คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
ปริศนา วงศ์ศิริ คอบันเทิงรุ่นใหม่ๆ ในยุคเจนวาย หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับชื่อนี้ แต่ถ้าถามคอบันเทิงรุ่นย้อนหลังกลับไปสักราวๆ 20-30 ปีก่อน ไม่มีใครไม่รู้จักเธอคนนี้ นักร้อง หมอลำ และนักแสดงละครโทรทัศน์ ประเภทจักร์ๆ วงศ์ๆ ทางช่อง 7 สี แสดงภาพยนตร์ชื่อดังก็หลายเรื่อง
“ตอนที่ยังดังสมัยที่มีชื่อเสียงมากๆ ประมาณ 7 ปี ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน เพราะไม่ได้อยู่บ้านหรือได้ไปเดินเที่ยวเล่นเหมือนกับคนอื่นเขาเลย เพราะต้องเดินทางไปทำงาน ทั้งงานหนัง งานละคร งานเพลง เดือนนึงได้นอนบนเตียงถึง 2 คืนหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กองถ่ายตลอด อย่างตอนที่เล่นเรื่อง "แก้วหน้าม้า" ก็ถ่ายกัน 2 ปี "แม่นาค" 1 ปี เรียกว่าไม่มีโอกาสสัมผัสชีวิตนอกกองถ่ายเลย แต่ก็มีคนมาบอกนะว่า ตอนนี้เธอดังมากรู้ไหม ก็งงๆ จนตอนที่ไปโชว์ตัว ตกใจเลย ไม่คิดว่าจะมีคนมารอดูเรามากถึงขนาดนี้” ...เป็นเสียงจากคุณไก่ (ปฤศนา หรือ ปฤษณา หรือปริศนา วงศ์ศิริ) ในวัยอาวุโสวันนี้ ที่พูดถึงช่วงเวลาในอดีต
เธอเล่าย้อนถึงอดีต ก่อนเข้าสู่วงการบันเทิงให้ฟังว่า... "ตอนอายุ 19 ปี ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนเสริมสวยที่ โรงเรียนเสริมสวยเกศสยาม ต่อมา คุณสมชาย จันทวังโส มาเจอะกับเธอเข้า จึงชักชวนไปเป็นนางแบบเพื่อถ่ายภาพลงปกหนังสือ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีกระแสตอบรับที่ดีมาก ทำให้นับจากนั้นก็มีหนังสือติดต่อเข้ามาให้ไปถ่ายแบบตลอด... เรียกว่า ณ นาทีนั้น ไม่มีเล่มไหนที่ ไก่-ปริศนา ไม่เคยขึ้นปก จนมาในปี 2520 ก็มีโอกาสได้แสดงละครเรื่องแรกที่ช่อง 7 คือเรื่อง “ขุนแผนผจญภัย” จนลีลานักแสดงไปเข้าตาของ คุณไพรัช สังวริบุตร จึงเรียกให้ไปรับบท “นางเอก” เป็นครั้งแรกในชีวิต กับละครเรื่อง “แก้วหน้าม้า”
และจากเรื่อง "แก้วหน้าม้า" นี่เองที่ยิ่งส่งให้ชื่อเธอโด่งดังเป็นพลุแตก ทำให้มีงานแสดงต่อเนื่อง และเริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ซึ่งขณะนั้นยังถ่ายทำด้วยฟิล์มขนาด 16 มม. กับบทที่ทำให้ชื่อของเธอก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าในวงการนี้ กับหนังเรื่อง “แม่นาคพระโขนง” ที่เล่นคู่กับ ชานนท์ มณีฉาย ตามด้วย จุฬาตรีคูณ, โก๋บ้านนอกกี๋บางกอก, หยาดพิรุณ, ตึ่งนั้ง, แข่งรถแข่งรัก ฯลฯ
