั่นเอง
ปิดหูปิดตาจากสื่อออนไลน์ การแชร์ข่าวมาจากกลุ่มญาติ กลุ่มเพื่อน ไปสักระยะ และอย่ามือไวไปแชร์ข่าวปลอมพวกนี้ด้วยล่ะ ท่านจะไม่มีอาการของโรคไวรัสโคโรน่าโดยตรงนะครับ แต่อาการจะมีอาการ "ไอคุกๆๆๆ" อย่างเดียว เฉพาะวันนี้วันที่ 30 มกราคม 2563 ทางกระทรวงดีอี และ ปอท. ได้ติดตามจับกุมผู้เผยแพร่ข่าวปลอม โดนจับปรับหนักเพราะผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ไปแล้ว 15 ราย จึงขอเตือนมาด้วยความหวังดีครับ
แม้เราจะกลัวไวรัสโคโรน่า แต่ก็สามารถป้องกันตัวจากโรคได้
เพียงแต่อย่ากระต่ายตื่นตูม... จนขาดสติไปเสียก่อน... "
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดชื่อให้ โคโรนาไวรัส แล้ว ต่อไปจะเรียกชื่อใหม่ว่า COVID-19 (อ่านว่า ซีโอวีไอดี-วันไนน์) ซึ่งย่อมาจาก "coronavirus disease 2019" หรือ โรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 โดยคำว่า CO ย่อมาจาก Corona คำว่า VI ย่อมาจาก Virus คำว่า D ย่อมาจาก Disease และตัวเลข 19 มาจากปี 2019 ที่ไวรัสตัวนี้เริ่มระบาดครั้งแรก
ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า การตั้งชื่อใหม่ให้กับไวรัส เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและหลีกเลี่ยงการอ้างอิงสภาพภูมิศาสตร์ สายพันธุ์สัตว์ หรือกลุ่มคนตามหลักเกณฑ์การตั้งชื่อ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดรอยมลทินกับกลุ่มคนหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง นอกจากนี้ยังเป็นการกำหนดรูปแบบมาตรฐานที่ใช้ในการระบาดของไวรัสชนิดนี้ในอนาคต
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง มีลมหนาวกลับมาอีกครั้ง อุณหภูมิลดต่ำลงบางจังหวัดทางตอนบนของอีสานอาจลดถึงตัวเลขหลักเดียว ที่บ้านทิดหมูช่วงรุ่งสางก็มีความรู้สึกหนาวเหน็บ (หรือเป็นอาการของคนโสดบ่มีคนเคียงข้างบ่น้อ) ก็ติดตามข่าวกรมอุตุนิยมวิทยาด้วยนะครับ วันนี้คาดการณ์ว่า อุณหภูมิจะลดลงอีกดูรายละเอียดได้ตามภาพ ก็ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพ ทำให้ร่างกายมีความอบอุ่น จะได้ไม่เป็นไข้หวัด ถ้ามีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ไอ ปวดหัวมาก ก็ไปพบแพทย์นะครับ อย่าใจเย็นเกินไปนะครับ ไวรัสโคโรน่า เราไม่รู้ว่ามันจะมาถึงเราเมื่อไหร่...
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)