คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ## |
คะลำ เป็นลักษณะความผิด บาป ผิดจารีต ไม่เหมาะ ไม่ควร อาจมีโทษมากหรือน้อย หรือไม่มีโทษ แต่ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม คะลำ จึงเป็นหลักคำสอนที่ปฏิบัติกันมา จนเป็นขนมธรรมเนียมที่มีลักษณะเป็นข้อห้าม
คะลำ หรือ ขะลำ ความหมายตาม พจนานุกรมภาษาถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2537 หน้า 16 ว่าไว้ดังนี้
พจนานุกรมภาษาลาว โดย ดร.ทองคำ อ่อนมะนีสอน หน้า 24 ให้ความหมายไว้ดังนี้ "กะลำ น. สิ่งใดที่เฮ็ดลงไปแล้วบ่ดี บ่งาม เกิดโทษเกิดภัย เกิดเสนียดจัญไรแก่ตนและผู้อื่น โบราณเอิ้น กะลำ คะลำ ขะลำ ก็ว่า" อย่างว่า "หัวโล้นอยากลำ หัวดำอยากเทศน์ คะลำ (พาสิด)"
คำว่า "คะลำ" เป็นภาษาอีสาน ในสารานุกรมภาษาอีสาน-ไทย-อังกฤษ ให้ความหมายว่า "คะลำ น. ผิด บาป กรรม สิ่งใดที่ทำลงไปผิดจารีตประเพณี ผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ ผิดศีลธรรมในทางพระศาสนา จะมีโทษมาก โทษน้อย หรือไม่มีโทษ แต่สังคมรังเกียจ สิ่งนั้นเรียก คะลำ อย่างว่า ของมันผิดอย่าได้กระทำ ของคะลำอย่าได้ไปต้อง ของพี่น้องอย่าได้ไปซูน (บ.). sin, transgression, taboo." ได้แก่ ไม่ดี ไม่งาม ไม่เหมาะไม่สม เป็นบาปเป็นกรรม ถ้าทำอะไรลงไปผู้เฒ่าผู้แก่ทักท้วงว่า คะลำ คะลำคำนี้เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ ผู้ทำจะไม่กล้าทำต่อไป คำว่า คะลำ จึงถือเป็นประเพณีสืบต่อกันมาจนทุกวันนี้
คะลำ นี้ในสมัยโบราณถ้าใครไม่ปฏิบัติอาจมีโทษมาก หรือน้อย หรือไม่มีโทษ แต่ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม แต่ในปัจจุบัน เมื่อบ้านเมืองมีการพัฒนาทางด้านการศึกษา เทคโนโลยีต่างๆ มากขึ้น การคะลำของชาวอิสานจึงค่อยๆ หายไปกับกาลเวลา เพราะการคะลำบางอย่างก็เป็นสิ่งที่ล้าสมัย เช่น คนอยู่กรรม (อยู่ไฟหลังคลอดลูก) จะไม่ให้กิน เนื้อวัว เนื้อควาย ผัก ผลไม่บางอย่าง จะผิดกรรม ให้กินข้าวบ่ายเกลือ ปลาขาวนาปิ้งเท่านั้น ซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันนั้นได้ทดลองและวิจัยแล้วพบว่า ถ้าร่างกายหลังหลังคลอดไม่กินของเหล่านี้ ก็จะขาดวิตามินบำรุงร่างกาย และไม่มีน้ำนมให้ลูกกินด้วย การคะลำจึงควรเลือกปฏิบัติเป็นอย่างๆ ตามกาละเวลา
ทั้งนี้หากจะแบ่งประเภทของข้อคะลำแล้ว สามารถแบ่งออกกว้างๆ ตามสิ่งที่ได้ไปเกี่ยวข้อง หรือปฏิสัมพันธ์ได้ 3 ลักษณะคือ
ซึ่งการแบ่งลักษณะดังกล่าวนั้น ไม่ได้แยกออกจากกันเป็นอิสรภาพ หากแต่มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกัน ในลักษณะองค์รวมความรู้ของค่านิยม บรรทัดฐาน อุดมการณ์ อันจะครอบคลุมไปทั้งหมดของวิถีการดำเนินชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การเกิด การอยู่ การกิน การนอน การเจ็บป่วย การแต่งงาน การตาย เป็นต้น ซึ่งจะจัดพฤติกรรมความสัมพันธ์ของผู้คนในระดับต่างๆ เพื่อผลที่น่าปรารถนาทั้งต่อระดับบุคคลและสังคม
ข้อคะลำในหมวดนี้ หากจะแบ่งย่อยออกไปเพื่อระบุให้ชัดเจนแล้ว อาจจะสามารถแยกออกไปได้ในส่วนของระดับ หรือประเภทของบุคคลต่างๆ ในสังคม เช่น
