foto1
foto1
foto1
foto1
foto1
ช่วงนี้อากาศแปรปรวนนะครับ ฤดูหนาวแต่ร้อน และมีฝนตกกระจายทั่วประเทศเลยทีเดียว และตอนนี้ก็ฤดูเก็บเกี่ยวของชาวนาซึ่งไม่ได้เก็บเกี่ยวด้วยมือแบบดั้งเดิมแล้ว แต่หันมาใช้รถเกี่ยวข้าวแทนซึ่งทำได้รวดเร็วกว่ามากๆ แต่ก็มีปัญหาตามมาคือข้าวเปลือกมันยังไม่แห้งเก็บเข้ายุ้งฉางไม่ได้ ต้องมีการตากแดดให้แห้งก่อนสัก 2-3 วัน พอมีฝนมาแบบนี้ก็แย่เลย บางรายก็เอาไปตากบนถนนหนทางซึ่งอันตรายมากๆ อย่าหาทำเด้อพี่น้อง มันผิดกฎหมาย...😭🙏😁

: Our Sponsor ::

adv200x300 2

e mil

No. of Page View

paya supasit

ju juคันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า

        ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ##

stay home 3

ในภาวะวิกฤตจากการระบาดของโรค "ไวรัสโควิด-19" ครั้งนี้ ทีมหมอ พยาบาล ต้องขอความร่วมมือจากประชาชน "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" กันนะครับ "โควิด-19 เป็นโรคติดต่อถ้าเราไม่ไปติดต่อกับใครสักระยะ อยู่ให้ห่าง ใช้การสื่อสารทางออนไลน์ โทรศัพท์ แทนการเดินทางไปหาใกล้ชิด" ย่อมหยุดยั้งการระบาดในครั้งนี้ไปได้

หยุดอยู่กับบ้าน ให้พากันเซาเลาะ อยู่กันเมาะๆ แมะๆ เลิกสังสรคค์รวมกันเป็นหมู่ จำเป็นสิออกจากบ้านกะปิดปากด้วยแมสค์ ล้างมือดู๋ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ กินฮ้อนๆ ใช้ช้อนของกู อยู่ห่างๆ กันไว้ สิพากันปลอดภัยเด้อ "

mor yongศาสตราจารย์ นพ. ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย กล่าวว่า โรคดังกล่าวเป็นโรคอุบัติใหม่ และมีการกระจายทั่วโลกซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะกวาดล้างในระยะเวลาอันสั้น มากกว่า 150 ประเทศมีการคิดเชื้อ ซึ่งถือว่าปัจจุบันเป็นโรคนำเข้าและติดต่อภายในประเทศ และจะยังคงอยู่ในระยะยาว โดยต้องวางกลยุทธ์ในการต่อสู้ระยะยาว การมีจำนวนผู้ป่วยจำนวนมากพร้อมๆ กัน ระบบสาธารณสุขของประเทศเราจะตั้งรับไม่ทัน จึงมีความพยายามยืดระยะเวลาการระบาดให้ได้นานที่สุด เพื่อรอองค์ความรู้ใหม่ที่จะนำมารักษา ลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น

ทั้งนี้นายแพทย์ยง กล่าวว่า ทุกคนที่ติดเชื้อไม่ใช่จะปอดบวมทั้งหมด โดยร้อยละ 80 สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ สามารถใช้แพทย์ทั่วไปรักษาได้ ส่วนเรื่องยากลุ่มจำเป็นที่ต้องใช้ ในกลุ่มผู้ที่มีอาการรุนแรงอยู่ที่ร้อยละ 20 หรือประมาณ 1,400 คน และขณะนี้เองรัฐบาลกำลังเจรจาซื้อยาจากประเทศจีน ขอให้สบายใจได้ว่ายารักษาโรคจะมีเพียงพอ

ส่วนเตียงรองรับผู้ป่วย ในระยะแรกทุกคนที่ป่วยต้องการนอนโรงพยาบาล เพื่อป้องกันการนำเชื้อไปติดญาติที่บ้าน แต่หากมีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นจะมีมาตรการหาโรงพยาบาลเสริมในผู้ป่วยที่รอกลับบ้าน และมีโรงพยาบาลหลักใช้ในผู้ป่วยที่มีาการหนักมาก ซึ่งห้องความดันลบจะไม่ให้อากาศออกมาด้านนอกติดกับผู้อื่น เพื่อใช้ในการติดตามอาการ แต่เมื่อทราบแล้วว่าโรคนี้ไม่ได้ลอยในอากาศแต่ติดทางสัมผัส จึงกล่าวได้ว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องความดันลบ แต่ต้องแยกออกจากผู้ป่วยปกติ รวมถึงใช้พยาบาลแยกชุดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อ โดยเชื้อว่า หากมีการวางแผนอย่างดีบุคลากรทางการแพทย์ก็จะเพียงพอ

