คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
มนต์สิทธิ์ คำสร้อย มีชื่อเดิมว่า บุญเถิง แก้วศรีนวน เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2507 ที่ ตำบลนาอุดม อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร เป็นบุตรนายหนูลา และนางยุ้น แก้วศรีนวน เกษตรกรปลูกปอและมัน ที่มีฐานะยากจน มนต์สิทธิ์จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านทรายไหลแล้ง หลังจบการศึกษาจึงเดินทางเข้ามาทำงานที่กรุงเทพ โดยหวังจะได้เป็นนักร้องตามคาเฟ่ แต่ก็ได้เป็นแค่เด็กรับรถ และพนักงานเสิร์ฟ แม้ในบางโอกาสจะได้ขึ้นร้องเพลงบ้างตอนที่นักร้องขาด ทำให้มนต์สิทธิ์ยังต้องตระเวนประกวดร้องเพลงตามที่ต่างๆ
กว่าจะมาเป็น มนต์สิทธิ์ คำสร้อย "ผมเคยเป็นเด็กรับรถ เคยเป็นเด็กเสิร์ฟอาหารมาก่อนครับ" นี่คือหนึ่งในจำนวนหลากหลายอาชีพ ที่นักร้องหนุ่มคนนี้ผ่านมาแล้ว และคงจะไม่แปลกนัก ที่เขามักจะรำลึกถึงอาชีพเก่าของเขาอยู่เสมอ เพื่อเตือนความทรงจำว่า ตัวเขาเองมาจากไหน และมายืนจุดนี้ได้อย่างไร
มนต์สิทธิ์ มีชื่อเดิมว่า "บุญเถิง แก้วศรีนวน" เกิดที่จังหวัดมุกดาหาร ที่บ้านที่อาชีพปลูกมัน ปลูกปอ ทำให้มีโอกาสฟังรายการวิทยุอยู่บ่อยๆ เมื่อมีการประกาศว่าจะมีการประกวดร้องเพลงที่ไหน ก็จะไปสมัครร้องเพลงที่นั่น กระทั่งสามารถติดอันดับ 2 จาก 20 คน โดยนำเอาเพลงของสายัณห์ สัญญา ขึ้นประกวด ในขณะที่อีกคนนำเพลงของยอดรัก สลักใจขึ้นร้องแข่ง จนในที่สุดกรรมการตัดสินใจไม่ได้ เลยรับทั้งสองคน
การประกวดครั้งหนึ่งที่ มนต์สิทธิ์ ประทับใจอย่างมาก ก็คือ ครั้งที่ชนะได้ที่ 2 ในการประกวดรายการใหญ่ที่ ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เพราะที่นี่ได้พบกับ "มนต์รัก กลิ่นบุปผา" นักจัดรายการวิทยุของที่นี่ ซึ่งติดใจเสียงของมนต์สิทธิ์ จึงนำตัวมาอุปการะที่บ้านและทำเพลงให้ เพื่อนำไปเสนอตามค่ายเพลงต่างๆ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธเสมอ ส่วนมากมักจะได้รับการติติงเรื่องหน้าตาว่าไม่หล่อ ไม่มีจุดขาย ประกอบกับช่วงนั้นมนต์สิทธิ์มีวัยมากถึง 29 ปีแล้ว
สถานการณ์จึงยิ่งสิ้นหวังไปกันใหญ่ ภายหลังจึงหายุทธวิธีใหม่ โดยการส่งเฉพาะเทปเสียงเข้าไปก่อน โดยไม่ส่งรูปตามไป ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ เมื่อนายห้างบริษัทชัวร์ออดิโอ สนใจเสียงของมนต์สิทธิ์ และแม้ต่อมาจะเห็นหน้าตาคนร้อง ก็ตกลงใจรับโดยให้เหตุผลว่า "สงสาร ที่มีหน้าตาจ๋อยๆ จืดๆ" และด้วยเหตุนี้นี่เอง ที่นับตั้งแต่ที่เข้าวงการวันแรกจนถึงปัจจุบัน มนต์สิทธิ์ยังไม่เคยย้ายสังกัดแต่อย่างใด
"ผมส่งรูปถ่ายที่ดีที่สุดของผมไปให้เขาดู พอเขาเรียกดู ก็ติว่า แก่ไปบ้าง ไม่หล่อเลย ไม่มีจุดขาย สู้เขาไมได้หรอก ยิ่งพอถามถึงอายุ ตอนนั้น 29 ปีแล้ว เขาก็ยิ่งร้องอี้!.."