ข้อคะลำ ที่สตรีมีครรภ์ไม่ควรประพฤติปฏิบัติในระหว่างช่วงดังกล่าวนั้นมีมากมาย ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ทั้งแม่และเด็ก สามารถที่จะประสบกับสวัสดิภาพของชีวิตให้มากที่สุด ซึ่งในจำนวนข้อคะลำทั้งหมดนั้น ส่วนใหญ่มักจะเน้นหนักไปทางด้านอาหารการกิน (ของแสลง) แบบแผนที่ผู้เป็นว่าที่คุณแม่ควรนำมาประพฤติ ซึ่งหากละเลยแล้วต้อง คะลำ ถือว่าไม่ดี ไม่งามไม่เหมาะสม หนักเข้าจะเป็นบาปกรรม เสื่อมเสียและอาจถึงแก่ชีวิต เป็นต้น
ซึ่งหลายข้อคะลำในบางข้อ หากมองด้วยความรู้มาตรฐาน โดยเฉพาะหลักสุขลักษณะตามหลักโภชนาการแม่และเด็กแล้ว ดูจะเป็นการขัดกันอยู่หลายข้อ แต่เมื่อพิจารณาตามสภาพแวดล้อม และเวลาในช่วงเวลานั้นของสังคมอีสาน ด้วยเงื่อนไข ขีดจำกัดทั้งการแพทย์ วิทยาการรักษาแล้ว ความจำเป็นในสวัสดิภาพของชีวิตและเผ่าพันธุ์ จึงจำเป็นต้องบัญญัติข้อคะลำตามที่บรรพบุรุษแนะนำไว้ จากประสบการณ์ที่เคยประสบอย่างเคร่งครัด เนื่องจากความเคารพนับถือแก่บุคคลที่กำเนิดเกิดก่อนผู้เฒ่าผู้แก่ในสังคมดั้งเดิม ซึ่งข้อคะลำที่นำมาเป็นตัวอย่างประกอบในการพิจารณามีดังนี้
ข้อคะลำในการปฏิบัติ เช่น
ข้อคะลำเรื่องอาหาร เช่น
ตามตำราสุขภาพแผนใหม่ในปัจจุบันนั้น ได้กำหนดอาหารต้องห้ามไว้ 6 ชนิดที่ไม่ควรรับประทานเพราะจะสุงผลต่อการให้นมบุตร คือ อาหารแปรรูป (พวกขนมเค้ก ขนมหวาน ที่ทำจากแป้งสาลี แป้งข้าวโพด นมวัว ถั่วลิสง ซึ่งเด็กบางคนแพ้สารในอาหารเหล่านี้) ผักบางชนิดที่มีแก๊ส เช่น กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ บล็อกโคลี่ (เพราะทำให้เกิดแก๊สในท้องเด็ก ทำให้ท้องอืดได้ง่าย และผักชีจะทำให้ปริมาณน้ำนมมีน้อย) อาหารหมักดอง อาหารรสเผ็ดจัด อาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (ช็อกโกแลตก็อยู่ในกลุ่มนี้) และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แม่ลูกอ่อนหรือผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกใหม่ ยังอยู่ในภาวะที่อาจเป็นอันตรายต่อทั้งชีวิตของผู้เป็นแม่ และทารกที่เพิ่งคลอดได้ ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงยังมีข้อประพฤติ ปฏิบัติ หรือข้อห้าม ข้อคะลำที่ผู้เป็นแม่ลูกอ่อนต้องคะลำอยู่หลายอย่าง
ข้อคะลำในการปฏิบัติ เช่น
ข้อคะลำเรื่องอาหาร ทั้งนี้เชื่อว่าหากรับประทานเข้าไปแล้วจะก่ออันตรายต่อแม่ลูกอ่อน เป็นของแสลง ผิดสำแดง ซึ่งหากพิจารณาตามหลักโภชนาการแล้ว เข้าใจว่าสิ่งของที่คะลำนั้นยากต่อการย่อยเผาผลาญ และอาจมีผลต่อร่างกายที่ยังอ่อนแอของแม่และอาจมีผลต่อลูกได้ ตัวอย่างคะลำ เช่น
ข้อคะลำสำหรับคนเจ็บป่วยนั้น โดยภาพรวมเป็นข้อที่ห้ามปฏิบัติของผู้ป่วยในแต่ละโรค ซึ่งจะบอกกล่าวโดยรวมทั่วไปว่าสิ่งใดควรเว้น ควรไม่กระทำ หลีกเลี่ยงแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้ป่วย ทั้งนี้ขอให้พิจารณาภายใต้เงื่อนไขของสังคมอีสานในอดีต ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ต้องช่วยเหลือดูแลตัวเอง ทั้งนี้ความก้าวหน้าทางการแพทย์ สาธารณสุขที่ยังไม่สามารถย่างกรายเข้ามาในสังคมดังกล่าว และได้สืบทอดปฏิบัติสืบต่อกันมานับหลายร้อยปี จากการสังเกต ลองถูกลองผิด สั่งสมเป็นข้อคะลำที่ควรระลึกไว้ ซึ่งจะขอยกตัวอย่างมาดังนี้
