foto1
foto1
foto1
foto1
foto1
ช่วงนี้อากาศปรวนแปรไปทั่วโลก บ้างก็มีพายุรุนแรง แผ่นดินไหว ฝนตก น้ำท่วม ดินพังทลาย จนไร้ที่อยู่ บ้านเฮากะต่างภาคต่างกะพ้อไปคนละแนว บ้างก็ฝนตกจนน้ำท่วม บ้างก็แล้งจนพืชผลแห้งตาย กระจายเป็นหย่อมๆ แบบบ้านเพิ่นท่วมแป๋ตาย นาใกล้ๆ กันนี้ผัดบ่มีน้ำจนดินแห้ง อีหยังว่ะ! นี่ละเขาว่าโลกวิปริตย้อนพวกเฮามนุษย์เป็นผู้ทำลายของแทร่ ตอนนี้ทางภาคเหนือกำลังท่วมหนัก ข่าวว่าภาคอีสานบ้านเฮาก็เตรียมตัวไว้เลย พายุกำลังมาแล้ว ...😭🙏😁

: Our Sponsor ::

adv200x300 2

e mil

No. of Page View

paya supasit

ju juคันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า

        ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ##

isan instruments

เรื่องราวตำนานโดย ทิดโส สุดสะแนน

พิณ แคน ซอ โปงลาง และโหวด เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองอีสานที่ใช้บรรเลงประกอบกับการละเล่นต่างๆ มีบทบาทเป็นที่นิยมของคนทั่วไปโดยเฉพาะ แคน ถูกยกให้เป็น “ราชาแห่งดนตรีพื้นเมืองอีสาน” ส่วน พิณ เป็น “ราชินีแห่งดนตรีพื้นเมืองอีสาน”

แคน เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุด มีชื่อเสียงควบคู่คนอีสานมายาวนานเหมือนคำที่ว่า “คนอีสานไม่เคยขาดแคน” ยุคสมัยแรกๆ ที่คนอีสานเดินทางมาแสวงโชคในกรุงเทพฯ ที่เรียกว่า “มาค้ากำปั้น” มีแค่ 2 มือกับ 1 แรงกาย หลายคนมีแคนติดตัวมาเป็นเพื่อน มีงานทำห่างบ้านห่างอีสานมานาน ก็เอาแคนมาเป่าเป็นเพื่อน บางคนจากอีสานมานานได้ยินเสียงแคนถึงกับน้ำตาไหล “คึดฮอดบ้าน” เลยทีเดียว

เสียงแคนจากแมนชั่น - ไหมไทย ใจตะวัน

เลิกงานตกเย็นย่ำค่ำมืด จะมานั่งล้อมวงสังสรรค์ อาจมี “บักสองซาว” บ้างพอเป็นกระไสยา เวลาเป่าแคน ใครพอลำได้ก็ลำปรบมือเพื่อคลายคิดถึงบ้าน จนเป็นภาพชินตาชินหูของคนกรุงเทพฯ และคนภาคอื่น ช่วงเทศกาลปีใหม่คนกรุงเทพฯ เขาจะไปเที่ยวงานท้องสนามหลวง งานวังสราญรมย์ คนอีสานที่มาทำงานในกรุงเทพฯ เป็นกรรมกรบ้าง ถีบสามล้อบ้าง จะรวมตัวกันเป่าแคน ตบมือ เดินไปเที่ยวงานที่ท้องสนามหลวงก็ตั้งวงรำแคนกัน

แคน มีบทบาทโดดเด่นขึ้นเมื่อถูกนำมาเป่าใส่เพลงบันทึกแผ่นเสียง เมื่อ พ.ศ. 2540 กว่า นักร้องนักแต่งเพลงลูกอีสาน ครูเฉลิมชัย ศรีฤาชา เป็นคนแรกที่นำเอาแคนเต้าเดียวมาเป่าใส่เพลง และมีกลองโทนหนึ่งใบตีจังหวะรำโทน อัดแผ่นเสียงขายดีเป็นที่นิยม ต่อมา ครูเบญจมินทร์ นักร้องนักแต่งเพลงลูกอีสานอีกคน ก็นำแคนมาเป่าใส่เพลง “ชายฝั่งโขง” และต่อมา สุรพล สมบัติเจริญ ก็นำมาเป่าใส่เพลง “น้ำตาลาวเวียง” ทำให้เสียงแคนที่ไพเราะเป็นที่ประทับใจของคนภาคอื่นมาแต่บัดนั้น

สมัยนั้น คนอีสานที่มาอยู่กรุงเทพฯ ที่มีความชำนาญเป่าแคนมีน้อย การหาหมอแคนไปเป่าประกอบเพลงยาก การเป่าแคนประกอบเพลงก็ใช้แค่เป่าขึ้นหัวอินโทรเพลงเท่านั้น จึงยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร

