คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
ก้านตอง ทุ่งเงิน นักร้องเพลงลูกทุ่งหญิงชาวไทย สังกัดค่าย แกรมมี่โกลด์ ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เป็นน้องสาวแท้ๆ ของ ดอกอ้อ ทุ่งทอง เป็นนักร้องลูกทุ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังในปัจจุบันจากผลงานเพลง น้องย่านลิฟต์หนีบ, ลบเบอร์ก็ลืมเธอไม่ได้, ไปถอนคำสาบาน, ทนพิษบาดแผลไม่ไหว, อ้ายเขี่ยน้องถิ่ม, เกิดมาเพื่อฮักอ้าย ฯลฯ
ก้านตอง ทุ่งเงิน มีชื่อจริง วิยะดา บุญมี บ้านเกิดอยู่ที่บ้านโนนค้อ ตำบลโนนค้อ อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี เป็นบุตรของนายสง่า บุญมี (เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2546) และนางสำราญ บุญมี มีพี่น้อง 5 คน เป็นคนสุดท้อง คนที่ 5 ของครอบครัว มีพี่สาว 1 คน พี่ชาย 3 คน
ก้านตอง ทุ่งเงิน มีผลงานอัลบั้มคู่ ร่วมกับพี่สาวที่เป็นนักร้องค่ายเดียวกัน คือ ดอกอ้อ ทุ่งทอง สังกัดค่าย แกรมมี่โกลด์ ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อีกด้วย
ก้านตอง ทุ่งเงิน มีผลงานอัลบั้มเดี่ยว ชุด แค่มาถามข่าว โดยใช้ชื่อนักร้องขณะนั้นว่า พิม พิยะดา สังกัดค่ายเพลง ลาวัลย์เอนเตอร์เทนเมนต์ ก่อนจะย้ายมาเข้าสู่สังกัดค่ายใหม่ แกรมมี่โกลด์ โดยมีผลงานเพลงคู่ร่วมกับพี่สาวที่เป็นนักร้องด้วยกัน คือ ดอกอ้อ ทุ่งทอง ในอัลบั้มพิเศษ เอื้อย-น้อง-ร้องลำ สังกัดค่าย แกรมมี่โกลด์ ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อีกด้วย
ล่าสุดปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ในเพลง บ่ฮักกะให้หลูโตน นอกจากเพลงใหม่แล้ว ลุคปัจจุบันของเธอต้องบอกว่า ใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ และสไตล์การแต่งตัว ลบภาพสาวลูกทุ่งบ้านนาไปซะหมดสิ้น งามกว่าเก่าหลายเนาะนางเอย
บ่ฮักกะให้หลูโตน - ก้านตอง ทุ่งเงิน
"นอกจากร้องเพลงแล้ว ช่วงหน้าฝนนี้ก็จะไปเรียนต่อต่างประเทศ มีวีซ่าสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ตอนไปทำงานอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าจะไปเรียนภาษาเพิ่ม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับตนเอง ความรู้นั้นสำคัญ อายุมากๆ ร้องเพลงไม่ได้ จะได้ไปทำมาหากินอย่างอื่นได้ อยากทำบริษัททัวร์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย สร้างรายได้เข้าประเทศ ซึ่งภาษาคือสิ่งสำคัญที่ต้องใช้ในการสื่อสาร กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะไปเรียนที่ไหนระหว่างที่ระหว่างรัฐโอเรกอน และรัฐแคลิฟอร์เนีย เรียนภาษาไปด้วยทำงานไปด้วย เรียนวันจันทร์ถึงวัยพฤหัส วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์มีงานร้องเพลงก็ไปร้อง ไม่มีงานร้องเพลงก็ไปเสิร์ฟอาหารล้างจาน เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำงานอื่นเลยนอกจากร้องเพลง ทางต้นสังกัดก็ไม่ได้ว่าอะไร เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะเราทำงานเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และช่วงหน้าฝนงานในเมืองไทยมีน้อย เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด วีซ่ายังเหลือถ้าไม่ไปช่วงนี้ก็เสียดาย" ก้านตอง ทุ่งเงิน บอกกล่าวไว้เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2561
