คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร
แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม"
จังหวัดสกลนคร เป็นจังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็น "เมืองพุทธศาสน์ พระธาตุห้าแห่ง แหล่งอารยธรรมสามพันปี" เนื่องจากมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีวัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิม ที่ตกทอดกันรุ่นสู่รุ่นมาจากบรรพบุรุษตั้งแต่สมัยโบราณ ที่หล่อหลอมและผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมไทยถิ่นอีสาน จนมีความเป็นเอกลักษณ์และ โดดเด่น กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งศาสนาและอารยธรรมอันน่าสนใจ
สกลนคร ยังอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ พืชพรรณ สัตว์ป่านานาชนิด และแหล่งน้ำขนาดใหญ่น้อยหลายแห่ง ที่ทำให้จังหวัดสกลนครเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ
จังหวัดสกลนคร มีเนื้อที่ประมาณ 9,605 ตารางกิโลเมตร หรือ 6 ล้านไร่ เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 19 ของประเทศ ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูงและที่ราบลุ่มสลับพื้นที่ลอนลาด มีเทือกเขาภูพานอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัด และมีหนองหารซึ่งเป็นหนองน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย เป็นแหล่งน้ำสำคัญของจังหวัด มีน้ำตลอดปี
เมืองสกลนคร เดิมมีชื่อว่า "เมืองหนองหานหลวง" ตามชื่อของบึงน้ำที่เมืองตั้งอยู่ มีขุนขอมราชบุตร เจ้าเมืองอินทปัฐนครเดิม เป็นผู้สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 16 อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโคตบูร ต่อมาเมื่ออิทธิพลขอมเสื่อมลง เมืองหนองหานหลวงตกไปอยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรล้านช้าง มีชื่อเมืองใหม่ว่า "เมืองเชียงใหม่หนองหาน"
ต่อมาในศตวรรษที่ 19 เมืองเชียงใหม่หนองหาน ได้ตกมาอยู่ในความปกครองของอาณาจักรสยาม และเปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองสกลทวาปี" ใช้ระบอบการปกครองแบบหัวเมืองโบราณ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2435 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองเป็นระบบมณฑลเทศาภิบาล ทางส่วนกลางได้ส่งพระยาสุริยเดช (กาจ) มาเป็นข้าหลวงเมืองสกลนครคนแรก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2373 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อจาก เมืองสกลทวาปี เป็น "เมืองสกลนคร" และใช้มาจนถึงปัจจุบัน
จังหวัดสกลนคร ได้รับการขนานนามว่าเป็น "แหล่งธรรมะแห่งอีสาน" เนื่องจากมีความเจริญรุ่งเรืองของพุทธศาสนามาตั้งแต่อดีต เป็นถิ่นกำเนิดและพำนักของอริยสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นที่เคารพบูชาหลายท่าน เช่น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระอาจารย์วัน อุตตโม หลวงปู่หลุย จันทสาโร และหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี เป็นต้น
จังหวัดสกลนคร แบ่งการปกครองเป็น 18 อำเภอ (2564) คือ
อำเภอเมืองสกลนคร | อำเภอกุสุมาลย์ | อำเภอกุดบาก | อำเภอพรรณานิคม |
อำเภอพังโคน | อำเภอวาริชภูมิ | อำเภอนิคมน้ำอูน | อำเภอวานรนิวาส |
อำเภอคำตากล้า | อำเภอบ้านม่วง | อำเภออากาศอำนวย | อำเภอสว่างดินแดน |
อำเภอส่องดาว | อำเภอเต่างอย | อำเภอโคกศรีสุพรรณ | อำเภอเจริญศิลป์ |
อำเภอโพนนาแก้ว | อำเภอภูพาน |
ดอกไม้ประจำจังหวัดสกลนคร คือ ดอกกันเกรา (ชื่อวิทยาศาสตร์: Fagraea fragrans) เป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ขึ้นโดยทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทย ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนจะออกดอกเป็นช่อสีเหลือง มีกลิ่นหอมขจรขจาย ต้นกันเกรามีชื่อเรียกอื่นว่า มันปลา ตำเสา มะซูไม้ต้น
