คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
ไผ่ พงศธร มีชื่อและนามสกุลจริงว่า นายประยูร ศรีจันทร์ เกิดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2525 ที่บ้านสร้างแต้ ตำบลโพนงาม อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร เริ่มการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่ โรงเรียนบ้านสร้างแต้ บ้านเกิด แล้วไปต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนโพนงามวิทยา อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร แล้วศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่ คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาเอกการจัดการ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต โดยได้รับทุนจาก โครงการช้างเผือก มีพี่-น้อง 4 คน โดยไผ่เป็นลูกชายคนสุดท้องและมีพี่สาวอีก 3 คน เขามีน้ำหนัก 54 กิโลกรัม สูง 166 เซนติเมตร
"ได้เวลาเมือบ้านน้ำตาย้อยหยั่ง ซุมหมู่เฮาคนจนคือสิได้ไปเอาบุญบ้านจั๊กหว่าง เถิงทางสิไกลไปลำบาก กะสิทนนั่งท้ายปิกอัพปานว่ารถขนหมู ทนอดอู้จนฮอดบ้านเฮา.."
บทรำพึงถึงคนจนที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงกลุ่มคาราวานคนจนที่มาเย้วๆๆ อยู่หน้าทำเนียบรัฐบาลนะครับ หากแต่เป็นกลุ่มคนอีสานที่เข้ามาขายแรงงานในเมืองหลวง จะได้เวลาคืนทุ่ง คืนถิ่น ตอนเทศกาลสงกรานต์ ภาพขบวนรถปิกอัพที่มีคนเบียดเสียดเยียดยัดอยู่เต็มกระบะหลัง มีทั้งข้าวของเครื่องใช้ ไม่ต่างอะไรกับคาราวานคนจน ที่หมุนเวียนขึ้น-ล่อง จากที่ราบสูงกับเมืองหลวงอยู่ชั่วนาตาปี
ทำให้ผมนึกถึงหนุ่มนักร้องอีสานคนนี้ ไผ่ พงศธร เจ้าของอัลบั้ม "ฝนรินในเมืองหลวง" เพราะคำร้องเพลงนี้สะท้อนภาพคาราวานคนจนได้ดีทีเดียว "หน่อแนวอีสาน มาหางานทำในเมืองหลวง เสี่ยงโชคเดินตามดวง เหมือนแมงระงำบินตำแสงไฟ บ้างก็โชคดีมีงานทำ ได้เงินกลับไป บางคนสู้จนแพ้พ่าย เมือบ่ได้อยู่ไม่มีหวัง.."
นอกจากเพลง "ฝนรินในเมืองหลวง" ในชุดนี้เพลงที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ทางภาคอีสานก็มีหลายเพลง อาทิ "ยืมหน้ามาเข้าฝัน" และ "หัวใจไม้ลำปอ" "คือภาพที่เห็น จากพี่น้องบ้านเฮา เหมือนหนังขายยาเรื่องเศร้า ฉายภาพเก่าซ้ำเดิมอีกครั้ง ข้อยก็หนึ่งคนที่ติดวังวน เหมือนปลาหลงวัง คึดฮอดบ้านเฮาหวั่งๆ เมื่อยามฝนหลั่งรินในเมืองหลวง" ท่อนแยกของเพลงนำอัลบั้มของไผ่ พงศธร ที่แต่งโดย วสุ ห้าวหาญ ได้ฉายภาพชัด และบ่อยครั้งที่ "ความจน" ของคนอีสานถูกนำมาขายในตลาดการเมือง
เหมือนภาพที่เห็นคนอีสานห้อมล้อมนักการเมืองใหญ่ คนแล้วคนเล่า ไม่ต่างอะไรกับหนังน้ำเน่าที่ฉายเรื่องเก่าซ้ำเดิมอีกครั้ง นักการเมืองผ่านมาแล้วก็จากไป แต่คนอีสานก็ยังจมปลักอยู่ในกับดักความยากจน เหมือนหลายสิบปีที่ผ่านมา ฟังเพลงหมอไผ่แล้ว กะคึดเห็นละครการเมืองเรื่อง "น้ำตาคางคก" ยางหัวบ่ตก กะบ่ได้สำนึกพี่น้องเอ้ย!