ถึงบรรทัดนี้ เธอบอกว่า... แม้จะโด่งดัง แต่ยืนยันว่าไม่เคยลืมตัว ไม่หลงตัวเอง เพราะคิดว่างานแสดงก็เป็นอาชีพหนึ่ง เธอก็ยังใช้ชีวิตปกติธรรมดาเหมือนคนอื่นๆ และแม้จะดังสุดๆ แต่ก็ไม่ทิ้ง “อาชีพเสริมสวย” ที่ชอบ โดยเธอเล่าว่า... คุณแม่เกศสยาม (ยุพา นพวิชัย) ได้เมตตาให้เธอได้เรียนฟรีตลอดชีวิต เพราะเธอรับบทเป็น "นางแบบทรงผม” ทุกสไตล์ให้กับเกศสยาม ถ่ายภาพลงนิตยสารแฟชั่นต่างๆ ในสมัยนั้น
ปริศนา หรือ ปฤษณา หรือ ปฤศนา วงศ์ศิริ มีชื่อเล่น ไก่ เป็นนักร้องหมอลำและนักแสดงชื่อดัง เกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2501 ที่จังหวัดสกลนคร เคยได้ตำแหน่ง นางงามท้องถิ่น และ รองนางสาวไทยจักรวาล ปีพุทธศักราช 2520 มาก่อน
เธอบอกอีกว่า... สมัยอยู่สกลนคร เคยได้ตำแหน่งนางงามท้องถิ่น แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เป็นดารา เพราะจริงๆ อยากเป็น “นักร้อง” มากกว่า แต่ก็นั่นแหละ...บางทีชีวิตก็กำหนดไม่ได้ ซึ่งหลังจากโด่งดังในวงการแสดง สุดท้ายเธอก็ได้เป็นนักร้องสมใจในปี 2527
คนที่ช่วยสานฝันให้เป็นจริง คือ ครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุขา หลังไปวิงวอนว่า... "ไก่อยากเป็นนักร้อง ไก่ชอบเพลงที่ครูแต่งมาก" สมัยนั้นห้างแผ่นเสียงอยู่แถวๆ สะพานเหล็ก ครูก็จะพาขึ้นรถเมล์ไปต่อรถแท็กซี่ เพื่อไปบันทึกแผ่นเสียงชุดแรก ผลงานออกแล้วก็ยังไม่รู้ว่าดังขนาดไหน จนวันหนึ่งกำลังถ่ายหนังแม่นาคพระโขนง หลังข่าวจบสองทุ่มทางสถานีก็เปิดเพลง ปริศนาลำเพลิน ถึงรู้ว่า... มีคนฟังเยอะ... เป็นอีกฉากชีวิตของเธอจากนางเอกดัง ก็กลายมาเป็นนักร้อง ซึ่งเพลงแรกๆ ที่ดัง คือเพลง “สาวนาหารัก” โดยขณะนั้นยังไม่มีวงดนตรีของตัวเอง แต่ส่วนใหญ่จะรับเชิญไปแสดงร่วมกับวงของนักร้องชาย อาทิ สายัณห์ สัญญา, เพลิน พรหมแดน, ศรชัย เมฆวิเชียร, ยอดรัก สลักใจ, จีระพันธ์ วีระพงษ์ ฯลฯ
สาวนาหารัก โดย ปริศนา วงศ์ศิริ
หลังจากนั้น เธอก็ได้หยุดพักการแสดงไประยะหนึ่งเพราะไปแต่งงาน ซึ่งการแต่งงานของ “ไก่-ปริศนา” ก็กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในยุคนั้น เพราะเป็นนักแสดงที่กล้าประกาศตัวว่า "จะแต่งงาน" อย่างเปิดเผย แต่สุดท้ายรักครั้งนั้นก็ล่ม “อาชีพนี้ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ก็เกิดปัญหาครอบครัว มีปากมีเสียงกัน สามีโทรฯ ตามบอกว่าลูกป่วย ขณะที่ติดงานถ่ายอยู่ที่หาดใหญ่ ก็ทิ้งมาไม่ได้ เขาก็เสียความรู้สึก ไม่พอใจ อยากให้เราอยู่บ้าน แต่เรารับงานไว้ก็ต้องรับผิดชอบ ชีวิตจึงสวนทางกันตลอด ที่สุดก็ต้องเลิกรากัน แต่ก็ไม่โทษกัน ถือว่าพรหมลิขิตขีดชีวิตเราไว้ให้เป็นเช่นนี้”