ติดตามข่าวของน้องก้านตอง ทุ่งเงิน ได้ทาง Facebook : ก้านตอง ทุ่งเงิน
ปริศนา วงศ์ศิริ คอบันเทิงรุ่นใหม่ๆ ในยุคเจนวาย หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับชื่อนี้ แต่ถ้าถามคอบันเทิงรุ่นย้อนหลังกลับไปสักราวๆ 20-30 ปีก่อน ไม่มีใครไม่รู้จักเธอคนนี้ นักร้อง หมอลำ และนักแสดงละครโทรทัศน์ ประเภทจักร์ๆ วงศ์ๆ ทางช่อง 7 สี แสดงภาพยนตร์ชื่อดังก็หลายเรื่อง
“ตอนที่ยังดังสมัยที่มีชื่อเสียงมากๆ ประมาณ 7 ปี ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน เพราะไม่ได้อยู่บ้านหรือได้ไปเดินเที่ยวเล่นเหมือนกับคนอื่นเขาเลย เพราะต้องเดินทางไปทำงาน ทั้งงานหนัง งานละคร งานเพลง เดือนนึงได้นอนบนเตียงถึง 2 คืนหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กองถ่ายตลอด อย่างตอนที่เล่นเรื่อง "แก้วหน้าม้า" ก็ถ่ายกัน 2 ปี "แม่นาค" 1 ปี เรียกว่าไม่มีโอกาสสัมผัสชีวิตนอกกองถ่ายเลย แต่ก็มีคนมาบอกนะว่า ตอนนี้เธอดังมากรู้ไหม ก็งงๆ จนตอนที่ไปโชว์ตัว ตกใจเลย ไม่คิดว่าจะมีคนมารอดูเรามากถึงขนาดนี้” ...เป็นเสียงจากคุณไก่ (ปฤศนา หรือ ปฤษณา หรือปริศนา วงศ์ศิริ) ในวัยอาวุโสวันนี้ ที่พูดถึงช่วงเวลาในอดีต
เธอเล่าย้อนถึงอดีต ก่อนเข้าสู่วงการบันเทิงให้ฟังว่า... "ตอนอายุ 19 ปี ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนเสริมสวยที่ โรงเรียนเสริมสวยเกศสยาม ต่อมา คุณสมชาย จันทวังโส มาเจอะกับเธอเข้า จึงชักชวนไปเป็นนางแบบเพื่อถ่ายภาพลงปกหนังสือ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีกระแสตอบรับที่ดีมาก ทำให้นับจากนั้นก็มีหนังสือติดต่อเข้ามาให้ไปถ่ายแบบตลอด... เรียกว่า ณ นาทีนั้น ไม่มีเล่มไหนที่ ไก่-ปริศนา ไม่เคยขึ้นปก จนมาในปี 2520 ก็มีโอกาสได้แสดงละครเรื่องแรกที่ช่อง 7 คือเรื่อง “ขุนแผนผจญภัย” จนลีลานักแสดงไปเข้าตาของ คุณไพรัช สังวริบุตร จึงเรียกให้ไปรับบท “นางเอก” เป็นครั้งแรกในชีวิต กับละครเรื่อง “แก้วหน้าม้า”
และจากเรื่อง "แก้วหน้าม้า" นี่เองที่ยิ่งส่งให้ชื่อเธอโด่งดังเป็นพลุแตก ทำให้มีงานแสดงต่อเนื่อง และเริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ซึ่งขณะนั้นยังถ่ายทำด้วยฟิล์มขนาด 16 มม. กับบทที่ทำให้ชื่อของเธอก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าในวงการนี้ กับหนังเรื่อง “แม่นาคพระโขนง” ที่เล่นคู่กับ ชานนท์ มณีฉาย ตามด้วย จุฬาตรีคูณ, โก๋บ้านนอกกี๋บางกอก, หยาดพิรุณ, ตึ่งนั้ง, แข่งรถแข่งรัก ฯลฯ
ถึงบรรทัดนี้ เธอบอกว่า... แม้จะโด่งดัง แต่ยืนยันว่าไม่เคยลืมตัว ไม่หลงตัวเอง เพราะคิดว่างานแสดงก็เป็นอาชีพหนึ่ง เธอก็ยังใช้ชีวิตปกติธรรมดาเหมือนคนอื่นๆ และแม้จะดังสุดๆ แต่ก็ไม่ทิ้ง “อาชีพเสริมสวย” ที่ชอบ โดยเธอเล่าว่า... คุณแม่เกศสยาม (ยุพา นพวิชัย) ได้เมตตาให้เธอได้เรียนฟรีตลอดชีวิต เพราะเธอรับบทเป็น "นางแบบทรงผม” ทุกสไตล์ให้กับเกศสยาม ถ่ายภาพลงนิตยสารแฟชั่นต่างๆ ในสมัยนั้น
ปริศนา หรือ ปฤษณา หรือ ปฤศนา วงศ์ศิริ มีชื่อเล่น ไก่ เป็นนักร้องหมอลำและนักแสดงชื่อดัง เกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2501 ที่จังหวัดสกลนคร เคยได้ตำแหน่ง นางงามท้องถิ่น และ รองนางสาวไทยจักรวาล ปีพุทธศักราช 2520 มาก่อน
เธอบอกอีกว่า... สมัยอยู่สกลนคร เคยได้ตำแหน่งนางงามท้องถิ่น แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เป็นดารา เพราะจริงๆ อยากเป็น “นักร้อง” มากกว่า แต่ก็นั่นแหละ...บางทีชีวิตก็กำหนดไม่ได้ ซึ่งหลังจากโด่งดังในวงการแสดง สุดท้ายเธอก็ได้เป็นนักร้องสมใจในปี 2527