เด็กถือว่าเป็นวัยที่จะต้องเติบใหญ่ เป็นผู้สืบทอดความรู้ รักษาระเบียบแบบแผนของสังคมในอนาคตต่อไป จึงเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องมีการปลูกฝังแบบแผน ความประพฤติในสังคมอีสานโดยผ่านคะลำ ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ และควบคุมพฤติกรรมของเด็ก ให้อยู่ในระเบียบแบบแผนที่พึงปรารถนาของสังคม และเป็นการเพาะกล้าของความคิด ความรู้ ค่านิยม อุดมการณ์ บรรทัดฐานบางอย่างให้แก่คนจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่งด้วย ซึ่งข้อคะลำที่ผู้ใหญ่นำมาใช้กับเด็กรุ่นหลัง มักจะเป็นลักษณะการปราบและปรามพฤติกรรมที่ไม่พึ่งปรารถนา และแสดงถึงผลที่ฝ่าฝืนข้อห้ามข้อคะลำดังกล่าวให้น่ากลัว หรือบางครั้งจะไม่แสดงเหตุผลแต่จะบอกว่าคะลำ ซึ่งนั้นมักจะทำให้เด็ก (ส่วนใหญ่) สยบยอมต่อข้อคะลำเหล่านั้น พร้อมกันนั้นยังเป็นการควบคุมหรือบอกข้อควรปฏิบัติระหว่างผู้ใหญ่ต่อเด็ก และบางข้อยังสามารถใช้กับบุคคลทั่วไปได้ด้วย ทั้งนี้ภายใต้บริบทแวดล้อมในขณะนั้นที่เป็นตัวหล่อหลอมความคิด การรับฟัง เชื่อถือผู้ใหญ่ที่เกิดมาก่อนด้วย ซึ่งตัวอย่างข้อคะลำที่ยกมามีดังนี้
ผู้ที่ร่ำเรียนวิชาความรู้ เช่น ผู้เรียนไสยศาสตร์ หมอยา (หมอยาสมุนไพร หมอยากระดูก หมอยาเป่า) หมอธรรม
ถือว่าเป็นปูชนียบุคคลสำคัญในสังคมอีสานเมื่อครั้งอดีต เนื่องจากเป็นทรัพยากรบุคคลที่จำเป็นต่อวิถีชีวิต ซึ่งจะเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ต่อคนอีสานทุกเพศทุกวัย เนื่องจากในช่วงเวลาวิกฤติของชีวิต เช่น การเกิด การเจ็บป่วย การตาย และงานพิธีกรรมต่างๆ บุคคลดังกล่าวต้องได้รับเชิญมาประกอบพิธีกรรม หรือไม่มักจะเป็นข้อขะลำส่วนตัว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อคุณวิชาที่ตนเรียนมา
ดังนั้นในส่วนของฮีตปฏิบัติของบุคคลดังกล่าว จึงต้องเคร่งครัดเพื่อสร้างความมั่นใจในคุณความดี ความสามารถของตนเอง และสร้างความน่าเชื่อถือศรัทธาแก่ผู้พบเห็น ซึ่งข้อคะลำบางกล่าวอาจจะหาเหตุผลมาชี้แจงได้ชัดเจน ทั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องของศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรมหรือจรรยาบรรณที่ผู้ร่ำเรียนทางด้านนี้ต้องมี เชื่อกันว่าสำหรับผู้ที่เรียนคาถาอาคมหากฝ่าฝืน จะมีอาการผิดครู อาจจะเกิดสิ่งไม่ดีต่อตนเอง เช่น คาถาอาคมเสื่อม เป็นบ้า เป็นผีปอบ เป็นต้น ซึ่งตัวอย่างของข้อคะลำมีดังนี้ เช่น
นอกจากนี้ยังมีข้อคะลำข้อห้ามปฏิบัติของผู้ที่มีวิชาอาคม ที่สอดคล้องกับอาชีพหลักของครอบครัว ซึ่งจะจำเพาะเจาะจงว่าเป็นคะลำอย่างยิ่ง เช่น ผู้มีอาชีพคล้องช้าง ทั้งนี้ข้อคะลำดังกล่าวยังได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นๆ ข้างเคียงด้วย เช่น ภรรยาคู่ชีวิต อีกนัยหนึ่ง อาจจะสอดคล้องกับข้อที่ควรปฏิบัติของผู้เกี่ยวข้อง อาจจะเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ไปคล้องช้าง และเป็นอุบายตักเตือนห้ามปรามผู้ที่อยู่บ้านปฏิบัติตนให้เหมาะสมทั้งกาย วาจา และใจ เพื่อรอคอยผู้ชายที่ออกไปคล้องช้าง และข้อเตือนใจเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ผู้ที่อยู่บ้าน เป็นการป้องกันสวัสดิภาพไปด้วย