อีสานลำเพลิน - อังคนางค์ คุณไชย

พ.ศ. 2516 เพลง “อีสานลำเพลิน” ของ หมอลำสาวอังคนางค์ คุณไชย เป็นเพลงแรกที่นำเอาทั้งแคนและพิณ มาบรรเลงประกอบเพลง ผสมกับดนตรีสากลได้อย่างกลมกลืน และดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ต่อมาเพลงที่มีเสียงพิณบรรเลงเป็นที่นิยมคือเพลง “คอยรักจากเสียงพิณ” โดย นกน้อย อุไรพร ต่อมาเพลงที่มีพล็อตหรือบรรยากาศเกี่ยวกับอีสานต้องมีเสียงพิณ เสียงแคนประกอบ จนเป็นที่นิยมหมอแคนที่เป่าใส่เพลงช่วงนั้นก็มี “สมัย อ่อนวงศ์” และ “บุญล้อม คอมพิวเตอร์” หมอแคนพิการตาบอดจากวงดนตรี “ทิดโส ลำเพลิน”

เนื่องจากอาจารย์บุญล้อมพิการตาบอด แต่มีความจำเป็นเลิศ มีความชำนาญในการเป่าแคน แต่เวลาไปเป่าใส่เพลงบันทึกเสียงในห้องอัดเสียง ร่วมกับเครื่องดนตรีสากลอื่นๆ เวลาผู้เรียบเรียงประสานให้สัญญาณมือให้เริ่มบรรเลง อาจารย์บุญล้อม แกมองไม่เห็น ถ้าจะใช้เสียงบอกก็ไม่ได้ ผมจึงใช้วิธีสะกิดไหล่เป็นสัญญาณให้เป่าได้ ด้วยประสาทฉับไวและความจำแม่นยำนี้เอง ผมจึงตั้งชื่อให้ว่า “บุญล้อม คอมพิวเตอร์” เพราะใช้นิ้วสัมผัส และมือพิณอันดับหนึ่งในตอนนั้นคือ ทองใส ทับถนน มือพิณประจำวงดนตรี “เพชรพิณทอง”

เมื่อ แคน พิณ ราชาและราชินีแห่งดนตรีอีสาน มาโด่งดังคู่กับเพลงลูกทุ่งอีสาน ต่อมาก็มีผู้นำเอา ซออีสาน มาบรรเลงใส่เพลงลูกทุ่งก็ดังเป็นที่รู้จักคือเพลง “คิดถึงเสียงซอ” ขับร้องโดย สุภาพ ดาวดวงเด่น หมอซอในยุคนั้นคือ ทองฮวด ฝ่ายเทศ ต่อมาก็มี โปงลาง ตามมาคือเพลง “คึดฮอดเสียงโปงลาง” ขับร้องโดย สัญญา เพชรเมืองกาฬ ตามมาด้วยเสียง โหวด แต่เพลงบรรเลงด้วยเสียงโหวดยุคแรกๆ ไม่มีเพลงดัง

คิดถึงเสียงซอ - สุภาพ ดาวดวงเด่น

โปงลาง กับ โหวด ดนตรี 2 ชนิดนี้มีข้อจำกัดคือ เปลี่ยนคีย์เสียง ยกเสียงสูงเสียงต่ำไม่ได้ จึงเป็นอุปสรรคกับการบันทึกเสียงไม่เข้ากับนักร้อง โปงลางกับโหวด จึงไม่โดดเด่นเท่าที่ควร

พิณ แคน ซอ เป็นดนตรีอีสานที่ปรับเสียงสูงต่ำเข้ากับเสียงนักร้องได้ จึงถูกนำมาบรรเลงกับเพลงลูกทุ่งมากที่สุด และเป็นที่นิยม

พ.ศ. 2520 อาจารย์พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ได้สร้างและกำกับภาพยนตร์เรื่อง “มนต์รักแม่น้ำมูล” เรื่องราวหนุ่มสาวอีสานสมัยนั้น ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง จึงดิ้นรนเข้ากรุงเทพฯ ไปเผชิญโชคและล่าฝันจนประสบความสำเร็จเป็นนักร้องดังมีชื่อเสียง มีเพลงประกอบภาพยนตร์ 10 เพลง ผู้กำกับมอบหมายให้ผมเป็นโปรดิวเซอร์ ควบคุมการผลิตเพลง เพลงส่วนมากจะเป็นแนวเพลงลูกทุ่งอีสาน ผมจึงนำหมอแคน คือ อาจารย์บุญล้อม คอมพิวเตอร์ และหมอพิณ อาจารย์สุดใจ พึ่งกิจ และหมอซอ จากวงดนตรีทิดโสลำเพลินมาร่วมบรรเลง เพลงลูกทุ่งที่ประกอบดนตรีอีสานส่วนมาก จะมี แคน พิณ ซอ ร่วมบรรเลงเพียงเล็กน้อย เช่น ขึ้นหัวเพลงหน่อย หรือไปโซโล่ตอนกลางเพลง ไม่ได้ร่วมบรรเลงกันเต็มๆ ทั้งเพลง

