ความเป็นมาของความสอย
คนอีสานเป็นเผ่าชนที่มีอารมณ์ศิลปิน ศิลปินอีสานอาจกล่าวได้ว่า ร้องลำทำเพลงได้ทุกประเภทและทุกชาติ บ่อยครั้งที่คนอีสานรับจ้างเล่นงิ้วให้กับคนจีน เขาเล่นได้โดยไม่ต้องฝึกหัดงิ้ว ที่เป็นดังนี้เพราะเป็นไปได้ที่คนอีสานกับคนจีน มีชีวิตความเป็นอยู่สัมพันธ์กันมาตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำฮวงโหแยงซีเจียงแล้ว
ความสอยเป็นมุขตลกนอกเวที ความสอยนี้จะใช้กันในเวลาฟังลำ โดยเฉพาะในจังหวะเดินกลอนและร่ายลำที่เร้าใจที่สุด ความสอยนี้นิยมใช้กับหมอลำเท่านั้น ไม่ปรากฏว่ามีการใช้กับการบันเทิงประเภทอื่น เหมือนการแถมสมภารมักจะใช้ขณะที่พระเทศน์ด้วยเสียงไพเราะเท่านั้น
ความสอยนี้ไม่มีหลักฐานว่าเกิดขึ้นที่ไหน เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด และเกิดขึ้นกับชนเผ่าใด จากการสันนิษฐานตามรูปการณ์ของมัน ก็พอจะเห็นได้ว่า มันเกิดขึ้นจากลุ่มแม่น้ำฮวงโหแยงซีเจียง เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว เกิดกับชนชาติเผ่าอ้ายลาว และเกิดเวลามีอารมณ์สนุกตอนฟังลำเท่านั้น ฟังอย่างอื่นไม่เห็นมีสอยและชนชาติที่สอยได้ ก็คือชนชาติอ้ายลาวเท่านั้น
ความสอยนั้น ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็สอยได้ คนที่สอยได้นั้นจะต้องเป้นคนฉลาดและมีไหวพริบ และมีปฏิภาณดี ความสอยเป็นสำนวนคล้องจอง ใช้หลายภาษาสลับกันได้ แต่ที่เห็นใช้เป็นหลักอยู่ก็คือภาษาไทยอีสาน และมีภาษาไทยกลางบ้าง แต่ก็ใช้เป็นภาษาประกอบเท่านั้น
บรรพบุรุษของคนอีสาน เป็นคนฉลาดคิดค้นความสอยนี้ขึ้นมาใช้อย่างมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการใช้ ใช้ก็ใช้ในเวลามีคนรวมกันมากๆ ด้วย คนจำนวนน้อยไม่ค่อยใช้กันเพราะใช้แล้วไม่สนุก เมื่อมองถึงวัตถุประสงค์และเป้าหมายดังกล่าวแล้ว ความสอยจึงสามารถจัดแบ่งออกได้เป็น 5 รูปแบบดังนี้
- แบบสนุกสนาน ความสอยประเภทนี้วัตถุประสงค์ก็เพื่อคลายเครียดเท่านั้น ไม่มีอะไรมากมายไปกว่านั้น ภาษาที่ใช้ซึ่งคนที่เข้าใจตนเองว่าเป็นบัณฑิตอาจจะคิดว่าหยาบก็ได้ แต่คนอีสานเขาไม่ถือกัน เขารู้ดีว่าศิลปะและศาสตร์มันต้องเดินคู่กัน มันจึงจะไม่เครียด ตัวอย่างคำสอยดังกล่าวนั้น เช่น
- สอย สอย พี่น้องฟังสอย
ลิงกินกล้วย มันนั้นกินเบิ้ดหวี