คนที่ช่วยสานฝันให้เป็นจริง คือ ครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุขา หลังไปวิงวอนว่า... "ไก่อยากเป็นนักร้อง ไก่ชอบเพลงที่ครูแต่งมาก" สมัยนั้นห้างแผ่นเสียงอยู่แถวๆ สะพานเหล็ก ครูก็จะพาขึ้นรถเมล์ไปต่อรถแท็กซี่ เพื่อไปบันทึกแผ่นเสียงชุดแรก ผลงานออกแล้วก็ยังไม่รู้ว่าดังขนาดไหน จนวันหนึ่งกำลังถ่ายหนังแม่นาคพระโขนง หลังข่าวจบสองทุ่มทางสถานีก็เปิดเพลง ปริศนาลำเพลิน ถึงรู้ว่า... มีคนฟังเยอะ... เป็นอีกฉากชีวิตของเธอจากนางเอกดัง ก็กลายมาเป็นนักร้อง ซึ่งเพลงแรกๆ ที่ดัง คือเพลง “สาวนาหารัก” โดยขณะนั้นยังไม่มีวงดนตรีของตัวเอง แต่ส่วนใหญ่จะรับเชิญไปแสดงร่วมกับวงของนักร้องชาย อาทิ สายัณห์ สัญญา, เพลิน พรหมแดน, ศรชัย เมฆวิเชียร, ยอดรัก สลักใจ, จีระพันธ์ วีระพงษ์ ฯลฯ
สาวนาหารัก โดย ปริศนา วงศ์ศิริ
หลังจากนั้น เธอก็ได้หยุดพักการแสดงไประยะหนึ่งเพราะไปแต่งงาน ซึ่งการแต่งงานของ “ไก่-ปริศนา” ก็กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในยุคนั้น เพราะเป็นนักแสดงที่กล้าประกาศตัวว่า "จะแต่งงาน" อย่างเปิดเผย แต่สุดท้ายรักครั้งนั้นก็ล่ม “อาชีพนี้ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ก็เกิดปัญหาครอบครัว มีปากมีเสียงกัน สามีโทรฯ ตามบอกว่าลูกป่วย ขณะที่ติดงานถ่ายอยู่ที่หาดใหญ่ ก็ทิ้งมาไม่ได้ เขาก็เสียความรู้สึก ไม่พอใจ อยากให้เราอยู่บ้าน แต่เรารับงานไว้ก็ต้องรับผิดชอบ ชีวิตจึงสวนทางกันตลอด ที่สุดก็ต้องเลิกรากัน แต่ก็ไม่โทษกัน ถือว่าพรหมลิขิตขีดชีวิตเราไว้ให้เป็นเช่นนี้”
ช่วงนั้นมีเพลง "ไก่จ๋า" ของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง สายัณห์ สัญญา ซึ่งแต่งโดย "พระเอกครูบ้านนอก" ปิยะ ตระกูลราษฎร์ เนื้อร้องก็กล่าวกันว่า เป็นการรำพึงรำพันถึงความรักและความเสียใจให้แก่คนรัก ที่มีชื่อเล่นว่า ไก่ ซึ่งหลายคนก็เข้าใจกันดีว่า "ไก่" ที่ว่านี้ก็คือ ปริศนา วงศ์ศิริ คนนี้นี่เอง
ไก่จ๋า โดย สายัณห์ สัญญา
คุณปริศนากล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับใครมาก่อน แต่อยากจะบอกว่า ที่ต้องตัดสินใจแต่งงานเร็วแบบสายฟ้าแลบ เพราะต้องการหนีความจำเจตรงนี้ ในเมื่อเขา (หมายถึงปิยะ ตระกูลราษฎร์์) มีครอบครัวแล้ว มีลูก 3 คน โดยไม่มีใครรู้ ด้วยความกลัวว่าเขาจะเสียหายเพราะเขากำลังมีชื่อเสียง
จนถึงวันนี้ คุณสายัณห์ผู้ถ่ายทอดผลงานเพลงนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว คุณปริศนาเป็นบุคคลที่ 3 ที่ถูกกล่าวถึง ก็ต้องพูดความจริง เธอกล่าวว่า "ครั้งแรกที่ได้ยิน รู้สึกตกใจแต่ไม่โกรธ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็ยังถ่ายหนังด้วยกัน เรื่องที่ผ่านมามันเป็นไปไม่ได้ และมันก็จางไปหมดแล้ว"
หลังจากห่างหายจากวงการ เพื่อไปทำหน้าที่ดูแลครอบครัว เธอเป็น “ซิงเกิ้ล มัม” ยุคแรกๆ เพราะเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอดระยะเวลา 10 กว่าปี โดยมีลูกสาว 1 คน ชื่อ น.ส.จารุพรรณ วัฒนางกูร อายุ 32 ปี ขณะนี้ทำงานเป็นแอร์โฮสเตสอยู่ที่ การบินไทย และลูกชาย 1 คน ชื่อ คามิน แอนโทนี เบิร์ด อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นทหารเรือ ประจำการในกองทัพสหรัฐ เธอบอกว่า...
“ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะมีวันนี้เลือดตาแทบกระเด็น ต้องอดทนจริงๆ ตอนอยู่กับลูกคนเล็กที่สหรัฐอเมริกา ลูกไปเรียนหนังสือ ก็อาศัยทำงานเล็กๆ น้อยๆ ทำอาหารไทยขนมไทยไปขาย เพราะฝรั่งชอบกินมาก บางทีก็รับทำอาหารกล่อง เช่น ข้าวผัด ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นนักเรียนไทยและคนไทย แต่ถ้ามีเทศกาลก็มักจะมีออร์เดอร์เมนู อย่างต้มยำ ผัดกะเพรา ผัดเปรี้ยวหวาน ผัดผัก ปลาราดพริก ไก่สะเต๊ะ หมูสะเต๊ะ เป็นต้น ก็โอเคดี อยู่แบบนั้นมา 10 กว่าปี ไม่คิดเรื่องจะมีคู่อีกเลย”
ความล้มเหลวจากชีวิตคู่ ทำเธอเข็ดเขี้ยวที่สุด แต่พรหมลิขิตก็ขีดเส้นไว้อีกนั่นแหละ จะยังไงเธอก็ต้องมีคู่ชีวิต จุดเริ่มต้น “รักครั้งใหม่...กับคนที่ใช่” เริ่มขึ้นในช่วงปี 2554 ที่มีเหตุให้ต้องบินกลับเมืองไทย เพราะคุณพ่อเสียชีวิต แถมต้องมาเจอกับมหาอุทกภัยถล่มให้อีก ซึ่งปีนั้นเธอยอมรับว่า... รู้สึกว่าชีวิตมืดไปหมด
“พ่อตาย เจอน้ำท่วม แถมลูกชายก็ป่วย และต้องเข้าผ่าตัดที่เยอรมนี จะไปเยี่ยมลูกก็ไปไม่ได้ ซ้ำร้ายยังถูกโจรขึ้นบ้านอีก ที่สำคัญนอกจากโจรจะต้องการทรัพย์สิน มันยังจ้องจะข่มขืนเราอีก แต่เพราะมีสติจึงเอาตัวรอดมาได้ โทรศัพท์ไปเล่าให้ลูกฟัง ลูกก็ตกใจ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ช่วงนั้นสมองตื้อไปหมด นึกถึงใครไม่ออก นอกจากท่านชาญชัย ชัยรุ่งเรือง เพราะรู้จักกับท่านมานานกว่า 30 ปี เคยไปช่วยหาเสียงให้ท่าน ก็เล่าให้ท่านฟัง ท่านก็ส่งให้เลขาฯ ส่วนตัวท่านมาช่วยดูแล” ...นี่เป็นจุดเริ่มต้น “ชีวิตคู่” อีกครั้ง ซึ่งเลขาฯ ส่วนตัวที่คุณชาญชัยส่งมาให้ดูแลนั้น ต่อมาได้กลายเป็น “คู่ชีวิต” คนปัจจุบัน คือ คุณสุจินต์ พิทักษ์ โดยเธอเล่าว่า... ได้ทำงานที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ด้วยความกรุณาจาก ผศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล และคุณชาญชัย ทำได้ 5-6 เดือน ก็แต่งงานกับคุณสุจินต์ ซึ่งเธอบอกว่า...คนนี้คือคนที่ใช่ แต่เมื่อมาใช้ชีวิตคู่ก็ต้องปรับนิสัยด้วยกันทั้งคู่ ต่างคนต่างช่วยกันปรับ สิ่งไหนที่ไปกันไม่ได้ก็ลองลดลง
ทั้งนี้ เธอบอกว่า... “จริง ๆ ก่อนพบคุณสุจินต์ก็มีผู้ชายที่คบหาอยู่คนหนึ่ง เป็นพ่อม่ายอายุเกือบ 70 ปีแล้ว แต่เธอรู้สึกน้อยใจเพราะช่วงที่น้ำท่วม โจรขึ้นบ้าน แม้ผู้ชายคนนั้นจะให้กำลังใจ แต่ไม่ได้มาอยู่เป็นเพื่อน ขณะที่คุณสุจินต์เข้ามาดูแลทุกอย่าง คอยเป็นห่วงเป็นใย จนทำให้รู้สึกดีกับคุณสุจินต์ จนที่สุดก็ได้ตัดสินใจ...แต่งงานอีกครั้ง”
ปัจจุบันคุณสุจินต์ดำรงตำแหน่ง ผู้พิพากษาสมทบ ศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดสมุทรสาคร และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มเซรามิก ตอนนี้เธอก็ช่วยทำธุรกิจเซรามิกหรือเบญจรงค์ของครอบครัวคุณสุจินต์ ซึ่งกำลังไปได้ดี