poster monrak maenam moon

ขอบคุณโปสเตอร์จาก Thai Movie Posters

แต่คราวนี้ ผมให้ทั้ง หมอแคน หมอพิณ หมอซอ นำเพลงไปซ้อมจนขึ้นใจ จำเพลงได้ทั้งหมด เพื่อจะให้บรรเลงร่วมไปกับดนตรีสากลตลอดเพลง เป็นครั้งแรกของวงการ

เมื่อมาร่วมบันทึกเสียง พิณ แคน ซอ จะดีด เป่า สี เริ่มแต่หัวเพลง คลอทำนองเพลงไปจนจบ สอดรับกับเครื่องดนตรีสากลที่มีทั้ง แซกโซโฟน ทรัมเป็ต ไวโอลิน และแอคคอร์เดียน เรียกว่าบรรเลงเคียงบ่าเคียงไหล่กันเต็มๆ เพลงไปเลย

ปรากฏว่า เพลงชุดนี้ที่มีเครื่องดนตรีพื้นเมืองอีสานบรรเลงร่วมแบบเต็มๆ เพลง ได้รับความนิยมมีเพลงดัง เช่น เพลง “มนต์รักแม่น้ำมูล” ขับร้องโดย สนธิ สมมาตร “ลูกทุ่งคนยาก” “ลำกล่อมทุ่ง” “ฝากใจไว้ที่เดือน” และ “แต่งงานกันเด้อ” ส่งให้ภาพยนตร์ได้รับความนิยม เปิดฉายรอบปฐมทัศน์วันแรกโรงแตก เพราะคนดูล้นโรงเป็นประวัติศาสตร์ของวงการหนังไทยอีกเรื่องหนึ่ง เพลงประกอบภาพยนตร์ก็ดังเป็นอมตะมาจนปัจจุบันนี้

มนต์รักแม่น้ำมูล - สนธิ สมมาตร

พูดถึง หมอแคน นอกจากหมอแคนที่ชำนาญด้านเป่าประกอบเพลงบันทึกเสียงแล้ว ยังมีหมอแคนที่ชำนาญด้านการเป่าโชว์บรรเลง รวมทั้งร่วมแสดงกับวงดนตรีออเครสต้าได้ ในยุคนี้ก็คือ อาจารย์สมบัติ สิมหล้า หมอแคนพิการตาบอดเช่นกัน ที่ได้ฉายา “หมอแคนขั้นเทพ” เพราะมีพัฒนาการเป่าแคนให้หลากหลายลีลาขึ้น

สมบัติ สิมหล้า เดี่ยวแคนประชันวง Thailand Philharmonic Orchestra

ช่วง พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา มีเครื่องดนตรีใหม่เข้ามาพร้อมกันกับคอมพิวเตอร์ สามารถจะปรับเสียงเลียนแบบเสียงดนตรีได้ ในเพลงลูกทุ่งยุคนี้จึงได้ยินเสียงโหวด เสียงโปงลาง เกิดขึ้นเพราะใช้คอมพิวเตอร์มาเลียนเสียงได้ แต่เสียงแคนคอมพิวเตอร์ไม่สามารถเลียนเสียงได้ไพเราะนุ่มนวลเท่าของจริง

ก่อนจบเรื่องราว "เสน่ห์เสียงดนตรีพื้นเมืองอีสาน" มีข้อปรารภจากผู้เขียนนิดหนึ่งว่า เสียงแคนนั้นมีดี มีเสน่ห์อยู่ในเสียงแล้ว ไม่อยากเห็นผู้เป่าทำท่า (ขออนุญาตใช้คำศัพท์ภาษาอีสานว่า) “กระเด้า” โชว์ให้คนทั่วไป หรือออกสื่อโทรทัศน์ เพราะผู้เขียนมองว่า การทำแบบนั้นมันลดเสน่ห์ของเสียงแคนอันเป็นราชาแห่งดนตรีอีสานลงไปเยอะ เหมือนคนสวยอยู่แล้วไม่ต้องโป๊ก็สวยได้ ถ้าอยาก “กระเด้า” ก็ขอให้แสดงในกลุ่มชุมชนก็พอ ฝากถึงครูบาอาจารย์ผู้รู้ได้แก้ไขด้วย

ทิดโส สุดสะแนน : บอกเล่าความหลัง

redline

backled1

isan word tip

isangate net 345x250

ppor blog 345x250

adv 345x200 1

นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)