บาดห่าหีกินโคย ดูดกินแต่น้ำ
- สอย สอย พี่น้องฟังสอย
ตดบ่ดัง เขาเอิ้นว่าตดสูด
ตดดังปู้ด เขาเอิ้นว่าตดผู้นำ
ตดแล้วขี้ออกนำ เขาเอิ้นว่าตดต่อน
ตดเป็นสีฮ้อนๆ ระวังขี้หยอดเด้อะ
- แบบล้อเลียน ความสอยประเภทนี้ มีวัตถุประสงค์จะล้อเลียนใครสักคนหนึ่ง แต่ไม่ระบุตัวไม่สามารถเอาผิดกันได้ คนฟังก็รู้และหัวเราะสนุกกันไป แต่ความหมายกินใจมาก เช่น
- สอย สอย พี่น้องฟังสอย
ครูบ้านเผิ่น บ่คือครูบ้านโต
ครูบ้านเผิ่น สอนวิชาการศึกษา
บาดห่าครูบ้านโต ล่อสี้แต่ลูกศิษย์
จังซี้กะว่าสอย
- สอย สอย พี่น้องฟังสอย
เมียชาวบ้าน บ่คือเมีย ซาอุ
เมียซาอุ สาธุ แต่โคยใหญ่
- แบบเตือนสติ ความสอยประเภทนี้ มีวัตถุประสงค์จะเตือนใครสักคนหนึ่ง ให้ระวังตัวว่า ตนเองอาจจะเดินทางผิด หรืออาจจะบกพร่องในหน้าที่ ซึ่งผู้ทำผิดเองจะรู้ตัวและกลับตัวกลับใจ หรือถ้าไม่ได้ฟังแต่ญาติหรือเพื่อนไปฟังก็จะเอามาเล่าสู่กันฟัง พร้อมทั้งเตือนสติให้กลับตัวกลับใจ หรือให้ปรับปรุงตัวใหม่ เช่น
- สอย สอย พี่น้องฟังสอย
ผู้ใหญ่บ้าน บ้านเผิ่น บ่คือผู้ใหญ่บ้านบ้านโต
ผู้ใหญ่บ้านบ้านโต ชาวบ้านเลือกผัว
แต่ว่า เมียเป็นผู้ใหญ่บ้าน
จั่งซี้กะว่าสอย
- สอย สอย พี่น้องฟังสอย
พระบ้านเผิ่น บ่คือพระบ้านโต
พระบ้านโต อัดผักตูคุยสาว
ถ้าเกิดเรื่องเกิดราว ระวังสากมองเขาสิบังสุกุลเด้อข้าน้อย
จั่งสิกะว่าสอย
- แบบประสานเสียง ความสอยประเภทนี้ มีวัตถุประสงค์จะให้คนสนใจให้มากกว่าเดิม ความจริงความสอยนี้โดยเนื้อหา ก็คล้ายคลึงกันกับแบบล้อเลียนและเตือนสติ จะต่างก็แต่ไม่ใช้คนสอยคนเดียว จะใช้คนสอยประสานกันสองคน ซึ่งจะเรียกว่า "สอยเป็นทีม" ก็ได้ โดยผู้สอยจะตกลงกันก่อนว่า ให้ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายเสนอ ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายสนอง แล้วทั้งสองฝ่ายจะแยกกัน ออกไปอยู่คนละมุมของเวทีหมอลำ เมื่อจังหวะหมอลำเร้าใจเต็มที่ ไม่ว่าจะร้องลำหรือร่ายรำเกี้ยวกัน ฝ่ายเสนอจะเริ่มสอยทันทีดังนี้
สอย สอย พี่น้องฟังสอย
ครูบ้านเผิ่น บ่คือครูบ้านโต
ครูบ้านโต ในตารางสอนมีอยู่ 2 วิชา
คือ เลข คัด แล้วก็เลิก
ฝ่ายสนองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็จะถามมาทันทีว่า
เวลานอกนั้น แล้วครูไปไหน?
