foto1
foto1
foto1
foto1
foto1
ช่วงนี้อากาศแปรปรวนนะครับ ฤดูหนาวแต่ร้อน และมีฝนตกกระจายทั่วประเทศเลยทีเดียว และตอนนี้ก็ฤดูเก็บเกี่ยวของชาวนาซึ่งไม่ได้เก็บเกี่ยวด้วยมือแบบดั้งเดิมแล้ว แต่หันมาใช้รถเกี่ยวข้าวแทนซึ่งทำได้รวดเร็วกว่ามากๆ แต่ก็มีปัญหาตามมาคือข้าวเปลือกมันยังไม่แห้งเก็บเข้ายุ้งฉางไม่ได้ ต้องมีการตากแดดให้แห้งก่อนสัก 2-3 วัน พอมีฝนมาแบบนี้ก็แย่เลย บางรายก็เอาไปตากบนถนนหนทางซึ่งอันตรายมากๆ อย่าหาทำเด้อพี่น้อง มันผิดกฎหมาย...😭🙏😁

: Our Sponsor ::

adv200x300 2

: Facebook Likebox ::

: Administrator ::

mail webmaster

: My Web Site ::

krumontree200x75
easyhome banner
ppor 200x75
isangate net200x75

e mil

No. of Page View

paya supasit

ju juคันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า

        ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ##

how2teach farang

standเรื่องของพระฝรั่ง 

เรื่องที่มีญาติโยมสงสัยกันมาก คือ เมื่อเข้ามาในวัดป่าพงแล้ว จะเห็นพระฝรั่งเดินไปเดินมาอยู่ ในวัดจึงสงสัยว่า

"หลวงพ่อสอนพระฝรั่งอย่างไร พระฝรั่งจะอยู่ร่วมกับพระไทยอย่างไร เพราะความเป็นอยู่คุ้นเคยแต่เดิมมาต่างกัน"

คำถามนี้หลวงพ่อคงได้ยินอยู่บ่อยๆ ด้วยทราบว่าท่านก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ถนัดที่สุดก็ภาษาลาว (อีสาน) จนบางครั้งหลวงพ่อก็ต้องคลายข้อสงสัยเขา โดยการถามเขาย้อนกลับไปว่า "โยม ที่บ้านโยมเลี้ยงหมา เลี้ยงแมวไหม?"

พวกเขาต่างก็ตอบกันเซ็งแซ่ว่า "เลี้ยงอยู่ครับ (ค่ะ)"

ท่านจึงกล่าวต่อว่า "โยมเลี้ยงหมาต้องพูดภาษาหมาไหมล่ะ พระฝรั่งก็เช่นกันมิได้แตกต่าง จากพระไทยเลย ท่านมาบวชเพื่อแสวงหาหนทางดับทุกข์เหมือนกัน ใหม่ๆ ก็อาจมีความรู้สึกว่า ภาษาเป็นอุปสรรคกั้น อยู่ไปๆ ก็สบาย เช่น พระฝรั่งมาใหม่ๆ ฉันอาหารก็ไม่ลง อยู่ไปๆ บางองค์ฉันปลาร้าเก่งกว่าพระไทยอีก"

dog monk

น้ำร้อน น้ำฮ้อน 'hot water' ความร้อนที่เกิดขึ้นมันก็คือกัน ต่างกันก็แค่ภาษาบัญญติสมมติ จะพูดอย่างไร เมื่อนำมือจุ่มลงไปก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เป็นธรรมะ "

การตอบปัญหาของหลวงพ่อ

พวกเราเคยสงสัยว่า ทำไม? หลวงพ่อตอบได้หลายปัญหา เช่น ครั้งหนึ่ง ท่านได้รับนิมนต์ให้ฉันภัตตาหารในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งหลวงพ่อกลับมาเล่าให้ฟังว่า "มีพระ 9 รูป เป็นพระป่า 3 รูป หลังจากที่สมเด็จพระญาณสังวรถวายเทศน์แล้ว สมเด็จฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ถวายจตุปัจจัยองค์ละสองหมื่นห้าพันบาท ส่วนองค์เทศน์ถวายห้าหมื่นบาท"

lp cha 04

ภายหลังเทศน์จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงนิมนต์พระป่าเพื่อซักถามปัญหาส่วนพระองค์ ปีนั้นเป็นปีที่บ้านเมืองกำลังระส่ำระสาย นักศึกษากำลังมีเรื่องประท้วงกับรัฐบาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสถามพระป่าทั้งสามรูปถึงปัญหาของบ้านเมือง และทรงถามความเห็นว่า ท่านควรจะวางพระองค์อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ พระอีกสองรูปให้วางอุเบกขา แต่ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ ครั้นมาถึงหลวงพ่อ ท่านก็ตอบว่า "การวางเฉยนั้นต้องมีปัญญาเข้าประกอบด้วย การวางเฉยอย่างมีปัญญาจะต้องศึกษาว่า เหตุการณ์เป็นอย่างไร ควรใช้สติปัญญา พิจารณาถึงการควร การไม่ควร" ท่านเล่าว่าพอตอบเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวล

การเล่าเรื่องต่างๆ นี้ หลวงพ่อไม่เคยปิดบัง พบเห็นอะไรมาก็นำมาเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง ปกครองเหมือนพ่อกับลูก ดังนั้นเมื่อลูกศิษย์ถามว่า "ท่านใช้หลักใดตอบปัญหา" ท่านก็บอกว่า "ปัญหาก็คือปัญหา การตอบก็ไม่ได้ตั้งจิตว่า ต้องการเอาแพ้หรือเอาชนะ แต่ก็ใช้จิตหยั่งสภาวะดู แล้วใช้ปัญญาตอบไปโดยธรรม ให้ตั้งพรหมวิหารธรรมไว้ในใจอยู่เสมอ และสอดแทรกธรรมแห่ง การปฏิบัติลงไปเท่าที่จะเป็นได้"

lp cha 05

แลกทุกข์กันไหม?

วันหนึ่ง ขณะที่ธุดงค์ไปพักที่วัดถ้ำแสงเพชร ซึ่งอยู่ไกลจากอำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ พอสมควร ปรากฏว่า มีโยมอุปัฏฐากที่เป็นผู้มีหน้า มีตา ของอำเภอ และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักปฏิบัติ มานั่งร้องไห้ต่อหน้าหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ยังคงนั่งเฉยอยู่ จนเมื่อโยมได้สร่างโศกลงบ้าง ท่านก็ถามว่า "เป็นอะไรล่ะ จึงนั่งร้องไห้" โยมผู้นั้นเล่าว่า รถที่เพิ่งซื้อมาใหม่ถูกขโมยไปแล้ว แต่หลวงพ่อก็นั่งเงียบ เผอิญก็มีโยมผู้ชายคนหนึ่งมาพร้อมกับญาติ พอกราบหลวงพ่อเสร็จก็ร้องไห้ เป็นวรรคเป็นเวรเช่นกัน หลวงพ่อนั่งคอยจนเขาพอพูดได้ ก็ถามด้วยคำถามเดิมว่า "เป็นอะไรไปล่ะ"

เขาก็ตอบว่า "เมียตายสองคน ลูกตายสองคน" (เผอิญชายคนนี้มีภรรยาสองคน อยู่ในบ้านเดียวกัน) หลวงพ่อก็ถามต่อว่า "เป็นอะไรตายล่ะ" โยมผู้ชายก็ตอบว่า "กินเห็ดเบื่อตาย"

หลวงพ่อหันไปถามโยมผู้หญิงที่ยังน้ำตาซึม แต่ก็นั่งเงียบฟังโยมผู้ชายเล่าอยู่ด้วยและพูดว่า "แลกกันไหมล่ะ ดูซิ ของเขาลูกเมียตายตั้งสี่คน ของโยมรถหายคันเดียว โลกนี้เป็นอย่างนี้แหละ มีความปรารถนาอะไรแล้วไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ ไม่อยากให้รถหาย มันก็หาย ไม่อยากให้ลูกเมียตาย ก็ตาย ใครจะห้ามได้ ชีวิตทุกชีวิตเป็นอย่างนี้แหละ ใครอยากล่ะ โยม อยากให้รถหายไหม โยมอยากให้ลูกเมียตายไหม"

ทั้งคู่ก็ตอบรับหลวงพ่อว่า "ไม่อยากค่ะ (ครับ)"