ซึ่งข้อคะลำของภรรยาหรือฝ่ายหญิงที่อยู่เรือน นับตั้งแต่ฝ่ายสามี ฝ่ายชายออกเดินทางออกไปทำกิจดังกล่าว คือ
นอกเหนือจากข้อคะลำของประเภทบุคคลข้างต้นดังที่กล่าวไปแล้ว ยังมีข้อคะลำที่ห้ามประพฤติ ปฏิบัติของบุคคลทั่วไปอยู่มากมาย โดยข้อคะลำของบุคคลทั่วไปที่นำตัวอย่างมากล่าวนี้ จะเป็นการบอกโดยรวม อาจจะไม่ใคร่สัมพันธ์กับเวลาหรือสถานที่มากนัก ทั้งนี้จะไม่เจาะจงสถานที่ หรือกำหนดห้วงเวลาที่ชัดเจน บอกเพียงว่าอย่าปฏิบัติเท่านั้น เช่น
นอกจากนี้ยังมีข้อคะลำที่สัมพันธ์กับความเชื่อเรื่องลาง เรื่องโชคชะตาต่างๆ เช่น
ในส่วนของคะลำที่สัมพันธ์กับสถานที่ ทั้งที่เป็นสถานที่ซึ่งคนสร้างขึ้นมา เช่น บ้านเรือน วัด หรือสถานที่ตามธรรมชาติ เช่น แหล่งน้ำ ป่าเขาต่างๆ คนอีสานจะมีข้อคะลำกำกับไว้ เพื่อควบคุมพฤติกรรม ความประพฤติให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานที่นั้นๆ เพื่อความสัมพันธ์ที่พึ่งปรารถนาในการอยู่ร่วมกัน และสวัสดิภาพของบุคคลนั้น ซึ่งข้อคะลำที่นำมาเป็นตัวอย่างประกอบในส่วนนี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น เช่น
ข้อคะลำที่เกี่ยวข้องกับบ้านเรือนนั้นมีมากมาย ตั้งแต่การเริ่มสร้างบ้านขึ้นมา จนถึงข้อปฏิบัติในระหว่างอยู่ที่บ้าน เช่น การเลือกไม้ที่จะสร้างบ้าน ห้ามเลือกไม้ที่มีลักษณะดังนี้ มิเช่นนั้นจะคะลำ เช่น
นอกจากนั้นยังมีข้อคะลำเกี่ยวกับบ้านทั้งการสร้างบ้าน และการอาศัยอยู่ในบ้าน เช่น
คลิกไปดู คะลำ ขะลำ หน้าที่ 2
ภาษาเขมร เรียนรู้ภาษาเพื่อนบ้านใกล้กัน เผื่อไปเที่ยวจะได้พอฟังรู้เรื่อง สื่อสารกันได้บ้าง บอกก่อนว่า ผู้ทำเว็บไซต์นี้ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางภาษาเขมรเลยแม้แต่น้อย แต่สนใจใคร่รู้อยากทราบมากเพราะเคยไปเที่ยมเสียมเรียบ นครวัด นครธม โตนเลสาป มาแล้วใบ้กิน อาศัยไกด์ทัวร์อย่างเดียวเลย วันนี้ได้รับการอนุเคราะห์จาก ครูเหลิม (นายเฉลิมชัย ถึงดี ศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษา สุรินทร์ เขต 3) ส่งคลิปการเรียนรู้ภาษาเขมรวันละคำมาให้เผยแพร่ ขอบคุณอย่างยิ่งครับ
ความตั้งใจของผม(ผู้จัดทำเว็บไซต์นี้)นั้น ต้องการจะเผยแพร่งานอันเป็นศิลปวัฒนธรรมของภาคอีสาน คนอีสานมีการใช้ภาษาถิ่นหลากหลาย ซึ่งก็รวมทั้งภาษาเขมร ลาว ส่วย และภาษาชนเผ่าอื่นๆ อีกมากมาย ค้นหามาได้ก็อยากบันทึกไว้ เพื่อให้เป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการ ต้องขอขอบคุณผู้ที่อนุเคราะห์ส่งเสริมข้อมูลความรู้ต่างๆ ไว้เป็นอย่างยิ่งครับ
ภาษาเขมร (ភាសាខ្មែរ ภาสาแขฺมร) เป็นหนึ่งในภาษาหลักของภาษากลุ่มออสโตรเอเซียติก และได้รับอิทธิพลมาจากภาษาสันสกฤต และภาษาบาลี พอสมควร ซึ่งอิทธิพลเหล่านี้ มาจากอิทธิพลของศาสนาพุทธ และศาสนาฮินดู ต่อวัฒนธรรมของชาวเขมร ในขณะที่อิทธิพลอื่นๆ เช่น จากภาษาไทย และภาษาลาว เป็นผลมาจากการติดต่อกันทางด้านภาษา และความใกล้ชิดกันในทางภูมิศาสตร์
คืนลับฟ้า kernlabfar โดย เจน สายใจ (นักร้องไทย)