ช่วงนั้นมีเพลง "ไก่จ๋า" ของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง สายัณห์ สัญญา ซึ่งแต่งโดย "พระเอกครูบ้านนอก" ปิยะ ตระกูลราษฎร์ เนื้อร้องก็กล่าวกันว่า เป็นการรำพึงรำพันถึงความรักและความเสียใจให้แก่คนรัก ที่มีชื่อเล่นว่า ไก่ ซึ่งหลายคนก็เข้าใจกันดีว่า "ไก่" ที่ว่านี้ก็คือ ปริศนา วงศ์ศิริ คนนี้นี่เอง
ไก่จ๋า โดย สายัณห์ สัญญา
คุณปริศนากล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับใครมาก่อน แต่อยากจะบอกว่า ที่ต้องตัดสินใจแต่งงานเร็วแบบสายฟ้าแลบ เพราะต้องการหนีความจำเจตรงนี้ ในเมื่อเขา (หมายถึงปิยะ ตระกูลราษฎร์์) มีครอบครัวแล้ว มีลูก 3 คน โดยไม่มีใครรู้ ด้วยความกลัวว่าเขาจะเสียหายเพราะเขากำลังมีชื่อเสียง
จนถึงวันนี้ คุณสายัณห์ผู้ถ่ายทอดผลงานเพลงนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว คุณปริศนาเป็นบุคคลที่ 3 ที่ถูกกล่าวถึง ก็ต้องพูดความจริง เธอกล่าวว่า "ครั้งแรกที่ได้ยิน รู้สึกตกใจแต่ไม่โกรธ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็ยังถ่ายหนังด้วยกัน เรื่องที่ผ่านมามันเป็นไปไม่ได้ และมันก็จางไปหมดแล้ว"
หลังจากห่างหายจากวงการ เพื่อไปทำหน้าที่ดูแลครอบครัว เธอเป็น “ซิงเกิ้ล มัม” ยุคแรกๆ เพราะเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอดระยะเวลา 10 กว่าปี โดยมีลูกสาว 1 คน ชื่อ น.ส.จารุพรรณ วัฒนางกูร อายุ 32 ปี ขณะนี้ทำงานเป็นแอร์โฮสเตสอยู่ที่ การบินไทย และลูกชาย 1 คน ชื่อ คามิน แอนโทนี เบิร์ด อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นทหารเรือ ประจำการในกองทัพสหรัฐ เธอบอกว่า...
“ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะมีวันนี้เลือดตาแทบกระเด็น ต้องอดทนจริงๆ ตอนอยู่กับลูกคนเล็กที่สหรัฐอเมริกา ลูกไปเรียนหนังสือ ก็อาศัยทำงานเล็กๆ น้อยๆ ทำอาหารไทยขนมไทยไปขาย เพราะฝรั่งชอบกินมาก บางทีก็รับทำอาหารกล่อง เช่น ข้าวผัด ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นนักเรียนไทยและคนไทย แต่ถ้ามีเทศกาลก็มักจะมีออร์เดอร์เมนู อย่างต้มยำ ผัดกะเพรา ผัดเปรี้ยวหวาน ผัดผัก ปลาราดพริก ไก่สะเต๊ะ หมูสะเต๊ะ เป็นต้น ก็โอเคดี อยู่แบบนั้นมา 10 กว่าปี ไม่คิดเรื่องจะมีคู่อีกเลย”
ความล้มเหลวจากชีวิตคู่ ทำเธอเข็ดเขี้ยวที่สุด แต่พรหมลิขิตก็ขีดเส้นไว้อีกนั่นแหละ จะยังไงเธอก็ต้องมีคู่ชีวิต จุดเริ่มต้น “รักครั้งใหม่...กับคนที่ใช่” เริ่มขึ้นในช่วงปี 2554 ที่มีเหตุให้ต้องบินกลับเมืองไทย เพราะคุณพ่อเสียชีวิต แถมต้องมาเจอกับมหาอุทกภัยถล่มให้อีก ซึ่งปีนั้นเธอยอมรับว่า... รู้สึกว่าชีวิตมืดไปหมด