“ตอนจะแต่งงาน ตัดสินใจแล้ว แต่เอาเข้าจริง ๆ กว่าจะได้แต่งงานกันก็ไม่ง่าย เพราะคุณสุจินต์มีลูกชาย2 คน ซึ่งรักและหวงคุณพ่อมาก เราต้องผ่านด่านลูกชาย ลูกสะใภ้ รวมถึงหลานของเขาก่อน ส่วนลูกๆ เราไม่คัดค้านอะไร เพราะเห็นแม่ลำบากมาเยอะ คิดว่าแม่คงดูคนออก ลูกชายอวยพรว่า ขอให้แม่พบคนที่ใช่ พบคนที่รักแม่จริงๆ เสียที เขาไม่ต้องการเห็นน้ำตาแม่อีก” ...ไก่-ปริศนา เล่าไว้
“ชีวิต” บางทีก็มีอะไรที่มองไม่เห็น “ลิขิตไว้” ให้เดิน อย่างเช่นชีวิตของเธอคนนี้ ที่จากเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนเสริมสวยในกรุงเทพฯ หวังเพียงมีอาชีพ ก็พลิกผันกลายเป็น “นางแบบขึ้นปกนิตยสาร” และกลายเป็น “นางเอกละคร-นางเอกหนัง” ดังทะลุฟ้า ก่อนจะได้เป็น “นักร้องหมอลำ” สมใจในที่สุด แต่กระนั้น...ชีวิตคนเราไม่ได้มีแต่มุมดี หากแต่ยังมีมุมร้ายๆ ด้วย ก็อยู่ที่ว่า...ถ้าใครสามารถผ่านบททดสอบร้ายๆ ได้ ก็เตรียมพบกับแสงสว่างที่ปลายทางได้เลย...
ฝันอีกอย่างของ “ไก่-ปริศนา วงศ์ศิริ” คือการทำ “เพลงธรรมะ” ความคิดนี้เธอบอกว่า... เกิดจาก คุณครูพงษ์ศักดิ์ จันทรุขา นักแต่งเพลง-ผู้กำกับภาพยนตร์ วัย 79 ปี ที่ป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ ซึ่งเธอรู้สึกสงสารและพยายามหาวิธีช่วยเหลือ โดยระหว่างรื้อของก็เจอเพลงธรรมะของครูเพลงท่านนี้ จึงนำมาเปิดฟัง ปรากฏว่าเป็นเพลงธรรมะที่เพราะมาก จึงโทรศัพท์สอบถามครูเพลงท่านนี้ว่า... มีเพลงธรรมะที่เป็น “ธรรมคีตะ” เก็บไว้อีกไหม จะนำมาทำอัลบั้ม เพื่อหารายได้มอบให้ครู ซึ่งก็ได้มา 50 เพลง โดยเธอระบุถึงเหตุการณ์นี้ว่า... “เป็นเหมือนปาฏิหาริย์ เหมือนฟ้าเปิดทางช่วย”
หลังจากนั้นก็ตัดสินใจว่า... จะทำเพลงธรรมะนี้จำหน่ายตามวัดทั่วประเทศ ซึ่งก็เพื่อส่งเสริมเพลงประเภทนี้ด้วย ให้คนซึมซาบกับรสพระธรรม โดยเพลงในอัลบั้มดังกล่าวประกอบด้วย แม่ผู้รอคอย, ลูกกองขยะ, ใกล้รุ่งสนธยา, พระแก้ว-พระทอง, พ่อ, เปลือกชีวิต, เทศนากัณฑ์สุดท้าย โดยนอกจากรายได้จากการจำหน่ายเพลงดังกล่าว จะมอบให้ครูพงษ์ศักดิ์เก็บไว้เพื่อรักษาตัว ก็ยังจะนำส่วนหนึ่งเพื่อไปเป็นทุนในการก่อสร้าง “ลานบ้านลานธรรม” ของครูที่อุบลราชธานีด้วย
“หลังปีใหม่ก็จะสานฝันตรงนี้ให้ได้ ส่วนเพลงธรรมะได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติหลายท่านมาร่วมขับร้อง อาทิ อาจารย์ชินกร ไกรลาศ อาจารย์ชัยชนะ บุญนะโชติ อาจารย์วินัย พันธุรักษ์ คุณชรัมภ์ เทพชัย คุณอุมาพร บัวพึ่ง คุณกิตติมาพร ดวงใจ คุณบ่วย ว.วัชญาน์ คุณธงชัย ประสงค์สันติ ก็หวังว่า... คนที่ได้ฟังจะปลื้มปีติ เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้า การทำบุญแบบนี้ ไม่ต้องรอผลบุญชาติหน้า ทำแล้วได้เลยโดยไม่ต้องรอ เพราะแค่เห็นคนได้ยิ้ม เห็นคนไม่ทุกข์ ก็ได้บุญแล้ว คือบุญจากสุขที่ได้ทำ และบุญจากรอยยิ้มที่ผู้คนมอบให้” ...ไก่-ปริศนา กล่าว....
