คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
น้องนุช ดวงชีวัน มีชื่อจริง-นามสกุลจริงว่า จันทร์วิมล พานสายตา เกิดวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2502 ที่บ้านหนองบัวน้อย ตำบลกุดน้ำใส อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เรียนจบชั้นป. 4ไม่ได้เรียนต่อเนื่องจากทางบ้านฐานะไม่ค่อยดีนัก ออกมารับจ้างทั่วไปในตัวจังหวัดขอนแก่น แล้วไปทำงานโรงงานทำถุงเท้าที่นครปฐม ชอบร้องเพลงเป็นตัวแทนสาวโรงงาน
จนกลับมาบ้านที่ขอนแก่น ได้ฟังประกาศรับสมัครนักร้องและได้รับการสนับสนุนจาก สวาท ศรีอุดร (ดอนเจดีย์) นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง เหมือนกันกับ สรเพชร ภิญโญ รวมทั้ง แดน ดาราทอง ก็ให้การส่งเสริมด้วย
โชคชะตาลิขิตให้ทั้ง สรเพชร ภิญโญ และน้องนุช ดวงชีวัน โคจรมาพบกันและได้ใช้ชีวิตนักเพลงร่วมกัน ทั้งคู่อยากสร้างชื่อเสียงในวงการเพลง แต่ก็ดูเหมือนกับว่าจะไม่มีวันสำเร็จ สรเพชร ภิญโญ ได้บันทึกเสียงเพลงแรกชื่อ ส่งสารถึงโฆษก ไม่มีเสียงตอบรับ ส่วนน้องนุช ดวงชีวัน บันทึกเสียงเพลงแรกชือ อาลัยชายแดน พอมีคนรู้จักบ้าง ต่อมาทั้งคู่ลงทุนทำมาสเตอร์เพลงร่วมกันเป็นเพลงคู่ โดยสรเพชร ภิญโญ แต่งเพลงเองเพราะไม่มีใครยอมให้เพลง
สรเพชร ภิญโญ เดินตระเวณขายมาสเตอร์ตามห้างแผ่นเสียงต่างๆ อยู่นานหลายเดือนแต่ก็ไม่มีห้างใหนสนใจ ช่วงนี้เขามีหนี้สินแทบจะไม่มีกิน บางครั้งต้องแบมือขอเงินคนอื่นเป็นค่ารถกลับบ้าน จนกระทั้งนายห้างสุชัย วงศ์ดำเนินสะดวก บริษัทจรเข้โปรโมชั่น ทนรำคาญไม่ใหวจึงซื้อมาสเตอร์เพลงเอาไว้ โดยไม่คิดจะออกเทป ต่อมาเป็นจังหวะพอดีที่ทางห้างขาดเทปเพลงวางตลาด จึงหยิบเอามาสเตอร์ชุด "หนุ่มนาข้าว สาวนาเกลือ" ของสรเพชร ภิญโญ และน้องนุช ดวงชีวัน มาทำเทปวางจำหน่ายขัดตาทัพ
ใครจะเชื่อว่าเทปที่ออกวางจำหน่ายแบบเสียไม่ได้ จะทำให้ยอดขายเกินล้านตลับได้ นับเป็นประวัติศาสตร์ของวงการเพลงลูกทุ่งที่ต้องจารึก และเทปชุดนี้คือ "หนุ่มนาข้าว สาวนาเกลือ" ทำให้สรเพชร ภิญโญ - น้องนุช ดวงชีวัน มีชื่อเสียงหอมฟุ้งขึ้นมาราวปฏิหาริย์ จากนั้นก็มีเพลงดังตามอีกมากมาย เช่น ผัวเมียพอๆ กัน, ทุยอดหญ้าข้าอดข้าว, ตามหาศันสนีย์ , แบ่งลูกคนละครึ่ง, หนุ่มโคราชขาดรัก และเพลง "ศัสนีย์หนีช้ำ" เป็นต้น
ต่อมาได้มาร่วมงานกับวงดนตรีเพชรพิณทอง โดยการชักชวนของ ตลกหนิงหน่อง ได้ผลิตผลงานออกมากับวงเพชรพิณทองอยู่ถึง 3 ชุด อยู่กับวงนานถึง 3 ปี
ทั้งนี้ "ลุงใหญ่ อยุธยา" เปิดเผยว่า นักร้องดังวันวานซึ่งขอเกษียณอายุงานจากสถานทูตไทยในนอร์เวย์ล่วงหน้า ได้มาปรึกษาตนว่า อยากร้องเพลงอีกครั้ง เมื่อตนเดินทางไปเมืองหมอแคน พบว่าเนื้อตัวยังแจ่มแจ๋วอยู่ แม้อายุอานามเคลื่อนมากขึ้นตามกาลเวลา จึงตัดสินใจหาเพลงใหม่ พาเข้าห้องบันทึกเสียง และถ่ายมิวสิกวิดีโอเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย
อาลัยชายแดน - น้องนุช ดวงชีวัน