หลวงพ่อกล่าวต่อไปว่า "เป็นอย่างนี้แหละ ความโศก ความร่ำไรรำพัน ให้เราพิจารณาดู ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราไม่หนีมัน มันก็หนีเรา คนก็เหมือนกัน เราไม่จากเขา เขาก็จากเรา มันอยู่ที่ ใครไปก่อนใครเท่านั้นเอง บางทีวัตถุก็ไปก่อนเรา บางทีเราก็ไปก่อนวัตถุ บางทีคนใกล้ชิดเราเขา ก็ไปก่อน บางทีเราไปก่อนเขา มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยของกรรม ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราย่อมมีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นผู้ติดตาม ให้ผล ไม่ว่าบุญหรือบาป ดีหรือชั่วก็ตาม เราจะต้องรับกรรมนั้นโดยแน่นอน"

cha 4

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

ภาพเหมือนสีปาสเตล ฝีมือ อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต

สำหรับโยมผู้ชายนั้น โยมผู้หญิงกับลูกเขาทำกรรมกับเรามาแค่นี้ เขาตายไปเขาก็ไม่ขออนุญาตเรา ไม่บอกเรา ไม่ได้เขียนใบลา เขาก็ตายไป โยมผู้หญิงก็เช่นกัน รถคันนี้มันทำกรรมกับโยมมาแค่นี้ รถมันก็ไม่บอกเราก่อนว่ามันจะถูกขโมยแล้วนะ อยู่ๆ มันก็หายไป ดังนั้นให้เราเห็นว่า เป็นธรรมดาของทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่หนีมัน มันก็หนีเรา เราเกิดมาเป็นอะไร เกิดที่ไหน เกิดมากี่ครั้งๆ โลกก็เป็นเช่นนี้ เราเองต่างหากที่ไปอุปาทานว่า นี่รถของเรา นี่ลูกนี่เมียของเรา รถมันไม่เคย บอกนะว่ามันเป็นของเรา เราไปซื้อมันมาตกแต่ง มารักมันเอง ที่จริงรถมันไม่ได้เป็นของใคร

มันเป็นของธรรมชาติที่ไหลไปตามเหตุปัจจัย มนุษย์ไปสมมุติขึ้นมา แล้วยึดว่าเราเป็นเจ้าของ เมื่อมันหาย ไปให้เราคิดว่า นั่นเป็นการคืนกลับสู่ธรรมชาติ โยมผู้ชายก็เหมือนกัน ลูกเมียก็เสียไปแล้ว พิจารณา มองให้เห็นว่าเป็นทุกข์ ไม่ใช่พอสร่างโศกก็ไปหามาใหม่ เป็นการเพิ่มทุกข์ขึ้นมาอีก เราควรทำบุญ ให้ทาน รักษาศีล ทำภาวนา แผ่ให้ผู้ตายบ้าง เราเองก็ต้องตาย ไม่แน่ว่าเมื่อไร ขอให้เข้าใจสัจธรรม ของธรรมชาติ

lp cha 06

หลวงพ่อกล่าวเป็นสังเขป พอให้โยมสร่างทุกข์ หน้าที่ของพระก็คือ แก้ไขทุกข์ โดยคิดว่า ทุกคนเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น เมื่อกล่าวไปแล้วก็ไม่ได้คิดปรุงว่า จะแก้ได้หรือไม่ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมีคำตอบอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว ผู้มีปัญญาก็จะค้นหาคำตอบ ของปัญหาของเขาเองได้ในที่สุด

wat nong papong 06

ทำบุญกับพระวัดไหนดี?

เคยมีโยมได้ปรารภกับหลวงปู่ชาว่า “หลวงพ่อ ข้าน้อยมีความสงสัยอยู่ข้อหนึ่งเกี่ยวกับการทำบุญสุนทาน ถ้าจะหาพระสงฆ์อยู่ตระกูลหลวงพ่อนั้น หายาก โดยมากมีแต่สายปริยัติธรรมดา ถ้าจะเลือกก็ไม่ได้ทำบุญ จะให้ทำอย่างไรดี ข้าน้อยทำบุญตักบาตรเกิดข้อลังเลสงสัยอยู่”

LP Cha

หลวงปู่ชาตอบว่า “การทำบุญนั้น พึงตั้งใจไว้เป็นกลางๆ ให้สบาย เมื่อเป็นของบริสุทธิ์ได้มา เวลาใส่บาตรก็ยกขึ้นอธิษฐานเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาโน่น ส่วนพระเณรที่มารับเป็นเพียง 'บุรุษไปรษณีย์' ที่รับส่งบุญเท่านั้น แล้วก็ทำไปเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก”

โยมประณมมือว่า “สาธุ ข้าน้อยสบายใจแล้ว จะได้ถือปฏิบัติต่อไป”

[ อ่านเพิ่มเติม : ดอกบัวบานทางทิศตะวันตก ]

redline

backled1

isan word tip

isangate net 345x250

ppor blog 345x250

adv 345x200 1

นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)