ส่วนจะมีการแพร่กระจายโรคทางเพศสัมพันธ์หรือไม่? ช่วงที่มีอาการไม่มีหลักฐานพบเชื้อในน้ำอสุจิ หรือเยื่อเมือก แต่ยืนยันว่าไม่มีการแพร่ระบาดไปจากแม่สู่ลูกในครรภ์

covid update

ท่านที่สนใจสามารถเข้าดูรายละเอียดอัพเดทสถานการณ์ได้ที่เว็บไซต์ TH-STAT.COM

ในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรร่วมมือกับทีมหมอ พยาบาล และรัฐบาลที่ได้ออกมาขอร้องให้ประชาชนทุกคน #อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ กันครับ ไม่เดินทางท่องเที่ยว ออกจากบ้านเฉพาะกรณีจำเป็นในการดำรงชีวิต แต่ก็ต้องปฏิบัติการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เช่น ใส่แมสก์ปิดจมูก/ปาก (จะแบบการป้องกันเชื้อถ้าหาได้ หรือแบบผ้าก็ได้) เว้นระยะห่างระหว่างเรากับคนอื่นๆ พอสมควร (แนะนำที่ 1 เมตร) ในสถานที่เสี่ยงเช่น ในตลาดสด ร้านสะดวกซื้อ รถโดยสารสาธารณะ สถานีโดยสาร (รถยนต์ รถไฟ เรือ สนามบิน) ศูนย์การค้า โรงพยาบาล แม้กระทั่งวัดวาอารามด้วย

หยุดการไปเยี่ยมเยือนญาติมิตร ถ้าทราบข่าวว่า "เจ็บไข้ได้ป่วย" ให้ใช้การโทรศัพท์เยี่ยม ซักถาม แสดงความห่วงใย แทนการเดินทางไปพบ ไปหาถึงที่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากโรคระบาดทั้งต่อตัวเราเอง ผู้ป่วยและญาติมิตร ใ้มากที่สุด ถ้าเราป่วยเสียเองก็อย่าได้น้อยใจเกินเหตุที่ไม่มีใครเดินทางมาเยี่ยม ที่ไม่มาเพราะเขาห่วงใย ไม่ใช่รังเกียจเดียดฉันท์นะครับ

อย่าตื่นตระหนกกับข่าวคราวจนเกินไป "ข่าวลือ" นั้นเกิดจาก "คนที่มีความเกลียด" ถูกกระพือ ส่งต่อ แชร์ข่าวโดย "คนไม่คิด" ถูกเชื่อ วิตกจริต โดย "คนหูเบา" อย่าได้อยู่ในคนจำพวกนี้เลยครับ หนักแน่น ตั้งสติให้มั่น "คนไทยติดเชื่อโควิด-19 แค่ 0.1% แต่กำลังประสาทแดกเพราะข่าวลือไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน" ครับ

eggs

พอได้ยินข่าวลือปุ๊บ หยุดคิดสักนิดว่า "มันจริงแค่ไหน?" เช่น เห็นเพื่อนในกลุ่มไลน์แชร์มา "วันนี้ฉันไปห้างสรรพสินค้า ตุนมาม่า ตุนไข่มาไว้กินได้เป็นเดือน" สิ่งแรกที่ต้องคิดคือ ตุนทำไมประเทศไทยคือประเทศที่ผลิตอาหารป้อนประชาคมโลก มาม่าเราก็ผลิตส่งออก ไข่ไก่ก็เลี้ยงกันในประเทศจนล้นตลาดต้องส่งออก ซื้อมาถ้าฉันกินแต่มาม่ากับไข่จะทนได้เกิน 3 วันไหม? เอ้า! แต่เพื่อนก็บอกไข่เกลี้ยงแผงนะ ใช่! มันเกลี้ยงก็เพราะพวกคุณบ้าไปซื้อมามากมาย ในครอบครัวหนึ่ง ไข่ 1 ถาดเคยกิน 2 อาทิตย์ก็ไม่หมด นี่พากันไปเหมามาคนละ 4-5 ถาดมันก็หมดนะซิ แต่เชื่อเถอะแบบนีพ่อค้ายิ่งชอบ หมดวันนี้ พรุ่งนี้อั๊วเอามาเติมสามเท่าเลย มาๆๆๆ มาตุนกัน อั๊วรวย!!!