เทศน์กัณฐ์สุดท้าย โดย ปริศนา วงศ์ศิริ
ปัจจุบัน ปริศนา วงศ์ศิริ มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มีบ้านพักอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี แฟนๆ ที่คิดถึงเธอสามารถพบเธอได้ในรายการ "ไมค์ทองคำหมอลำฝังเพชร" ทางช่อง Workpoint 23 ที่เธอมารับหน้าที่เป็น 1 ใน 3 กรรมการรวมกับ ครูสลา คุณวุฒิ อิ๊ด โปงลางสะออน โดยทำหน้าที่แทน หมอลำบานเย็น รากแก่น
รายการ คิดถึงเสมอ ทาง ช่องไทยทีวี
นกน้อย อุไรพร หรือ นางอุไร สีหะวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2500 ที่บ้านจอม ตำบลยางชุมน้อย อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ เป็นบุตรของนายสม และนางผัน สีหะวงศ์ จบการศึกษาภาคบังคับ ป.4 ด้วยคะแนนเป็นที่หนึ่งของชั้น คุณครูประจำชั้นมาหานายสมนางผันถึงบ้าน แล้วแนะนำว่า พ่อแม่น่าจะส่งอุไรให้ได้เรียนต่อในชั้นที่สูงขึ้น เพราะเด็กคนนี้มีแววจะไปได้ดี อ่านชัด เขียนคล่อง กล้าแสดงออก แต่คุณครูก็ต้องหอบความปรารถนาดีกลับไป เมื่อนายสมกับนางผันบอกว่า "ไม่มีปัญญา ทุกวันนี้ก็ทำไร่ทำนาหากินไปวันๆ จะเอาเงินทองที่ไหนส่งเสียเมื่อเรียนสูงยิ่งขึ้นไป" และที่สำคัญ อุไรเป็นเด็กผู้หญิง จะไปอยู่ต่างถิ่นต่างแดนอย่างไรได้ ญาติพี่น้องในเมืองก็ไม่มีซักคน
เป็นศิลปินลูกทุ่งหมอลำ นกน้อยเริ่มต้นการเข้าสู่วงการบันเทิง โดยเข้าประกวดร้องเพลงที่สถานีวิทยุ จนเธอกวาดรางวัลชนะเลิศมาทุกเวที ด้วยคะแนนที่เป็นเอกฉันท์ปราศจากข้อกังขา และได้เข้ามาอยู่ในวงการดนตรีกับ วงดนตรีเพชรพิณทอง ของพ่อนพดล ดวงพร ในตำแหน่งหางเครื่อง และได้เป็นนักร้องของวงในเวลาต่อมา
ซึ่งเพลงที่ได้รับการบันทึกเสียงคือ "นกจ๋า" ได้รับความนิยมสูงสุด เจ้าของวง "พ่อนพดล ดวงพร" ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น "นกน้อย อุไรพร" ซึ่งที่มาของชื่อนั้นได้มาจากการนำเอาเพลง "นกจ๋า" มาเป็นเหมือนตัวแทนก็คือ "นกน้อย" และเอาชื่อจริงคือ "อุไร" มาบวกกับคำสุดท้ายของนามสกุลของนพดล คือคำว่า "พร" มารวมกันจนกลายเป็น "นกน้อย อุไรพร" นั่นเอง
เมื่อปี พุทธศักราช 2518 ย้ายมาสังกัด "บ้านพักทัมใจ" โดย อาวทิดหลอด "มัยกิจ ฉิมหลวง" นักจัดรายการทางสถานีวิทยุชื่อดังในจังหวัดอุดรธานี และได้แต่งงานกันในที่สุด
หลังจากนั้นก็ตั้งวงดนตรี "นกน้อย อุไรพร" แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมและขาดทุน เนื่องจากไม่มีการแสดงหมอลำเรื่องต่อกลอน ซึ่งเป็นการนำนิทานพื้นบ้าน หรือเรื่องเล่ามาเล่นกันเป็นเรื่องราว แล้วแทรกการร้องเพลงไว้ด้วย จึงเป็นจุดด้อยที่ทำให้ไม่มีใครว่าจ้าง