ในที่สุด ก็เลยไม้เด็ด ด้วยการหลบหน้า แต่ให้มาเฉพาะเสียงเท่านั้น ซึ่งก็สำเร็จจนได้ เมื่อนายห้างเรียกตัวเข้ามาเป็นนักร้องหมอลำประจำค่ายเดียวกันกับ "สมจิตร์ บ่อทอง" ซึ่งตอนนั้นสมจิตร์ดังมาก "บุญเถิง" ใช้เวลาอยู่ในห้องอัด 2 ปีเต็มกระทั่งปี 2538 จึงออกอัลบั้มแรก "ขายควายช่วยแม่" พร้อมกับเดินสายพร้อมกับ สมจิตร์ บ่อทอง เพื่อโปรโมตเทป และให้เกิดความคุ้นเคยกับหน้าเวที หากวันนั้นเขาท้อแท้ ไม่อดทน วันนี้คงไม่มีมนต์สิทธิ์ คำสร้อย และบักเถิง แห่งมุกดาหาร ก็คงจะไปแบกลังน้ำปลาอยู่ที่ไหนสักแห่ง
สิ่งที่เขาเตือนสติตัวเองเสมอก็คือ "เราคือคนของประชาชน เราต้องอย่าหยิ่ง การพูดจากับประชาชนต้องพูดดีๆ อย่าลืมบุญคุณ ต้องนึกเสมอว่าเรามาจากไหน ก้าวมาได้เพราะใคร และอย่าลืมบ้านเกิด เท่านี้ ก็จะเป็นขวัญใจประชาชนได้ตลอดแล้ว" หากจะเอ่ยถึงนักร้องลูกทุ่งที่เล่นลูกคอให้โดดเด่น เห็นทีต้องมีชื่อ "มนต์สิทธิ์ คำสร้อย" อยู่ในทำเนียบด้วยอย่างแน่นอน ก็เพราะลูกคอมหัศจรรย์นี่แหล่ะ ที่ทำให้เข้าแจ้งเกิดในวงการ แต่กว่าจะมาเป็นนักร้องดังขึ้นมาได้ เขาผ่านอะไรมามากมายกว่าที่เราคิด .....
"มนต์สิทธิ์ คำสร้อย" เข้าสู่วงการครั้งแรก ด้วยการประกวดร้องเพลงที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลฯ แต่การประกวดครั้งนั้น กลับได้แค่รางวัลที่ 2 แต่ก็เป็นเวทีที่ทำให้เขามีโอกาสได้พบกับ "คุณมนต์รัก กลิ่นบุปผา" ดีเจชื่อดังแห่งเมืองอุบลฯ "เขาเห็นว่าผมเสียงดี จึงนำผมไปเสนอค่ายเทป ทุกค่ายเห็นผมแล้วก็ไม่มีใครรับเขาบอกว่า ผมแก่ไปบ้าง หรือ หรือ หน้าตาหล่อหนีหมด บ้าง สุดท้าย นายห้างชัวร์ ออดิโอ ก็ตัดสินใจรับผมเข้าสังกัด ซึ่งก็มาทราบทีหลังว่า ที่เขารับก็เพราะสงสาร เห็นหน้ามันดูจ๋อยๆ จืดๆ ลองรับมันไว้หน่อยซิ" มนต์สิทธิ์เริ่มต้นเล่าถึงการไต่เต้าเข้าสู่วงการ
จากวันนั้น ถึงวันนี้ เป็นเวลา 9 ปีแล้ว ที่เขายึดอาชีพร้องเพลง ผลงานสร้างชื่อ คือ ชุดสั่งนาง ซึ่งเป็นงานเพลงชุดที่สอง และเพลงจดหมายผิดซอง ส่วนอัลบั้มแรกในชีวิตก็คือ เพลงชุด ขายควายช่วยแม่ ส่วน ชุดสามคือ คิดถึงจังเลย ชุดที่ 4 โกสัมพี ชุดที่ 5 กำลังใจ, ชุดที่ 6 ดอกไม้ให้คุณ และล่าสุดคือ ชุดผ้าปูเตียง รวมทั้งหมด แล้วมี 7 ชุดด้วยกัน
เราถามคุณมนต์สิทธิ์ว่า ทำงานเพลงออกมาเยอะ และเคยโด่งดังสุดๆ มาแล้ว ทุกวันนี้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง คุณมนต์สิทธิ์ตอบว่า "ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะครับ จากที่เราเป็นนายบุญเถิง แก้วศรีนวม ที่ไม่มีใครรู้จัก แต่คราวนี้ดีใจมากที่ทำให้แฟนเพลงมีความสุข และอยากอยู่อย่างนี้ตลอดไป"
แต่วงการนี้ไม่มีอะไรที่แน่นอน ความดังมีขึ้นมีลง เพราะมีดาวดวงใหม่เกิดขึ้นมาประดับวงการอยู่ไม่ขาดสาย สิ่งเหล่านี้กระทบต่องานของเขาหรือไม่? "ไม่หรอกครับ ผมว่าต่างคนก็ต่างมีสไตล์ของตัวเอง ใครดังผมก็ดีใจด้วย ขอให้เป็นลูกทุ่งด้วยกัน อยากจะให้ลูกทุ่งอยู่ไปนานๆ ไม่ว่าค่ายไหน ผมก็ภูมิใจและดีใจด้วย"