อย่าเชื่อแต่ข่าวลือในกลุ่มไลน์ ในเฟซบุ๊คกันนัก ที่ข่าวที่ออกโดยทางราชการแถลงทุกวันช่วง 11.00-13.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ล่ะไม่ดู ดูก็แค่ผ่านๆ ได้ยินแว๊บๆ จับประเด็นไม่ได้ก็แห่กันไป "เปิดบัญชีธนาคาร ธกส. ออมสิน กรุงไทย" เฮ้ย! บอกให้อยู่บ้านเพื่อหยุดการแพร่กระจาย ยังไม่ฟังอีกจนธนาคารประกาศหยุดทำการกันให้รู้แล้วรู้รอด ฟังนะ! ถ้าไม่มีเวลาฟังข่าว (ด้วยเหตุผลเกลียดรัฐบาล เกลียดลุงตู่ หรืออะไรก็แล้วแต่) ถ้าเล่นเฟซบุ๊ค ทวีตเตอร์ ไลน์ ก็ไปแอดติดตามสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ThaiPBS กับสำนักข่าว Mthai ทั้ง 3 ช่องทางนั้น เขาจะย่อยข่าวเหล่านี้มาเป็นแนวทางสั้นๆ เข้าใจง่าย ฟังรู้เรื่อง ทำตามได้ไม่เป็นข่าวลือแน่นอน แล้วมันจะเด้งดึ๋ง ตึงตัง แจ้งให้รู้กันนะจ๊ะ

ดูข่าวเมื่อสักครู่ "สั่งกักตัว 14 วัน พวกใช้หน้ากากเวียนกันเข้าไปเปิดบัญชีธนาคาร" อีหยังว่ะ! สูอยากได้เงินหลายจนบ่ย้านตายแล้วตี้ โอย! อาวทิดหมูเลาฮ้องขึ้นเบิดแฮง...

covid update 2

"ใครที่สวมหน้ากากแบบเวียนกันใช้ต้องกักตัวด่วน เพราะนอกจากคุณไปรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ทั้งที่เจ้าหน้าที่พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายรัฐที่จะช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ว่าไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีใหม่ ใช้ของเดิมได้เลย แต่ก็ไม่ยอมฟัง แถมยังมีการเวียนหน้ากากอนามัยใช้กันอย่างทั่วถึง (ธนาคารทุกแห่งมีมาตรการให้สวมหน้ากากอนามัยเข้าไปใช้บริการ ไม่สวมไม่ให้เข้า)

stay home

ดังนั้น จึงเป็นที่มาของความเสี่ยงที่เกิดขึ้น #ได้โปรดมีวินัยกักตัวเองเพื่อความปลอดภัยของส่วนรวมกันด้วย #เพราะไม่รู้ว่าใครติดเชื้อมาแล้วบ้าง #สยองกว่าหนังผีก็ใช้หน้ากากอนามัยร่วมกันนี่แหละจ้า"

stay home 2

ถ้าไม่เชื่อ "หมอ" งั้น "พระ" ก็จะรอสวดนะโยม

เรื่องเล่าจากโรงหมอ "โควิด-19"

Bebe Patumanonเรื่องเล่าต่อไปนี้ เป็นการเขียนบอกเล่าของบุคลากรทางการแพทย์ (ที่เป็นคนไทย) แต่ไปทำงานอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ปฏิบัติงานจริงในการรักษาคนไข้ในโรงพยาบาลที่นครนิวยอร์ก ที่ว่ากันว่าระบบการแพทย์ดีนักหนา แต่ก็มีคนตายกันมากมาย มากกว่าประเทศไทยเราอีก เอามาบอกเล่าให้ทุกคนได้เห็นถึงอันตรายของโรคนี้ ถ้าเป็นแล้วอันตราย ทรมานเพียงใด หมอ พยาบาล ต้องต่อสู้และระมัดระวังตัวมากมายเพียงใด เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ป่วยรอดและตัวเองก็ไม่เป็นเหยื่อติดโรคร้ายนี้เสียเอง ขอบคุณ คุณBebe Patumanon ผู้เขียนบอกเล่าเรื่องนี้