หลังจากพักวงไปได้ไม่นาน จึงปรับการแสดงและการจัดวงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ภายใต้ชื่อวง "เสียงอิสาน" หลังจากเริ่มวงครั้งใหม่ 10 ปีต่อมา เป็นระยะเวลาที่บ่มเพาะประสบการณ์ของวง ทำให้เป็นที่นิยมกันมากในแถบถาคอีสาน จนมีงานจ้างทั่วประเทศตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยจุดเด่นใหญ่ที่ทำให้ผู้ชมติดตามและสนใจนั่นคือ "ตลกหน้าเวที" พร้อมนักแสดงนับ 500 ชีวิต และการแสดงที่หลากหลายทั้งดนตรีลูกทุ่ง ตลกหน้าเวที การแสดงหมอลำเรื่องต่อกลอน และชุดการแสดงที่อลังการบนเวทีขนาดใหญ่
เรื่องราวที่เข้ากันได้อย่างลงตัว หลังจากยกเครื่องปรับปรุงทีมงานการแสดงได้ไม่นานนัก วงดนตรีลูกทุ่งหมอลำคณะ "เสียงอิสาน" ก็ได้รับการกล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวางเป็นไฟลามทุ่ง การจับจองคิวการแสดงต้องจองกันข้ามปีเลยทีเดียว
การแสดงทั้งหมดนำทีมโดย นกน้อย อุไรพร และลูกวงที่สำคัญอย่าง ลูกแพร-ไหมไทย อุไรพร, ปอยฝ้าย มาลัยพร, คำมอส พรขุนเดช, น้องแป้ง ณัฐธิดา, ดาวทอง, ดาวน้อย, ดาวตลก, ดาวรุ่ง และอีกมากมายที่มาสลับปรับเปลี่ยนทีมงานตามกาลเวลา
เมื่อร้องลำจนเก่งแล้ว นกน้อย อุไรพร จึงลองหัดแต่งกลอนลำ ร้องเอง ต่อมาก็แต่งให้นักแสดงในวงนำไปร้อง ลำเรื่องต่อกลอนของคณะเสียงอิสาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ฮอยปานดำ, ฮอยปูนแดง, วงเวียนชีวิต และอีกหลายๆ เรื่อง ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของ นกน้อย อุไรพร
ชื่อเสียงของคณะเสียงอิสานเริ่มขยายวงกว้างเป็นไฟลามทุ่ง ด้วยทีมงานที่ยิ่งใหญ่ ขบวนคอนวอย (รถบัสแะรถบรรทุกที่ขนส่งนักร้อง เวทีการแสดง ระบบไฟแสง-เสียง) ที่ยาวเหยียด เวทีขนาดใหญ่หลายชั้น ประดับด้วยไฟแสงสีเสียงตระการตา พร้อมทั้งการแสดงอันตื่นตาตื่นใจ และรูปแบบของเวทีขนาดใหญ่ แบบใหม่โดยใช้รถ 6 ล้อ 2 คันกางปีกออก แล้วก็จัดยกสเต็ป(ชั้น)ใช้ระบบไฮดรอดริกส์ ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง และรูปแบบการแสดงใหม่ๆ ของลูกวงนับร้อยชีวิต ชุดประกอบการแสดงเป็นคันรถขนาดใหญ่
ปัจจุบัน นกน้อย อุไรพร ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ราชินีหมอลำในยุคปัจจุบัน" อีกคนหนึ่ง
นกจ๋า - นกน้อย อุไรพร
ศิลปินมรดกอีสาน : นางอุไร ฉิมหลวง (นกน้อย อุไรพร)
สาขาศิลปะการแสดง ประเภทหมอลำเรื่องต่อกลอน ประจำปีพุทธศักราช 2561
พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย มีชื่อจริงว่า นางดารินทร์ ชุมมุง เกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503 ที่บ้านหนองยาง ตำบลหนองหมื่นถ่าน อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านหนองยาง บ้านเกิด
พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย เริ่มฉายแววความเป็นศิลปินมาแต่ครั้งวัยเด็ก โดยเริ่มศึกษาศิลปะการลำจากบิดา - มารดา ซึ่งมีอาชีพเป็นหมอลำ เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ผู้เป็นบิดาและมารดาก็ประสงค์จะให้ลูกสาวได้ยึดเอาอาชีพหมอลำเช่นเดียวกับพ่อแม่ เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นอาชีพที่ดี แต่ในช่วงเวลานั้นวงการเพลงลูกทุ่งกำลังได้รับความนิยม เธอจึงตัดสินใจเลือกไต่เต้าเข้าวงการผ่านการประกวดขับร้องเพลงลูกทุ่ง โดยใช้แนวเสียงของ "ผ่องศรี วรนุช" ราชินีลูกทุ่ง จนได้รับรางวัลชนะเลิศ