จากคลิปวีดิโอด้านบนนี้ คงทำให้ใครหลายคนสนใจอยากเรียนรู้ภาษาเขมรได้บ้าง ด้วยความไพเราะของบทเพลงทั้งเนื้อหาและท่วงทำนอง "คืนลับฟ้า" ในภาคภาษาไทยส่วนมากจะรู้จากการขับร้องของต้นฉบับ คุณเหลือง บริสุทธิ์ และต่อมาก็มีเพลงแก้ที่ขับร้องโดย เจน สายใจ นักร้องสาวชาวสุรินทร์ (ที่ชาวเขมรในอินเทอร์เน็ตทั่วโลกโหวตยกย่องให้เธอเป็น "นักร้องกันตรึมในดวงใจ" ชนะขาด เอื้อน สเรย์มัม นักร้องสาวคนดังชาวเขมรเสียอีก) ที่เอามาให้ชมข้างต้น ที่มีการใส่เนื้อร้องแบบคาราโอเกะให้ได้รับรู้กัน น่าสนใจครับ
ภาษาถิ่น ที่เป็นการพูดจาในประเทศเขมรเอง ก็มีสำเนียงต่างกันอย่างชัดเจนในแต่ละพื้นที่ มีข้อแตกต่างที่สังเกตเห็นได้ระหว่างคนจากเมืองพนมเปญ (เมืองหลวง) และเมืองพระตะบองในชนบท โดยภาษาเขมรจะแบ่งเป็นภาษาถิ่นได้ 5 ถิ่น ได้แก่
ลักษณะของสำเนียงในพนมเปญ คือ การออกเสียงอย่างไม่เคร่งครัด โดยที่บางส่วนของคำจะนำมารวมกัน หรือตัดออกไปเลย เช่น "พนมเปญ" จะกลายเป็น "มเปญ" อีกลักษณะหนึ่งของสำเนียงในพนมเปญ ปรากฏในคำที่มีเสียง r/ร เป็นพยัญชนะที่ 2 ในพยางค์แรก กล่าวคือ จะไม่ออกเสียง r/ร ออกเสียงพยัญชนะตัวแรกแข็งขึ้น และจะอ่านให้มีระดับเสียงตก เช่นเดียวกับวรรณยุกต์เสียงโท ตัวอย่างเช่น "dreey" ("เตรย" แปลว่า "ปลา") อ่านเป็น "เถ็ย" (โดย d จะกลายเป็น t และมีสระคล้ายเสียง "เอ" และเสียงสระจะสูงขึ้น) อีกตัวอย่างหนึ่งคือ คำว่า "ส้ม" ออกเสียงว่า kroich โกรช ในชนบท ส่วนในเมืองออกเสียงเป็น koich โคช
ภาษาเขมรวันละคำ โดย เฉลิมชัย ถึงดี
ไวยากรณ์ ลำดับคำในภาษาเขมรมักจะเป็น ประธาน-กริยา-กรรม ภาษาเขมรประกอบด้วยคำเดี่ยวเป็นหลัก แต่การสร้างคำจากการเติมหน้าคำ และการเติมภายในคำก็มีมาก ซึ่งไวยากรณ์นี้เป็นไวยากรณ์ชนิดเดียวกับภาษาไทยอีกด้วย
อักษรเขียน ภาษาเขมรเขียนด้วยอักษรเขมร และเลขเขมร (มีลักษณะคล้ายเลขไทย) ใช้กันทั่วไปมากกว่าเลขอารบิก ชาวเขมรได้รับตัวอักษรและตัวเลขจากอินเดียฝ่ายใต้ อักษรเขมรนั้นมีด้วยกัน 2แบบ
และอีกแบบ คือ Romanization เขียนภาษาเขมรด้วยอักษรโรมัน ในสมัยก่อน มีผู้นิยมใช้อักษรเขมรเขียนภาษาไทย หรือภาษาบาลี ด้วย เรียกอักษรอย่างนี้ว่า อักษรขอมไทย
พยัญชนะเขมร และคำอ่านตัวอักษรเขมร ในภาษาเขมร (ภาษากัมพูชา) พบว่ามีหลายตัวที่มีลักษณะใกล้เคียงกับตัวอักษรไทย - ตัวอักษรลาว - ที่มา : http://www.anantasook.com
สระเขมร และคำอ่านสระในภาษาเขมร (สระในภาษากัมพูชา) ประกอบด้วย สระลอย (สระที่ไม่ประกอบกับพยัญชนะ) และ สระจม (สระที่ต้องประกอบพยัญชนะ) - ที่มา : http://www.anantasook.com/khmer-language-alphabet-vowel-number
คลิป พยัญชนะภาษาเขมร
สำหรับท่านที่สนใจอยากไปเที่ยวเสียมเรียบ ตอนนี้มีบริการรถประจำทางระหว่างประเทศจากไทยไปเสียมเรียบแล้วนะครับ สนใจดูคลิปข้างล่างนี้ได้เลย
รถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศ
คลิปสอนภาษาเขมรจาก กรมประชาสัมพันธ์ ก็น่าสนใจดีครับ ถ้าชมแล้วต้องการติดตามให้ Login เข้าระบบด้วยอีเมล์ของ Gmail คลิก! ติดตามรายการใน Youtube เหล่านี้จะแจ้งเตือนเมื่อมีคลิปใหม่ๆ ครับ
สนุกกับภาษาเขมร
รายการพันแสงรุ้ง ตอน ภาษาเขมรถิ่นไทย เรื่องน่ารู้ของการใช้ภาษาเขมรของคนไทยในแถบจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ
รายการพันแสงรุ้ง ตอน เขมรถิ่นไทย
สนใจต้องการศึกษาเพิ่มเติมเชิญที่ Facebook : เรียนภาษาเขมรกับ khmersren.com หรือที่เว็บไซต์ www.khmersren.com/ ของคุณวิจิตร วิทยา