จริงๆ แล้วไม่อยาก เกาะกระแส Covid-19 แต่อยากให้ทุกคนได้เข้าใจว่า โรคนี้น่ากลัวและใกล้ตัวกว่าที่คิด เราทำงานที่โรงพยาบาล ตำแหน่งคือ Physician Assistant (PA) ตำแหน่งนี้ที่บ้านเรา (เมืองไทย) ยังไม่มี งานก็คล้ายกับเป็นมือขวาของหมอ การเทรนนั้นเหมือนหมอทุกอย่าง แต่ใช้เวลาเรียนน้อยกว่า คือ จะสั่งยาได้ สั่งแล็ป ใส่ท่อ ใส่สายต่างๆ ใส่เฝือก เย็บแผล ปั้มหัวใจ จะเป็นตำแหน่งกึ่งกลางระหว่าง หมอกับพยาบาล แต่เราจะเจอและใช้เวลากับคนไข้มากกว่าหมอ เพราะหมอ 1 คน ดูแลควบคุมคนไข้ 30 คน ก็จะมี PA 2 คน ช่วยหมอดูคนไข้คนละ 15 คน ทำงานอยู่ที่ Bronx, NY ซึ่งในสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมามีแต่คนไข้ Covid-19

อยากให้ทุกคนที่บ่นว่า "เบื่ออยู่บ้าน รัฐบาลเส็งเครง" เลิกบ่นเถอะ เพราะเบื่ออยู่บ้านนั้น ก็ยังดีกว่าออกมาทำงานด้วยความกลัว... กลัวตาย

ตอนนี้ พวกพนักงานโรงพยาบาลอย่างพวกเราต้องสวดมนต์ ขอให้พระคุ้มครอง มองหน้าพ่อ-แม่, ลูกน้อย และสามี สั่งเสียกันว่า ไปแล้วอาจจะติดเชื้อ อาจจะไม่ได้กลับบ้านนะ รักทุกคนนะ กอดลากันแบบแนบแน่น เหมือนไม่รู้ว่าเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้อีกไหม ไม่คิดเลยว่างานผู้ช่วยหมอต็อกต๋อยอย่างเรา มันจะเสี่ยงขนาดนี้

อยากจะบอกว่า ตอนนี้คนไข้ล้นโรงพยาบาล PPE ไม่พอ อันนี้ทุกคนรู้ แต่ที่คุณๆ ไม่รู้คือ "การตายด้วยโรคนี้ เป็นการตายที่โดดเดี่ยวและทรมาน" คนไข้พอ admitted แล้ว ครอบครัว ลูก ผัว พ่อ แม่ พี่น้อง ห้ามเยี่ยมเด็ดขาด ตอนแรกอาการอาจจะไม่หนัก แต่พอมารวมแออัดกันกับคนไข้อื่นๆ ก็เกิดอาการ แบ่งเชื้อกันไปมา (cross contaminated) ที่ไม่หนักก็อาจจะเกิดเป็นอาการหนักขึ้น

พยาบาลนั้นน่าสงสารที่สุด หมอ กับ PA ก็จะวิ่งเข้าแล้วก็รีบวิ่งออกจากห้องคนไข้ เพราะเราพยายามเซฟตัวเองให้สัมผัสกับเชื้อโรคให้น้อยที่สุด แต่พยาบาลต้องเข้าไปตรวจความดัน ให้ยา โดยมากคนไข้ไม่ได้เป็นแค่ Covid-19 แต่มีโรคประจำตัวจิปาถะ ยาก็เยอะ พยาบาลก็ต้องเข้าๆ ออกๆ เข้าห้องโน้นออกห้องนี้ แต่คุณอย่าลืมว่าคนไข้ทุกคนติดเชื้อ ลองคิดดู 12 ชั่วโมงขลุกอยู่กับเชื้อ Corona แบบไม่ได้พัก เพราะคนใข้หลายคนอาการหนัก พออ๊อกซิเจนตก ก็ต้องรีบเข้าไปดู เพราะห่วงคนไข้เพราะเราเป็นมนุษย์เหมือนกัน