นับเป็นก้าวสำคัญ แต่ด้วยพื้นฐานการเป็นหมอลำมาก่อน เมื่อเธอเติบโตขึ้นจึงเข้าร่วมแสดงกับ คณะหมอลำบุญสัญญาลักษณ์ ก่อนจะมาตั้งคณะหมอลำของตนเองในนาม "ขวัญสมัยยุคลำเพลิน" และได้บันทึกเสียงครั้งแรกภายใต้การสนับสนุนของ ชินชัย ธรรมพิลา จากผลงานกลอนลำชุด สาวอีสานพลาญชัย, ลำเพลินปีใหม่, ลำเพลินเต็มใจรัก ซึ่งเป็นผลงานการประพันธ์ของ อาจารย์คำเกิ่ง ทองจันทร์ ซึ่งเป็นครูผู้ผลักดันให้เธอได้เข้าสู่วงการหมอลำอย่างเต็มตัว
หนุ่มยาว สาวสั้น - ดาว บ้านดอน - พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย
ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย ได้มีโอกาสร่วมงานกับศิลปินที่มีชื่อหลายท่าน เช่น ดาว บ้านดอน เทพพร เพชรอุบล ปริศนา วงศ์ศิริ ทองมี มาลัย สลัก ศิลาทอง ฯลฯ การร่วมงานในแต่ละครั้งนันนับว่าประสบผลสำเร็จ และได้รับความนิยมอย่างมาก จนทำให้พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนทุกแขนงให้เป็น "ราชินีหมอลำเพลิน" โดยเฉพาะผลงานอัลบั้มชุด "หนุ่มยาว - สาวสั้น" ที่ขับร้องคู่กับ ดาว บ้านดอน ได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์วงการเพลงว่า มียอดขายกว่า 2 ล้านตลับ และสร้างรายได้กว่า 50 ล้านบาท
พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย มีผลงานที่สร้างชื่อเสียงประกอบด้วย ดอกกุหลาบแดง, หมอลำใจเกินร้อย, อีสานคืนถิ่น, รักข้ามโขง, ลำเดินกลอนขอนแก่น (สลับสามช่า), ลำเพลินรักจริงต้องรอ ฯลฯ เธอได้ผลิตผลงานออกมาในสื่อหลายรูปแบบ เช่น เทป วีดิโอ ซีดี จำนวนกว่า 300 ชุด รวมถึงผลงานการแสดงสดหน้าเวทีที่ประยุกต์และพัฒนาให้มีความทันสมัย นับเป็นศิลินลูกทุ่งหมอลำขวัญใจมหาชนคนอีสาน ที่สร้างสรรค์ผลงานมากว่าสี่ทศวรรษ ซึ่งมีชีวิตโลดแล่นในวงการหมอลำและลูกทุ่งหมอลำ ทั้งในฐานะศิลปิน และยังเป็นอาจารย์สอนการลำให้กับหมอลำอีกมากมาย รวมทั้งศิลปินที่มีชื่ออย่าง ศิริพร อำไพพงษ์ และ จินตหรา พูนลาภ เป็นต้น
ด้วยความสามารถที่โดดเด่นในลีลาการขับร้องเพลงลูกทุ่ง หมอลำตามแบบฉบับของตนเอง นางดารินทร์ ชุมมุง หรือ พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น ศิลปินมรดกอีสาน สาขาศิลปะการแสดง (ขับร้องเพลงลูกทุ่งหมอลำ) ประจำปี พ.ศ. 2556 จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ศิลปินมรดกอีสาน - นางดารินทร์ ชุมมุง (พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย)
ThaiPBS ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร : ราชินีลำเพลิน (พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย)
ติดตาม Facebook : พิมพ์ใจ เพชรพลาญใจ
รายการสารพันลั่นทุ่งบางเขน ตอน หมอลำดังฟังเพลิน
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)