ปิดท้ายหน้านี้ด้วย แหล่งดาวน์โหลดคู่มือ "การอ่านภาษาเขมรเบื้องต้นด้วยตนเอง" จาก สำนักประชาสัมพันธ์ เขต 7 คลิกเลยครับ
"ภาษาพูด" หรือ "ความเว้า ความจา" ของคนอีสานในแต่ละท้องถิ่นจะมีสำเนียงที่แตกต่างกัน จริงๆ คำว่า "ภาษาอีสาน" นั้นไม่มีอยู่จริง มีแต่ "ภาษาพูดของคนในท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน)" ซึ่งมีทั้ง 'ภาษาลาว' (คล้ายคลึงกับภาษาของผู้คนที่ใช้สื่อสารกันใน ประเทศ สปป.ลาว แต่ไม่เหมือนกันทั้งหมด เพราะคนลาวเองก็มีสำเนียงที่แตกต่างกันทั้งทางลาวภาคเหนือ กลาง ใต้ หลายสำเนียง และชนเผ่าต่างๆ แต่ก็สื่อสารกันได้) ภาษาเขมร ส่วย เยอ และภาษาของชนเผ่าต่างๆ ในพื้นที่ [ อ่านเพิ่มเติม : ชาติพันธุ์ชนเผ่าไทยในอีสาน ]
ทั้งนี้ตามสภาพทางภูมิศาสตร์ ถิ่นที่อยู่ที่มีอาณาเขตติดต่อกับถิ่นใด เช่น แถบจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ มีชายแดนติดกับเขมร สำเนียงและรากเหง้าของภาษาก็จะมีคำของภาษาเขมรปะปนอยู่ด้วย ทางด้านจังหวัดสกลนคร นครพนม หนองคาย เลย ก็จะมีอีกสำเนียงหนึ่ง อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด ก็อีกสำเนียงหนึ่ง ขึ้นอยู่กับชนเผ่าดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังคงมีความคล้ายกันก็คือ ลักษณะของคำและความหมายต่างๆ ที่ยังคงสื่อความถึงกันได้ทั่วทั้งภาค
หลังจากได้นำเสนอ "คำและความหมาย" ในคำพูด การสื่อสารของคนในภาคอีสานกันมาเป็นเวลานานพอสมควร ก็มีแฟนๆ ส่วนหนึ่งสนใจอยากจะเรียนรู้มากยิ่งขึ้น เพราะในปัจจุบันนี้ 'คนอีสาน' ได้กระจัดกระจายไปอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ ตลอดทั้งความเจริญอย่างรวดเร็วของการติดต่อสื่อสาร โดยเฉพาะสื่อจากวิทยุ-โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน มีการนำเสนอละครที่สะท้อนชีวิตคนอีสานอย่างเรื่อง "นายฮ้อยทมิฬ" ของลุงคำพูน บุญทวี การที่ศิลปินชาวอีสานนำเสนอบทเพลงอีสานโด่งดังไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะ "เพลงลูกทุ่งอีสานอินดี้" ทำให้มีหลายๆ ท่านอยากจะรู้ว่า คำที่ปรากฏในเนื้อเพลงเหล่านั้นมีความหมายอย่างไร วันนี้ก็เลยขอนำเสนอบทเรียน "ภาษาอีสานจากเพลง" ขึ้นอีกส่วนหนึ่ง
เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลความรู้ไว้อ้างอิงทางวิชาการ สำหรับการสืบค้นหาคำ และความหมายของภาษาอีสานเป็น ภาษาไทยกลาง และภาษาอังกฤษ จึงได้จัดทำระบบสืบค้นออนไลน์ "สารานุกรมภาษาอีสาน-ไทย-อังกฤษ" ขึ้น ขณะนี้ได้จัดทำให้บริการครบถ้วนแล้วทุกหมวดอักษร
ตอนจัดทำถึงหมวดอักษร 'ด. เด็ก' นี่แหละที่ทำให้ผมรู้ว่า ตัวเองยังไม่รู้จักความหมายของคำที่พูดในภาคอีสานอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะคำบางคำมีความหมายต่างกันมากกว่า 20 ความหมาย ใช้เวลาการดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลอยู่หลายปี เนื่องจากมีคำเป็นจำนวนมาก เลยต้องใช้เวลาเพราะให้คนอื่นช่วยทำแล้วยิ่งยุ่งกว่าเดิมคือ จากความไม่เข้าใจในภาษาอีสาน (ของผู้มาช่วยป้อนข้อมูล) คิดว่าในหนังสือพิมพ์ตก พิมพ์หล่น ก็เลยจัดการแก้ไขให้เสียเลย ทำให้เสียเวลาในการตรวจสอบความถูกต้อง มากกว่าป้อนคำเองเสียอีก จึงได้ปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่ ด้วยการเลือกคำศัพท์ที่เป็นภาษาอีสานแท้ๆ มานำเสนอก่อน ที่เหลือค่อยเพิ่มเติมให้ครบถ้วนจนสำเร็จเรียบร้อยแล้ว (แต่ก็อาจจะยังมีหลงเหลือคำผิดอยู่บ้าง ถ้าหากท่านพบเห็น สงสัย ก็กรุณาช่วยแจ้งกันเข้ามาได้นะครับ จะได้ปรับปรุงให้ถูกต้องต่อไป)