ที่จะบอกว่า "กลัว" ก็เพราะว่า Covid-19 ไปทำลายเนื้อเยื่อปอดโดยตรง ถ้าโชคดีก็ไม่มีอาการ หรือมีบ้างเล็กน้อย แต่คนไข้ที่อาการเริ่มหนักขึ้นก็จะเริ่มหายใจไม่ออก ปอดเริ่มชื้นมีน้ำท่วม ถ้าคิดไม่ออกก็ลองหลับตาแล้วคิดถึงภาพ "เรากำลังจมน้ำ แล้วหายใจไม่ออก น้ำเต็มจมูกเต็มปาก หรือตอนไปทำฟันแล้วน้ำลายเต็มคอ กลืนไม่ได้ หายใจไม่ออก (จนหมอดูดน้ำออกจากปากเรา เราก็หายใจเฮือกใหญ่แบบรอดตายแล้วกู) มันทรมานขนาดไหน" โรคนี้ก็เช่นกัน ทางช่วยอย่างเดียวคือ "เครื่องช่วยหายใจ" ซึ่งตอนนี้เป็นของล้ำค่า ตกหนักที่หมอต้องเลือกว่าใครจะมีค่าควรกับเครื่องนี้มากกว่ากัน ไม่มีหมอคนไหนอยากทำหน้าที่นี้หรอกนะคุณ มันไม่ใช่หน้าที่ของหมอเลย

covid update 3

เครื่องช่วยหายใจในอเมริกาเองก็ขาดแคลนเช่นกัน (จนรัฐบาลจีนต้องส่งไปช่วย)

คืนก่อนมีคนไข้หนัก สอง สามคน ทุกคนนอนทรมาน พยายามหายใจเข้าออก ทุรนทุรายเพราะปอดไม่ทำงาน พยาบาลโทรมาตาม เข้าไปดูอาการ ก็ต้องเรียก code team ซึ่งปกติจะเป็นทีมฮีโร่ ถ้าทีมนี้มาคนไข้เรารอดแน่ แต่ไม่ใช่กับ Covid-19 สุดท้ายทีมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทางออกเดียวคือใส่ท่อช่วยหายใจ ถ้าคนไข้บอกไว้ก่อนแล้วว่า "ไม่ต้องการใส่ท่อหรือปั๊มหัวใจ" เราก็ได้แต่ให้ยามอร์ฟีนเพื่อให้คนไข้ไม่ทรมาน แต่ถ้าคนไข้ full code ก็ต้องใส่ท่อ ปั๊มหัวใจ ทีนี้ virus ก็จะฟุ้งกระจาย เครื่องป้องกันก็เป็นเศษผ้าบางๆ กับหน้ากากกะโหลกกะลา ทีนี้ก็งานเข้ากันทั้งทีม ชุด PPE ตอนใส่นั้นง่าย แต่ตอนถอดแบบจะให้เชื้อไม่ติดมือ เสื้อผ้า หน้าผม นี่เป็นเรื่องยาก ถึงกับต้องมี class อบรมกันเลยทีเดียว

PPE suit

Process of dying นี่แหละคือ ความน่ากลัว ไม่มียาฆ่าไวรัส ไม่มียารักษา รักษาตามอาการ ยาที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็เหมือนเสี่ยงดวง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดวง!!

คือทั้งทีมได้แต่ยืนมองคนไข้นอนทุรนทุราย กระเสือกกระสน ต่อสู้ เพื่อลมหายใจแต่ละเฮือก แต่ละเฮือกนั่นเป็นสิ่งที่แสนทรมาน สายตาที่มองมาทางพวกเราวิงวอนว่า "หมอช่วยด้วย" แต่เราก็ได้แต่ยืนนิ่ง เพราะเราก็ทำกันสุดความสามารถที่มีแล้ว ญาติพี่น้อง ลูก หลาน ผัว เมีย ก็ไม่ได้ล่ำลา เป็นการตายที่โดดเดี่ยวและทรมาน บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า คนไข้เหล่านี้จะกลัวและโดดเดี่ยว ขนาดไหนในช่วงเวลาสุดท้าย และลมหายใจสุดท้ายของชีวิต คนรักษาก็ได้แต่ยืนมองแล้วก็ได้แต่คิดว่า วันนี้เราจะดวงดีเหมือนเมื่อวานไหม แล้วพรุ่งนี้ล่ะ!