เด็กชายมี ? (ออกเสียงภาษาไทยกลาง)
แล้วฝ่ายเสนอก็จะตอบกลับทันทีว่า
คุณครูไม่มาครับ (ใช้เสียงภาษาไทยกลาง)
ฝ่ายสนองก็จะถามอีกว่า
เด็กหญิงสุดาล่ะ คุณครูไปไหน? (เสียงภาษาไทยกลาง)
ฝ่ายเสนอก็จะตอบว่า
คุณครูนั่งคุยกันค่ะ (เสียงภาษาไทยกลาง)
ฝ่ายสนองก็จะถามอีกว่า
เด็กชายจุกล่ะ คุณครูไปไหน? (เสียงภาษาไทยกลาง)
ฝ่ายเสนอก็จะตอบแทนเด็กชายจุกว่า
คุณครูนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องครูใหญ่ เพราะครูใหญ่เป็นครูใหญ่ประจำอำเภอครับ (ออกเสียงภาษาไทยกลาง)
ถึงตรงนี้ผู้คนก็จะฮาครืนขึ้นทันที แล้วคุณครูที่มีพฤติกรรมเช่นว่ามา ก็จะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงนิสัยทันที มิฉะนั้นก็จะอยู่ในสังคมเขาลำบาก
- แบบแก้กลอนกัน ความสอยแบบนี้วัตถุประสงค์ก็เพื่อสร้างความสนุกสนานครื้นเครงเช่นเดียวกัน แต่ต่างที่ว่าความสอยแบบแก้กลอนนี้ เล่นวาทะโต้กัน การจัดทีมก็เหมือนกันกับที่กล่าวไว้ในข้อ 4 คือแบบประสานเสียง แต่ต่างตรงที่ว่า นิยมฝ่ายหนึ่งเป็นทีมหญิง อีกฝ่ายหนึ่งเป้นทีมชาย มีลักษณะคล้ายลำตัด เขาจะใช้โวหารห้ำหั่นกันดังนี้
- ฝ่ายเสนอ ซึ่งจะเป็นชายก็ได้ จะเป็นหญิงก็ได้ สมมุติว่าถ้าฝ่ายเสนอเป็นชายก็จะเริ่มดังนี้
สอย สอย พี่น้องฟังสอย
ถามข่าวน้องถามข่าวขอแข
ถามคอแคค่อยอยู่ดีบ่คอแค้
ถามว่าหีเจ้าแหล่หรือว่าแดงจ่ายหว่าย
(คนฟังแล้วจะฮาตูมทันที)
- ฝ่ายสนอง ที่เป็นฝ่ายหญิง ซึ่งถูกเล่นงานก่อน ก็จะเริ่มสอยแก้กลอนทันทีว่า
สอย สอย พี่น้องฟังสอย
ถามข่าวอ้าย ถามข่าวขอขอ
ถามคอ คอ ค่อยอยู่ดีบ่ คอ ค้อ
ถามว่าโคยเจ้าเสียกพ่อว้อหรือว่าบานเปิ่งเซิ่ง
(คนก็ตบมือฮาลั่นขึ้นทันที)
จากนั้น ก็จะปล่อยให้หมอลำลำต่อไป จนกว่าจะได้จังหวะสอยใหม่ ส่วนหมอลำเมื่อเห็นผู้มาฟังลำสอยกันสนุกสนานครื้นเครงเช่นนั้น ก็จะมีกำลังใจคึกคะนองแสดงกันอย่างห้าวหาญ พวกดูข้างๆ เวทีก็จะร่ายรำกันอย่างสนุกเช่นกัน นี่เป็นวัฒนธรรมบันเทิงของชาวอีสานที่ได้ทั้งการสนุกสนาน ได้ทั้งการมีโอกาสได้พบกันและได้ทั้งการใช้ความสอยด่าและเตือนสติคนทำชั่ว อย่างที่ผู้ถูกด่าและถูกเตือนสติตำหนิไม่ได้