กันเกรา มีชื่อเรียกต่างกันไปคือ ภาคกลางเรียก กันเกรา ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรียก มันปลา ส่วนภาคใต้เรียก ตำแสง หรือตำเสา มูซูเป็นภาษาถิ่นทางภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งถือเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง อันมีชื่อเป็นมงคลและมีคุณสมบัติที่ดีในการใช้ประโยชน์ คือชื่อ 'กันเกรา' หมายถึง กันสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายไม่ให้มาทำอันตรายใดๆ ชื่อ 'ตำเสา' คือ เป็นมงคลแก่เสาบ้านไม่ให้ปลวก มอด แมลงต่างๆ เจาะกิน ชื่อ 'มันปลา' น่าจะเป็นลักษณะของดอกที่เหมือนกับไขมันของปลาเมื่อลอยน้ำ ไขมันของปลาในถ้วยน้ำแกง โดยเฉพาะช่วงข้าวใหม่ปลามันที่ปลาจะมีความมันและเอร็ดอร่อยเป็นที่สุด
สกลนครอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 647 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่จังหวัดสกลนครได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง และเครื่องบิน
จังหวัดสกลนคร มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงมากมาย และหลากหลายรูปแบบ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ คือ พระธาตุภูเพ็ก พระธาตุศรีมงคล พระธาตุดุม พระธาตุนารายณ์เจงเวง วัดพระธาตุเชิงชุม ปราสาทบ้านพันนา สะพานขอมหรือสะพานหิน วัดถ้ำขาม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม หรือวัดถ้ำพวง วัดใต้ต้นลาน ภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ผาผักหวาน ภาพรอยสลักผาสามพันปีที่ภูผายล ถ้ำพระพุทธไสยาสน์ พิพิธภัณฑ์อาจารย์วัน อุตตโม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ปู่มเหศักดิ์ พิพิธภัณฑ์ไทยโส้ พิพิธภัณฑ์อาจารย์ฝั้น อาจาโร พิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต ชุมชนคาทอลิคหมู่บ้านท่าแร่
นอกจากนี้ สกลนครยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง ได้แก่ หนองหาน อุทยานแห่งชาติภูพาน อุทยานแห่งชาติภูผายล อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ภูอ่างศอ เขื่อนน้ำพุง เขื่อนน้ำอูน พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ และสถานแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืด รวมทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตและภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ น่าสนใจ เช่น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดสกลนคร และศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม
สกลนคร เป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยสีสันหลากหลาย ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี และแหล่งธรรมชาติ อีกทั้งผู้คนในท้องถิ่นยังคงรักษาขนบธรรมเนียม และประเพณีดั้งเดิมอันงดงามไว้ได้อย่างเข้มแข็ง ตลอดทั้งปีจึงมีการจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลอง และงานประเพณีที่สำคัญ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศหลายงาน โดยมีงานเด่นดังประจำปีที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด คือ งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง งานประเพณีแข่งเรือ งานเที่ยวหนองหาน งานเทศกาลโส้รำลึก งานเซิ้งผีโขน เทศกาลแห่ดาว เป็นต้น
[ เรื่องที่เกี่ยวข้อง เว็บไซต์จังหวัดสกลนคร | แผนที่จังหวัดสกลนคร | เอกสารการท่องเที่ยว ]
รายการ FoodWork ตอน "3 ดำแห่งภูพาน" จากสถานี ThaiPBS
ไปชมภาพเก่าเล่าเรื่องอดีต "เมืองสกลนคร"
นอกจากรายละเอียดในแต่ละจังหวัดแล้ว ภาคอีสานยังมีสาระความรู้มากมายทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ ชนเผ่าไทยในอีสาน ศิลปวัฒนธรรมอันรุ่งเรือง และอื่นๆ อีกมาก หาความรู้เพิ่มเติมได้จากเนื้อหาที่เกี่ยวข้องด้านล่างนี้
รู้จักภาคอีสานของไทย | ชาติพันธุ์เผ่าไทยในอีสาน | ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสาน | ขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)