ไผ่ พงศธร เป็นนักร้องผู้ที่สู้ชีวิตเหมือนนักร้องลูกทุ่งคนอื่นๆ เนื่องจากในวัยเด็กเกิดในครอบครัวที่ยากจน ต้องออกไปหางานทำตั้งแต่ยังเรียนอยู่ เนื่องจากเสียคุณพ่อไป จึงต้องหาเงินมาเรียนด้วยตนเอง โดยการไปรับจ้างแบกเครื่องเสียง เป็นหางเครื่อง เป็นหนุ่มโรงงาน และงานรำวง หมอลำ และรำขอข้าว พอจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็จำเป็นเดินทางมาทำงานในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากไม่สามารถเรียนต่อได้ โดยเข้ามาเป็นลูกมือที่ร้านของพี่สาว หลังจากนั้นได้พบกับ คุณหยก ลูกหยี (จิตรชัย ภาวังคาม) ได้เข้ามาพบ และเห็นว่าพอที่จะทำงานออกอัลบั้มได้ จึงได้ส่งไปบันทึกเสียงเพลงตัวอย่าง (เดโม่) ส่งให้ ครูสลา คุณวุฒิ ฟัง ซึ่งต่อมาครูสลาได้เรียกเข้าไปบันทึกเสียง และออกอัลบั้มที่ ค่ายแกรมมี่ โกลด์
เด็กหนุ่มจากบ้านสร้างแต้ เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาอยู่กับพี่สาวขายลาบอยู่แถวราษฎร์บูรณะ ช่วงนั้นก็ตระเวนเสี่ยงโชคบนเวทีประกวดร้องเพลง ก่อนที่จะได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องในสังกัดแกรมมี่โกลด์ก็ใช้เวลานานกว่า 5 ปี กับงานชุด "ฝนรินในเมืองหลวง" โดยมีเพลงที่ได้รับความนิยมอยู่ทางภาคอีสานก็มีหลายเพลง เช่น "ยืมหน้ามาเข้าฝัน" และ "หัวใจไม้ลำปอ"
“ก็ระยะเวลากว่าจะมาถึงวันนี้เกือบ 10 ปี ก่อนหน้านี้ผมอยู่ในวงหมอลำ "ทรัพย์พิณทอง” แต่ไม่ค่อยมีงาน เจ้าภาพเขาจ้างแต่วงใหญ่ เราเป็นวงเล็ก สมาชิกในวงส่วนมากเป็นนักเรียน พองานไม่มีก็คิดกันว่าทำยังไงจะหาเงินมาจ่ายค่าเทอม ก็เลยรวมกันประมาณ 20 คน ตั้งเป็นวง “หมอลำขอข้าว“ มีคีย์บอร์ด กับแคน รับร้องเพลงทั่วไปแลกกับข้าวสารพอ 3-4 วัน ไปขายทีได้เงิน 9,000 - 10,000 บาท หักค่าน้ำมัน ค่ากินค่าอยู่ แล้วมาแบ่งเงินกันได้เท่าๆ กัน เหลือประมาณ 300-400 บาท
เข้ามาอยู่ที่แกรมมี่โกลด์ได้เพราะไปหา อาจารย์สมพร แถวโชคชัย 4 เขาถามว่า "ร้องเพลงเป็นไหม?" ผมร้องเพลงสารคามให้เขาฟังทำเป็นเดโมออกมา พอดีพี่หยก ลูกหยี ที่อยู่ในวงการเขาไปร่วมออกค่ายวรรณกรรมของครูสลา ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ครูสลาก็ให้มาร้องที่แกรมมี่ รออยู่ 5 - 6 เดือน" ไผ่ บอกที่มาของเขาก่อนจะเป็นดาวรุ่งที่กำลังจรัสแสงในวงการเพลง