“พ่อตาย เจอน้ำท่วม แถมลูกชายก็ป่วย และต้องเข้าผ่าตัดที่เยอรมนี จะไปเยี่ยมลูกก็ไปไม่ได้ ซ้ำร้ายยังถูกโจรขึ้นบ้านอีก ที่สำคัญนอกจากโจรจะต้องการทรัพย์สิน มันยังจ้องจะข่มขืนเราอีก แต่เพราะมีสติจึงเอาตัวรอดมาได้ โทรศัพท์ไปเล่าให้ลูกฟัง ลูกก็ตกใจ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ช่วงนั้นสมองตื้อไปหมด นึกถึงใครไม่ออก นอกจากท่านชาญชัย ชัยรุ่งเรือง เพราะรู้จักกับท่านมานานกว่า 30 ปี เคยไปช่วยหาเสียงให้ท่าน ก็เล่าให้ท่านฟัง ท่านก็ส่งให้เลขาฯ ส่วนตัวท่านมาช่วยดูแล” ...นี่เป็นจุดเริ่มต้น “ชีวิตคู่” อีกครั้ง ซึ่งเลขาฯ ส่วนตัวที่คุณชาญชัยส่งมาให้ดูแลนั้น ต่อมาได้กลายเป็น “คู่ชีวิต” คนปัจจุบัน คือ คุณสุจินต์ พิทักษ์ โดยเธอเล่าว่า... ได้ทำงานที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ด้วยความกรุณาจาก ผศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล และคุณชาญชัย ทำได้ 5-6 เดือน ก็แต่งงานกับคุณสุจินต์ ซึ่งเธอบอกว่า...คนนี้คือคนที่ใช่ แต่เมื่อมาใช้ชีวิตคู่ก็ต้องปรับนิสัยด้วยกันทั้งคู่ ต่างคนต่างช่วยกันปรับ สิ่งไหนที่ไปกันไม่ได้ก็ลองลดลง
ทั้งนี้ เธอบอกว่า... “จริง ๆ ก่อนพบคุณสุจินต์ก็มีผู้ชายที่คบหาอยู่คนหนึ่ง เป็นพ่อม่ายอายุเกือบ 70 ปีแล้ว แต่เธอรู้สึกน้อยใจเพราะช่วงที่น้ำท่วม โจรขึ้นบ้าน แม้ผู้ชายคนนั้นจะให้กำลังใจ แต่ไม่ได้มาอยู่เป็นเพื่อน ขณะที่คุณสุจินต์เข้ามาดูแลทุกอย่าง คอยเป็นห่วงเป็นใย จนทำให้รู้สึกดีกับคุณสุจินต์ จนที่สุดก็ได้ตัดสินใจ...แต่งงานอีกครั้ง”
ปัจจุบันคุณสุจินต์ดำรงตำแหน่ง ผู้พิพากษาสมทบ ศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดสมุทรสาคร และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มเซรามิก ตอนนี้เธอก็ช่วยทำธุรกิจเซรามิกหรือเบญจรงค์ของครอบครัวคุณสุจินต์ ซึ่งกำลังไปได้ดี
“ตอนจะแต่งงาน ตัดสินใจแล้ว แต่เอาเข้าจริง ๆ กว่าจะได้แต่งงานกันก็ไม่ง่าย เพราะคุณสุจินต์มีลูกชาย2 คน ซึ่งรักและหวงคุณพ่อมาก เราต้องผ่านด่านลูกชาย ลูกสะใภ้ รวมถึงหลานของเขาก่อน ส่วนลูกๆ เราไม่คัดค้านอะไร เพราะเห็นแม่ลำบากมาเยอะ คิดว่าแม่คงดูคนออก ลูกชายอวยพรว่า ขอให้แม่พบคนที่ใช่ พบคนที่รักแม่จริงๆ เสียที เขาไม่ต้องการเห็นน้ำตาแม่อีก” ...ไก่-ปริศนา เล่าไว้
“ชีวิต” บางทีก็มีอะไรที่มองไม่เห็น “ลิขิตไว้” ให้เดิน อย่างเช่นชีวิตของเธอคนนี้ ที่จากเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนเสริมสวยในกรุงเทพฯ หวังเพียงมีอาชีพ ก็พลิกผันกลายเป็น “นางแบบขึ้นปกนิตยสาร” และกลายเป็น “นางเอกละคร-นางเอกหนัง” ดังทะลุฟ้า ก่อนจะได้เป็น “นักร้องหมอลำ” สมใจในที่สุด แต่กระนั้น...ชีวิตคนเราไม่ได้มีแต่มุมดี หากแต่ยังมีมุมร้ายๆ ด้วย ก็อยู่ที่ว่า...ถ้าใครสามารถผ่านบททดสอบร้ายๆ ได้ ก็เตรียมพบกับแสงสว่างที่ปลายทางได้เลย...