มีคำถาม มาจากเยาวชนรุ่นหลัง (ลูกอีสานบ้านเฮานี่หละ) ว่า ได้เบิ่งรายการ "เกมทศกัณฑ์ ยกสยาม ทางช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ทีวี" ว่ามีการถามถึงความหมายคำศัพท์ภาษาอีสานว่า "ส้วม" หมายถึงอะไร ในคำตอบวันนั้นเฉลยว่า หมายถึง ห้องนอน คนรุ่นผู้ใหญ่อย่างผมนี่ คงไม่สงสัยอะไร แต่รุ่นหลังข้องใจมาก ถึงกับก่นด่ารายการ และตัวพิธีกร คุณปัญญา นิรันดร์กุล ว่าไปเอาคำเฉลยมาจากไหน ไม่เคยได้ยินมาก่อน แบบนี้ดูถูกคนอีสานชัดๆ
เขาดูถูกเราจริงๆ คือ ส้วม หมายถึง ห้องนอน ถูกต้องแล้วคร๊าบ... แต่ห้องนอนที่ว่านี่เฉพาะเจาะจง ต้องเป็นห้องนอนของลูกสาวและลูกเขยนะครับ คงจะเคยได้ยินภาษิตที่ว่า มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน อย่าเข้าใจผิดว่า "สิมีไผแวะมาขี้ใส่ส้วมหน้าบ้าน แล้วบ่ล้างเด้อ... อาว" [ ไปอ่านเพิ่มเติม : เฮือนอีสาน ]
ความหมายของภาษิตนี่หมายถึง ต้องคอยระมัดระวัง ไม่ให้ไอ้หนุ่มหน้าไหนมาแอบ 'เจาะไข่แดง' ลูกสาว ก่อนเวลาอันสมควร เพราะถ้าเฝ้าไม่ดีอาจมีเสียงนินทาว่าร้ายในภายหลังได้ว่าลูกบ่มีพ่อ มาที่คำว่า "ส้วม" จากหนังสือ สารานุกรมภาษาอีสาน-ไทย-อังกฤษ โดย ดร.ปรีชา พิณทอง ให้ความหมายของส้วมไว้ ดังนี้
เรื่องเหล่านี้ ถ้ายังบ่ฮู้ให้ค้นหา บ่แน่ใจให้สอบถามผู้ฮู้กันเสียก่อน อย่าฟ้าวตีโพยตีพาย มันสิขายหน้าฅนเป็น 'ลูกอีสาน' ขนานแท้ซั่นดอกวา...
อ้างอิงจากหนังสือ "สารานุกรมภาษาอีสาน-ไทย-อังกฤษ"
โดยปราชญ์อีสาน คุณพ่อ ดร. ปรีชา พิณทอง
นอนหงายป่างง่าง ซำบายปานหมา
ทางทีมงานได้รวบรวมเอาคำจากที่เคยโพสต์ในเพจเฟซบุ๊คเกี่ยวกับ "ภาษาอีสานวันละคำ" มารวมไว้ที่นี่ เพื่อให้ค้นหาย้อนหลังได้ง่ายขึ้น
ภาษาอีสานตามหมวดอักษร | ภาษาอีสานจากเพลง | ภาษาเขมร | Isan Dictionary Online
ข้อมูลคำศัพท์นี้นำมาจาก หนังสือสารานุกรมภาษาอีสาน-ไทย-อังกฤษ ของ คุณพ่อ ดร.ปรีชา พิณทอง ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2532 แปลและให้ความหมายคำเป็นภาษาอังกฤษ โดย คุณแซม แมททิกซ์ (Samuel A. Mattix) ชาวอเมริกัน ที่เข้ามาสอนศาสนาที่จังหวัดนครพนม เป็นเวลาหลายปี คุณแซมเข้าใจภาษาอีสาน และพูดภาษาอีสานได้ดีเหมือนคนอีสานทีเดียว
การนำเสนอคำศัพท์เหล่านี้อาจจะยังไม่ครบถ้วนมากนัก ถ้าท่านใดค้นหาคำใดไม่เจอ อาจจะไม่มีในฐานข้อมูลนี้ อยากทราบความหมาย ก็สอบถามมายังจะค้นคว้าหาคำตอบมาเพิ่มเติมให้ ในสารานุกรมชุดนี้นั้น ถ้าหากท่านได้ค้นหาอย่างครบถ้วนแล้ว จะพบว่า เน้นไปในทางศาสนาพุทธมากทีเดียว มีคำเกี่ยวกับพระสงฆ์มาก เนื่องจากการจัดทำสารานุกรมนี้เริ่มทำในสมัยที่คุณพ่อปรีชา พิณทอง ยังบวชอยู่ในร่มกาสาวพัตร์ ท่านสอบได้เปรียญเก้าประโยค ซึ่งถือว่าเป็นเปรียญสูงสุดของฝ่ายสงฆ์ ได้รับการยกย่องจากทุกสารทิศในวงการสงฆ์ เพราะเป็นพระชนบทที่ไม่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักกรุงเทพฯ แต่สอบได้ สมณศักดิ์ครั้งสุดท้ายคือ เจ้าคุณพระศรีธรรมโสภณ