ช่วงนั้นเขาเล่าว่าเป็นช่วงที่ชีวิตลำบากถึงขั้นสุด บางวันมีเงินรวมกันแล้วได้แค่ 5-10 บาท ต้องเอาเงินซื้อข้าวเปล่า มาหนึ่งถุง และขอน้ำปลาจากร้านที่ซื้อข้าวมากิน บางครั้งถึงขนาดไม่ได้กินข้าว 2 วัน เพราะไม่มีเงินซื้อ บางครั้งที่ไม่มีเงินจริงๆ ก็ออกเดินดูตามตู้โทรศัพท์สาธารณะ เพื่อดูว่ามีเงินที่ค้างอยู่ตามช่องคืนเหรียญบ้างหรือเปล่า ชีวิตเป็นแบบนี้อยู่นานเหมือนกัน เคยท้อหลายครั้ง
บนเส้นทางลูกทุ่งสายนี้ยังมีที่ว่างให้คนรุ่นใหม่เสมอ หากตั้งใจทำงานให้มีคุณภาพ นักร้องคนอื่นๆ ก็มีโอกาสเป็นดาวรุ่ง หรือได้ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าอย่างเช่นรุ่นพี่ๆ หากไม่มีเหตุการณ์ร้ายใดๆ มาสกัดดาวรุ่งเหล่านี้เสียก่อน
รายการ “หม่ำโชว์” เมื่อวันเสาร์ ที่ 7 เมษายน 2550 ที่ผ่านมา พิธีกรสาวสวยสุดเซ็กซี่ เจนนี่ เจนสุดา ปานโต ที่มาร่วมสร้างความสนุกสนานกับพิธีกรอารมณ์ดีหม่ำ จ๊กมก ซึ่งรับรองว่าได้ฮากระจายแน่นอน เมื่อมีนักร้องลูกทุ่งหน้าใหม่เจ้าของเพลงฮิต “ขอยืมหน้ามาเข้าฝัน” ไผ่ พงศธร มาเป็นแขกรับเชิญ ที่สำคัญยังเป็นคนยโสธรบ้านเดียวกับ หม่ำ อีกต่างหาก พอเจอหน้ากัน ทั้งพิธีกรและแขกรับเชิญก็เปิดฉากเว้าอีสานกัน อย่างออกรสออกชาติเลยทีเดียว นับเป็นนักร้องที่พิธีกรหม่ำเชียร์เป็นพิเศษ เพราะมีชีวิตที่คล้ายกับตัวเองที่เดินมาตามหาฝันที่กรุงเทพ ซึ่งกว่าจะก้าวมาเป็นนักร้องได้ต้องผ่านความยากลำบากมากมาย
แต่ที่ฮาแบบสุดๆ ก็ตอนที่หนุ่มไผ่โชว์ลีลาการตำส้มตำปลาร้า ทำเอาสาวเจนนี่ถึงกับกลืนน้ำลายหลายอึก เพราะกลิ่นปลาร้าสุดรัญจวนใจ พอตำเสร็จสาวเจนนี่รีบขอชิมทันที ความแซ่บยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หนุ่มไผ่ยังได้นำแจ่วบองของฝากจากยโสธรมาฝากทุกคน โดยเปิดวงเปิบกันกลางเวทีอย่างสนุกสนาน ทำเอาทีมงานและผู้ชมในสตูดิโอแอบกลืนน้ำลายกันเป็นแถว นี่ล่ะคนอีสานขนานแท้
ไผ่ พงศธร เจ้าของงานเพลงล่าสุด "หมอนขาด สาดผืนเก่า" และกำลังมีงานละคร นายฮ้อยทมิฬ ช่อง 7 อยู่ตอนนี้ ซึ่งแม้ ไผ่ จะโด่งดังไปไกล แต่เขาก็ยังไม่ลืมรากเหง้าที่เคยมาจากดิน ยังทำตัวง่ายๆ กินที่ไหนก็ได้ นอนที่ไหนก็ไม่บ่น ล่าสุดแวะทานข้าวที่ศาลาพักผู้โดยสารริมทางสายศรีสะเกษ-อุบลราชธานี กับแม่ที่อุตส่าห์หอบหิ้วกับข้าวบ้านๆ มาต้อนลูกชายได้หายหิว ก่อนเดินทางไปพบปะแฟนเพลงต่อไป
ติดตามความเคลื่อนไหวของไผ่ พงศธร ได้ทาง Facebook ครับ