ฝันอีกอย่างของ “ไก่-ปริศนา วงศ์ศิริ” คือการทำ “เพลงธรรมะ” ความคิดนี้เธอบอกว่า... เกิดจาก คุณครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุขา นักแต่งเพลง-ผู้กำกับภาพยนตร์ วัย 79 ปี ที่ป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ ซึ่งเธอรู้สึกสงสารและพยายามหาวิธีช่วยเหลือ โดยระหว่างรื้อของก็เจอเพลงธรรมะของครูเพลงท่านนี้ จึงนำมาเปิดฟัง ปรากฏว่าเป็นเพลงธรรมะที่เพราะมาก จึงโทรศัพท์สอบถามครูเพลงท่านนี้ว่า... มีเพลงธรรมะที่เป็น “ธรรมคีตะ” เก็บไว้อีกไหม จะนำมาทำอัลบั้ม เพื่อหารายได้มอบให้ครู ซึ่งก็ได้มา 50 เพลง โดยเธอระบุถึงเหตุการณ์นี้ว่า... “เป็นเหมือนปาฏิหาริย์ เหมือนฟ้าเปิดทางช่วย”
หลังจากนั้นก็ตัดสินใจว่า... จะทำเพลงธรรมะนี้จำหน่ายตามวัดทั่วประเทศ ซึ่งก็เพื่อส่งเสริมเพลงประเภทนี้ด้วย ให้คนซึมซาบกับรสพระธรรม โดยเพลงในอัลบั้มดังกล่าวประกอบด้วย แม่ผู้รอคอย, ลูกกองขยะ, ใกล้รุ่งสนธยา, พระแก้ว-พระทอง, พ่อ, เปลือกชีวิต, เทศนากัณฑ์สุดท้าย โดยนอกจากรายได้จากการจำหน่ายเพลงดังกล่าว จะมอบให้ครูพงษ์ศักดิ์เก็บไว้เพื่อรักษาตัว ก็ยังจะนำส่วนหนึ่งเพื่อไปเป็นทุนในการก่อสร้าง “ลานบ้านลานธรรม” ของครูที่อุบลราชธานีด้วย
“หลังปีใหม่ก็จะสานฝันตรงนี้ให้ได้ ส่วนเพลงธรรมะได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติหลายท่านมาร่วมขับร้อง อาทิ อาจารย์ชินกร ไกรลาศ อาจารย์ชัยชนะ บุญนะโชติ อาจารย์วินัย พันธุรักษ์ คุณชรัมภ์ เทพชัย คุณอุมาพร บัวพึ่ง คุณกิตติมาพร ดวงใจ คุณบ่วย ว.วัชญาน์ คุณธงชัย ประสงค์สันติ ก็หวังว่า... คนที่ได้ฟังจะปลื้มปีติ เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้า การทำบุญแบบนี้ ไม่ต้องรอผลบุญชาติหน้า ทำแล้วได้เลยโดยไม่ต้องรอ เพราะแค่เห็นคนได้ยิ้ม เห็นคนไม่ทุกข์ ก็ได้บุญแล้ว คือบุญจากสุขที่ได้ทำ และบุญจากรอยยิ้มที่ผู้คนมอบให้” ...ไก่-ปริศนา กล่าว....
เทศน์กัณฐ์สุดท้าย โดย ปริศนา วงศ์ศิริ
ปัจจุบัน ปริศนา วงศ์ศิริ มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มีบ้านพักอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี แฟนๆ ที่คิดถึงเธอสามารถพบเธอได้ในรายการ "ไมค์ทองคำหมอลำฝังเพชร" ทางช่อง Workpoint 23 ที่เธอมารับหน้าที่เป็น 1 ใน 3 กรรมการรวมกับ ครูสลา คุณวุฒิ อิ๊ด โปงลางสะออน โดยทำหน้าที่แทน หมอลำบานเย็น รากแก่น
รายการ คิดถึงเสมอ ทาง ช่องไทยทีวี
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)