"คืออย่างนี้ครับ น้องนุช ดวงชีวัน เนี่ย ไปอยู่เมืองนอก 28 ปี ไปทำงานที่นอร์เวย์ แกเรียนหนังสือพอสมควร ก็ไปทำงานสถานทูตไปทำงานด้านแปลภาษา อีกสองปีจะเกษียณอายุ แต่ก็ออกมาก่อน ที่นี้เขาก็ติดต่อมาหาผม ก็ลองฟังเสียงดู เพราะเขาบอกว่าอยากทำเพลง ฟังเสียงแล้วใช้ได้ ผมก็ไปหาที่ จังหวัดขอนแก่น เพราะเขาไม่กลับไปนอร์เวย์แล้ว เผอิญๆ รูปร่างยังได้อยู่ ยังสวย ดูแลร่างกายดี งามเลย ผมก็บอกว่าได้ ถ้าน้องนุชรูปร่างสวยขนาดนี้ เป็นนักร้องได้อีก ผมก็เลยหาเพลงมาให้ สองถึงสามเดือนพอได้เพลงครบมาบันทึกแผ่นเสียง แล้วก็มาถ่ายทำมิวสิกวิดีโอให้ด้วย"
สำหรับแนวเพลงอัลบั้มแรกในรอบ 33 ปี "ลุงใหญ่" เปิดเผยว่า มีหลากหลาย แต่เน้นความเป็นลูกทุ่งโบราณตามสไตล์ของ "น้องนุช ดวงชีวัน" และการทำงานของตนที่หนักแน่นอยู่กับแนวเดิม "แนวเพลงก็สไตล์น้องนุช ดวงชีวัน เป็นเพลงใหม่หมดนะ ไม่เอาของเก่ามาขายนะ สไตล์น้องนุช ดวงชีวัน สไตล์สมัยใหม่ และสไตล์ลูกโบราณ ปนกันไปหมดเลย แต่ยังไงๆ สไตล์ลุงใหญ่ก็หนีลุงใหญ่ไม่ได้ ใช้ดนตรีลูกทุ่งเต็มอัตราศึก วางขายทั่วไปเลยครับ สำหรับน้องนุช ดวงชีวัน คิดว่าไม่ยาก เพราะว่าแฟนเพลงเขายังถามหาอยู่ ในขณะที่ประมาณวงเดือนมิถุนายนนี้ก็จะเริ่มให้น้องนุชเข้ามาเดินสายบอกสื่อว่ากำลังจะกลับมา"
"ลุงใหญ่" กล่าวต่ออีกว่า "น้ำเสียงของน้องนุชในวัย 56 ปี นั้นใสแจ๋ว และสูงน่าฟังกว่าเก่า เพราะตลอดระยะเวลาที่แขวนไมค์ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน แทบไม่ได้ใช้เสียง ทำให้ไม่มีความบอบช้ำ เหมือนกับนักร้องที่ใช้เสียงต่อเนื่องตั้งแต่เข้าวงการจนสังขารเริ่มร่วงโรย"
"ผมกับน้องนุชไม่เจอกันประมาณสิบกว่าปีแล้วนะ คือแกกลับมาเมืองไทยก็แวะมาหาผมนะ แต่ถ้านับจากที่เพลง "หนุ่มนาข้าว สาวนาเกลือ" ที่ร้องคู่กับ สรเพชร ภิญโญ และเพลง "ศัสนีย์หนีช้ำ" ที่เขาร้องเดี่ยวโด่งดังมาก เมื่อปี พ.ศ. 2525 ปีนี้ปี พ.ศ. 2558 ตอนนี้ก็ 33 ปีพอดี น้องนุชก็ไม่เคยบันทึกเสียงอีกเลย ไปอยู่ต่างประเทศ ไปๆ มาๆ ปีหนึ่งลาได้หนึ่งเดือนก็มาเยี่ยมบ้านที่ จังหวัดขอนแก่นตลอด"
แม้วงการเพลงหมุนเวียนเคลื่อนตัวไปมากจากสมัยที่ "น้องนุช ดวงชีวัน" รุ่งโรจน์กับเพลงหนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือ และเพลงศัสนีย์หนีช้ำ แต่ "ลุงใหญ่" เชื่อว่า ผลงานใหม่ของ "น้องนุช" น่าจะได้รับความนิยมจากแฟนพันธุ์แท้ไม่น้อย
"คือจริงๆ สมัยนี้มันมั่นใจอะไรไม่ได้หรอก แต่ด้วยความรู้สึกผมเชื่อว่า เหมือนกับมวยนั่นแหล่ะ คือเป็นเทรนเนอร์เขา เคยเป็นโปรโมเตอร์เขาก็คงจะพอไหว คงพอจะสู้ได้ และอีกอย่างหนึ่งผมไปฟังเสียงของน้องนุชมาล่าสุด เสียงเขาเด่นกว่าเดิม ดีกว่า และสูงกว่าเดิมตั้งครึ่งหนึ่ง เพราะว่าตัวเขาไม่ได้ร้องเพลงเลย พักคอมาตั้ง 20 ปี ไม่ได้ร้องเพลง อยู่นอร์เวย์มีงานรับเชิญ แต่ก็ต้องข้ามออกนอกประเทศมาเบลเยียม เพราะนอร์เวย์คนไทยอยู่น้อย แต่ก็ไม่ได้ร้องมากหรือว่าใช้เสียงเยอะ" ลุงใหญ่กล่าว
ศันสนีย์หนีช้ำ - น้องนุช ดวงชีวัน
ปัจจุบัน น้องนุช ดวงชีวัน หรือ จันทร์วิมล พานสายตา ได้สมรสกับหนุ่มใหญ่ชาวนอร์เวย์ จอห์นนี่ ทอร์เจนเซน ไม่มีทายาท และมาอยู่ที่บ้านพักจังหวัดขอนแก่น
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)