นอกจากจะทำหน้าที่ร้องเพลงส่งความสุขให้กับแฟนพลงแล้ว ยังแสวงหาอาชีพเสริมให้กับตัวเอง เช่นเดียวกับนักร้องคนอื่นๆ อย่างพี่ไมค์ ภิรมย์พร, เอกราช สุวรรณภูมิ ก็มีอาชีพเสริมเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ปลาร้าแซบ ส่วนไผ่ พงศธร นั้นก็หันมาทำ ธุรกิจกาแฟเพื่อสุขภาพ เสริมรายได้อีกทางเหมือนนักร้องรุ่นพี่อย่างอ้ายหำ ผู้ใหญ่บ้านเฉลิมพล มาลาคำ, แม่นกน้อย อุไรพร (เสียงอีสาน) เป็นต้น ใครสนใจก็ตามไปดูรายละเอียดเอาเอง (บ่มาลงโฆษณากับเฮา เอาแค่นี้น้อไผ่ บ่หว่ากันเด้อ)
ทบ.2 ลูกอีสาน - ไผ่ พงศธ
นอกจาก ไผ่ พงศธร จะเสียงดีแล้ว ยังมีความสามารถด้านการแสดงอีกด้วย ซึ่งในปี 2561 ไผ่ ได้ร่วมแสดงละครกับ ต่าย อรทัย ดาบคำ ซึ่งแฟนๆ ยกให้เป็นคู่จิ้นในใจไปแล้ว ก็เรียกว่าทำเอาแฟนๆ ฟินกันเป็นแถว และล่าสุดกับละครเรื่อง มงกุฎดอกหญ้า ที่ร่วมแสดงกับคู่จิ้นอีกครั้ง
“จริงๆ มันเป็นความรู้สึกของมุมมองของแต่ละคนมากกว่า อันนี้ต้องขอบคุณ แล้วก็ยินดีที่เราสองคนทำให้ทุกคนที่ชื่นชอบเรามีความสุข จริงๆ แล้วผมกับพี่ต่ายเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นพี่น้องกัน ชอบในลักษณะเดียวกัน เช่นชอบเล่นกีฬา มีเรื่องอะไรก็จะปรึกษากัน และที่สำคัญพี่ต่ายก็เป็นไอดอลผม
ผมชอบที่เค้าดำเนินชีวิตเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆ เราก็ดูวิธีการทำงานของเค้า ซึ่งเราชื่นชอบผลงานของเค้าอยู่แล้วครับ หลายคนจะมองว่าเราเป็นคู่จิ้นกัน เราเป็นคู่รักกัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด คนไม่มองก็ไม่ผิด คนมองก็ไม่ผิด ถ้ามีความสุขเรายินดี”
“ผมว่าเรื่องอนาคตข้างหน้ามันก็มองไม่ออกว่ามันจะเป็นอะไร แต่อย่างตอนนี้พี่ต่ายเป็นคนที่ผมชื่นชอบเรื่องของบทเพลง แล้วก็วิธีการทำงานของเค้า การรักษามาตรฐานของเค้า ซึ่งอยากจะบอกว่า เค้าเป็นนักร้องหญิงคนหนึ่งที่มีมาตรฐานในการดูแลชีวิตสูงมากๆ เราก็นำเอามาใช้กับตัวเราเองด้วย”
“เดี๋ยวจะบอกครับ ไม่นานหรอกครับ อายุขนาดนี้แล้ว ก็คงอีกไม่นานจริงมั้ย มันปฏิเสธไม่ได้หรอก แฟนเพลงเค้ายังมีครอบครัว เราก็ต้องมีครอบครัว”
หรือจะบอกว่า "ข่าวคู่จิ้น" คือการตั้งใจโปรโมท จนนำไปสู่การทำอัลบั้มใหม่ล่าสุด ชุด มิตรภาพ ที่ออกคู่กันระหว่าง ไผ่ พงศธร และ ต่าย อรทัย นั้นเอง
หึย - ไผ่ พงศธร - ต่าย อรทัย (อัลบั้ม มิตรภาพ)
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)