"ส่วนงานโชว์ตัว ก็ยังมีเรื่อยๆ ครับ ทางโปรดิวเซอร์ และผู้จัดการส่วนตัวเขาก็ยังรับอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ถึงกับว่ามากเกินไป แล้วแต่เจ้าภาพครับ บางทีก็เรียกเฉพาะตัวฝน ธนสุนทร หรือเฉพาะมนต์สิทธิ์ครับ"
คุณมนต์สิทธิ์บอกว่า การแสดงหน้าเวทีส่วนใหญ่ จะเน้นการโชว์แดนเซอร์อลังการเหมือนที่อื่น แต่จะเน้นการร้องและพูดคุยให้ความบันเทิง พยายามเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด เพราะเชื่อว่าแฟนเพลงคงชอบแบบนั้นมากกว่า ถึงได้เรียกใช้ มนต์สิทธิ์ คำสร้อย แต่ถ้าเจ้าภาพอยากได้แดนเซอร์ ก็ต้องไปจัดหาว่าจ้างมาเอง ซึ่งพวกนี้ค่อนข้างมืออาชีพ สามารถเล่น เต้นได้กับทุกศิลปินอยู่แล้ว
"ส่วนใหญ่ผมจะถูกเชิญไปตามงานเปิดตัวแสดงสินค้ามากกว่า ส่วนการไปเป็นวง ผมว่าตอนนี้เศรษฐกิจคงไม่เหมาะแน่ เพราะถ้ามีวงต้องรับผิดชอบเยอะ ปวดหัวครับ"
มนต์สิทธิ์ คำสร้อย อยู่ในสังกัดชัวร์ ออดิโอ มาโดยตลอด และยังไม่คิดจะเปลี่ยนค่ายเหมือนนักร้องคนอื่นๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า ค่ายนี้คือผู้ที่ยอมรับเขาเข้ามาเป็นนักร้อง หลังจากถูกค่ายอื่นปฏิเสธมาแล้ว ที่สำคัญ ชัวร์ออดิโอ มีวิธีการดูแลศิลปินในค่ายอย่างยุติธรรม การดูแลดีทุกอย่าง ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ดีกับทุกคน เป็นกันเอง ซึ่งทุกสัปดาห์ จะมีการประชุมกัน ทำให้ศิลปินอยู่ในขอบเขตไม่ออกนอกลู่นอกทาง
สำหรับผลงานล่าสุด ของมนต์สิทธิ์ คำสร้อย คือ ชุด ผ้าปูเตียง ซึ่งได้ ครูลพ บุรีรัตน์ เป็นคนแต่งเพลงที่ชื่อเดียวกับอัลบั้ม มนต์สิทธิ์บอกว่า ดีใจมากที่ได้ร้องเพลงของครูลพเป็นครั้งแรก เพราะรู้ว่าเป็นนักแต่งเพลงคู่บุญของพุ่มพวง ดวงจันทร์ มาก่อน เรียกได้ว่าแต่งเพลงให้พุ่มพวงร้องจนดังมาตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนแนวเพลงยังเป็นแนวของมนต์สิทธิ์เหมือนเคย คือ เพลงลูกทุ่งหวาน แต่ไม่เน้นลูกคอมากเหมือนเพลงสั่งนาง
ในระหว่างที่ มนต์สิทธิ์ กำลังโด่งดังสูงสุด ได้เกิดกรณีที่สาวน้อยนางหนึ่ง อ้างว่าลูกสาวของเธอเกิดมาจากมนต์สิทธิ์ โดยทั้งสองมีความสัมพันธ์กันในระหว่างที่เธอทำงานเป็นหางเครื่องในวงดนตรีสมจิตร บ่อทอง และมนต์สิทธิ์เป็นนักร้อง หลังจากผลการพิสูจน์ยืนยันว่าเด็กเป็นลูกของมนต์สิทธิ์จริง มนต์สิทธิ์จึงแสดงความรับผิดชอบด้วยการดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กแต่โดยดี ลูกสาวของมนต์สิทธิ์ คนนี้ชื่อ น้องเปีย น.ส.ปิยะพร แก้วศรีนวน
ในเดือนตุลาคม 2556 มนต์สิทธิ์ออกมายอมรับว่า ตัวเองเป็นเกย์ ผ่านรายการโทรทัศน์ทางช่องเคเบิลทีวี
สั่งนาง โดย มนต์สิทธิ์ คำสร้อย
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)