เรายืนมองคนไข้ที่รู้หละว่า อาจจะอยู่ได้ไม่ถึงเวลาที่เราจะออกกะ คือ 12 ชั่วโมง แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากให้ยากดประสาทเพื่อคนไข้ของเราจะได้ทรมานน้อยลง และหวังว่าจะจากไปอย่างสงบ เหมือนเราไร้ค่าและไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่ร่ำเรียน ฝึกฝนมาไม่ได้ช่วยใครได้เลย

คุณลองคิดดูว่า ถ้าพ่อ-แม่ พี่น้อง หรือคนที่คุณรัก ต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับคนไข้ของเราล่ะ ไปส่งกันที่โรงพยาบาล ลูบหน้าลูบหลังลากัน แล้วนั่นคือสัมผัสสุดท้าย กอดสุดท้าย การลาครั้งสุดท้าย คุณยังไม่ได้สั่งเสีย ไม่ได้ขอโทษ ไม่ได้บอกรักกัน ไม่ได้บอกว่าคุณโชคดีที่ได้รู้จักและได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นพ่อ แม่ ลูกกัน เป็นคนรักกัน เป็นเพื่อนกัน นี่แหละคือความทรมาน และปวดร้าวใจเราได้แต่ยืนนิ่งน้ำตาตกใน สูดลมหายใจลึกๆแล้วก็เดินไปดูคนไข้คนต่อไป...

ตอนนี้ถึงเข้าใจว่า ทำไมเราต้องให้อภัยกัน กอดกัน และบอกรักกันทุกวัน

คุณโชคดีที่ได้นอนอยู่บ้าน มี internet มีหนังดู มีขนมกิน ได้อยู่กับครอบครัว ถ้าคุณอยากจะบ่น ก็ขอให้คิดถึงพวกเราที่โรงพยาบาล เราก็กลัว เราก็เหนื่อย เราก็ล้า และเราก็มีคนที่รักเรา รอเรากลับบ้านเหมือนคุณ เราก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้กล้าหาญอะไร ออกจะกลัวจนขี้ขึ้นสมองด้วยซ้ำ ถ้าเลือกได้เราก็ขอนอนเกาตูดดูหนังอยู่ที่บ้านเหมือนพวกคุณ เราก็ไม่อยากมาทำงานที่นอกจากจะต้อง พก PPE แล้วยังต้องมีพระเครื่องพวงใหญ่ ที่พ่อแก้วแม่แก้วให้มาคุ้มครองปกป้องลูกน้อยที่ตอนนี้ก็ปาเข้าไป 40 กว่าเข้าไปแล้ว แต่หัวอกพ่อแม่ จะแก่กร้านแค่ไหน ลูกก็ยังคือ ลูกน้อยของท่าน ที่ท่านรักและห่วงใยเสมอ

อยู่บ้านเถอะคุณ ถ้าคิดว่า "ตัวเองติดเชื้อก็อย่าโกหก" กักตัวเองเถอะ อย่าเห็นแก่ตัว คุณอาจจะไม่เป็นอะไร คุณอาจจะไม่มีใครรักหรือห่วงคุณ คุณอาจจะเห็นแก่ตัวไม่รักและไม่ห่วงใคร แต่คนที่คุณเอาโรคไปติดเขานั้น เขาก็มีครอบครัวมีคนที่รักเขา เขาอาจจะเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นลูก เป็นเพื่อนใครจะรู้เขาอาจจะเป็น คนเดียวที่หาเลี้ยงทั้งครอบครัว เขาอาจจะเป็นความหวังเดียวของพ่อแม่ที่แสนชรา หรือเป็นพ่อ หรือ แม่ เลี้ยงเดี่ยวของลูกพิการที่รออยู่ที่บ้าน เขาอาจจะมีกันแค่สองคนพี่น้องไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว มีกันแค่นี้ แล้วความมักง่ายความเห็นแก่ของคนๆนึง... มาพรากทุกอย่างไป

อยากจะขอร้องให้ทุกคนร่วมมือกัน ถ้าไม่คิดว่าทำเพื่อตัวเอง ก็ทำเพื่อคนอื่น หรือเพื่อชาติก็แล้วกัน

save hospital team

หรือไม่ก็ทำเพื่อ หมอ พยาบาล ผู้ช่วยหมอ ผู้ช่วยพยาบาล พนักงานก้องแลป ช่าง X-ray Respiratory พนักงานเข็นคนไข้ พี่ รปภ. พนักงานทำความสะอาด ทุกคน ทุกอาชีพ ที่ทำงานหนักตอนนี้ เพื่อให้ทุกคนได้อยู่บ้านอยู่กับครอบครัว

ถามว่า กลัวไหม?? ขอตอบเลยว่า "กลัวมาก" เราไม่อยากตายแบบทรมารแบบคนใข้ของเรา และเราก็ไม่อยากเอามาติดคนที่บ้าน แต่ในความกลัวยังมีความหวังเพียงแต่ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน

#stayhome
#staythefuckhome
#flattenedthecurve

isan word tip

isangate net 345x250

ppor blog 345x250

adv 345x200 1

นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)