![]()
|
การเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยความรักของหนุ่ม-สาว ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด ภาษาใด ก็มักจะมีการจัดพิธีกรรมขึ้น เพื่อเป็นการประกาศให้ญาติทั้งสองฝ่ายรับรู้ เป็นสักขีพยานในการครองรักครองเรือน ซึ่งพิธีการแต่งงานก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป ในชาติพันธุ์ ชาวกูย หรือ กวย หรือ ส่วย หรือ เยอ ก็มีพิธีกรรมนี้เช่นกัน เรียกว่า "ซัตเต"
"พิธีซัตเต" เป็นพิธีการแต่งงานแบบพื้นบ้านของชาวกวย, กูย, ส่วย หรือ เยอ คำว่า "ซัตเต" เป็นภาษาส่วย แปลว่า "ผูกแขน" หรืออาจจะเรียกตามภาษาเขมรถิ่นไทยในแถบสุรินทร์ว่า "ฮาวปลึงจองได" ก็ได้ ซึ่งคำว่า "ฮาวปลึง" หมายถึง "การเรียกขวัญ" ส่วนคำว่า "จองได" มีความหมายว่า "ผูกข้อผูกแขน หรือ ผูกข้อมือ" ซึ่งตามประเพณีอีสานทั้งอีสานเหนือ อีสานใต้ การจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญเป็นการแสดงความชื่นชมยินดีให้กับเจ้าของขวัญ ให้มีความสุข อายุยืนยาว มีพิธีการสู่ขวัญ หรือสูตรขวัญ โดยพ่อหมอหรือพราหมณ์เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งการสวดนี้ก็จะใช้ภาษาท้องถิ่นแตกต่างไป ในจังหวัดทางอีสานใต้ก็จะใช้ภาษาเขมร เมื่อเสร็จสิ้นการสวดแล้วก็จะมีการผูกข้อมือโดยพราหมณ์ และญาติผู้ใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ของการรับขวัญและเป็นสิริมงคลสืบไป
ชาวกูย, กวย, โกย, เยอ อพยพเข้าประเทศไทย ครั้งใหญ่ในสมัยปลายอยุธยา (พ.ศ. 2245 - 2326) ชาวกูยมีถิ่นเดิมอยู่บริเวณตอนเหนือของเมืองกำปงธม ประเทศกัมพูชา ชาวกูยที่อพยพมามีหัวหน้าของตัวเอง คนไทยเรียกชาวกูยว่า "เขมรป่าดง" แต่ "ชาวกูย" จะเรียกตัวองว่า กุย หรือ โกย ซึ่งแปลว่า "คน" ส่วนคำว่า "ส่วย" นั้น ชาวกูยเองไม่ค่อยยอมรับชื่อนี้
ชาวกวย, กูย, เยอ เป็นกลุ่มคนที่มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีมายาวนาน รักสงบ รักอิสระ มีความสามัคคี เป็นคนมีระเบียบวินัย มีเอกภาพในสังคม มีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง มีความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน อย่างเช่น พิธีแต่งงาน "ซัตเต" ของชาวกูย ในแต่ละท้องที่จะมีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ก็มีความเหมือนในด้านความเชื่อและวิธีปฏิบัติ นับเป็นวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่น่าอนุรักษ์ไว้
ขั้นที่ 1 จีเจาะกะมอล คือ การไปทาบทาม หรือไปพูดจาบอกเล่าว่า "ลูกชายมารักชอบพอลูกสาว" ทางญาติฝ่ายเจ้าสาวจะเห็นพ้องต้องกันในการที่จะให้ทั้งคู่ได้อยู่ใช้ชีวิตร่วมกันหรือไม่ ถ้าเห็นพ้อง ยินดี ก็จะไปสู่ขั้นตอนที่ 2
ขั้นที่ 2 จีเมาะกะมอล คือ การที่ฝ่ายเจ้าสาวตอบตกลงและเรียกร้องค่าสินสอด ทองหมั้นตามจำนวนที่เห็นว่าสมควร เหมาะสม ถ้าฝ่ายเจ้าบ่าวได้ตกลงยอมรับค่าสินสอดทองหมั้นตามที่ฝ่ายเจ้าสาวเรียกร้อง ก็จะผ่านไปสู่ขั้นตอนที่ 3
ขั้นที่ 3 จีโต๊ะ คือ การไปหมั้นหมาย มีอุปกรณ์ประกอบการหมั้นหมาย คือ หมาก พลู เหล้า บุหรี่ ทองหมั้น (สร้อย แหวน) หรืออาจเป็นเงินก็ได้ ถ้าตกลงค่าสินสอด ทองหมั้นจำนวนเท่าไหร่ ก็ให้นำมาวางในวันหมั้น ส่วนที่ขาดเหลือให้นำมาในวันซัตเต หรือในวันแต่งงาน
ขั้นตอนที่ 4 ซัตเต คือ พิธีแต่งงาน ซึ่งจะมีอุปกรณ์ประกอบพิธีประกอบด้วย
เครื่องเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษของชาวกูย
การแต่งกายบ่าว-สาวด้วยผ้าไหมสวยงามตามแบบชาวกูย
พานบายศรี พร้อมเครื่องเซ่นไหว้ เสี่ยงทาย และฝ้ายผูกแขน
จา พนม ยีรัมย์ ก็เข้าพิธีแต่งงานซัตเต แบบชาวกูย
การจดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมายไทยหลังพิธีซัตเต
สาวโสดท่านใด ถ้ามีหนุ่มๆ มาบอกว่า “ซมแซน” (ขอแต่งงาน) แล้วอย่ามัวแต่เขินอายนะ เจาะจงให้หนุ่มๆ บอกญาติผู้ใหญ่ไป จีเจาะกะมอล กับพ่อแม่เรา ถ้าท่านตกลง จีเมาะกะมอล ก็จะได้ จีโต๊ะ แล้วไปร่วมจัดงานแต่งงาน "สมรสหมู่บนหลังช้าง : ซัตเต" กันที่จังหวัดสุรินทร์เลยจ้า
เฉลิมพล มาลาคำ มีคู่มานานแต่ก็อยากทำพิธี "ซัตเต" ตามแบบชาวกูยบ้าง
เรื่องที่เกี่ยวข้อง : การเลือกคู่ครอง | การแต่งงานแบบอีสาน | แซนการ์ แต่งงานอีสานใต้ | ซัตเต แต่งงานชาวกุย