ภาษาอีสานนั้นมีคำพูดที่หลากหลาย คำคำเดียวอาจมีความหมายได้หลายอย่าง บรรดาคำเหล่านี้ล้วนเป็นคำเก่าทั้งสิ้น บางคำยังใช้กันอยู่ บางคำเกิดขึ้นใหม่ บางคำหมุนเวียนเปลี่ยนไป บางคำเสื่อมสิ้นไปสูญหายไปเหมือนคน เพราะเกิดนาน จะมีหลงเหลืออยู่บ้าง ก็ในวรรณคดีอีสานเก่าๆ อักษรย่อที่ใช้ในสารานุกรมจะมีความหมายดังนี้
(กลอน) = คำกลอน (กล่อมลูก) = คำกล่อมลูก (กา) = กาฬเกษ (กาไก) = ท้าวกาไก (กาเผือก) = ท้าวกาเผือก (กาพย์ปู่) = กาพย์ปู่สอนหลาน (คำสอน) = ท้าวคำสอน (จำปา) = จำปาสี่ต้น (เชตพน) = เรื่องวัดเชตพน (เซิ้งกลอง) = เซิ้งตบกลอง (เซียงเหมี้ยง) = หนังสือเซียงเหมี้ยง (นกจอกน้อย) = ท้าวนกจอกน้อย (นิทาน) = นิทานพื้นบ้าน (บ) = คำโบราณ (บัง) = บังรหัส (ปฐมปนา) = ปฐมปนา (ประเพณี) = ประเพณีโบราณไทยอีสาน (ประวัติอุบล) = ประวัติเมืองอุบล (ปริศนา) = ปัญหาคดีโลก (ปัสเสน) = พญาปัสเสนทิ์ (ปัญหา) = ปัญหาคดีโลก (ปู่) = หนังสือปู่สอนหลาน (ผญา) = คำผญา (ภาษิตอีสาน) (ผอกผี) = ประเพณีผอกผี (ผาแดง) = ผาแดงนางไอ่ (ผูกแขน) = ประเพณีผูกแขน (เพลง) = เพลงผู้ใหญ่ลี (ภาษิต) = ภาษิตอีสาน (มทรี) = มหาชาติกัณฑ์มทรี (มนต์) = มนต์โบราณอีสาน (มนต์ปลูกผม) = มนต์ทำให้ผมดก (มาลัยสูตร) = มาลัยสูตร |
(ขึ้นลำ) = ก่อนจะขึ้นกลอนลำ (ขุนทึง) = ขุนทึงนางนี (ขุนบุรม) = พื้นขุนบุรม (ขูลู) = ขูลูนางอั้ว (คชนาม) = ท้าวคชนาม (คลองสิบสี่) = คลองสิบสี่ (ย่า) = ย่าสอนหลาน (ยามอัฏฐกาล) = ยามแปดในหมอดูโบราณ (สิน) = สินทอง (สืบ) = สิบพระสูรย์ สืบปสูญ (เวส) = เวสสันดร (เวส-กลอน) = เวสสันดรคำกลอน (สรรพสิทธิ) = สรรพสิทธิคำโคลง (สม) = สมที่คึด (สอย) = คำสอย (สังข์) = สังข์ศิลป์ชัย (สำ) = คำสำนวน (สิริจัน) = สิริจันโทวาท (สุด) = สุดที่อ่าว (สุริย์วงศ์) = สุริย์วงศ์ (สู่ขวัญ) = ประเพณีสู่ขวัญ (เสียว) = เสียวสวาสดิ์ (โสกผู้ญิง) = โสกผู้หญิง (โสกวัน) = โฉลกวัน (โสวัตร) = ท้าวโสวัตร (อ่านเจือง) = อ่านหนังสือ (อิน) = อินทิญาณสอนลูก (หน้าผาก) = หน้าผากไกลกะดัน (หมอดู) = หมอดูโบราณอีสาน (หมาหยุย) = ท้าวหมาหยุย (หลาน) = กาพย์หลานสอนปู่ (ฮุ่ง) = ท้าวฮุ่ง หรือ ท้าวเจือง |
หากมีข้อบกพร่องด้วยการพิมพ์ผิด พิมพ์ตก พิมพ์หล่น ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ เนื่องจากข้อมูลคำศัพท์มีเป็นจำนวนมาก บางคำอาจเป็นคำเก่าที่ไม่มีใช้แล้วในปัจจุบัน (ซึ่งไม่ใช่การพิมพ์ผิด) บางคำพยายามพิมพ์ให้อ่านเหมือนกับ การเลียนเสียงสำเนียงภาษาอีสานแท้ๆ จนท่านอาจจะคิดว่าพิมพ์ผิดไป ถ้าท่านมีข้อสงสัย หรือจะทักท้วงที่ไหน อย่างไร ก็โปรดได้เสนอแนะไปที่จะขอบพระคุณยิ่งครับ
ต้องขอบคุณน้องๆ นักศึกษาฝึกงานจากสถาบันราชภัฏอุบลราชธานี และลูกศิษย์นักเรียนโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช หลายๆ คนที่ช่วยกันป้อนข้อมูลคำศัพท์ และขอบคุณเป็นพิเศษ สำหรับโปรแกรมการสืบค้นด้วยภาษา ASP (ครั้งแรกทำเซิร์ฟเวอร์ด้วยวินโดว์เอ็นที 4) จาก นายต๋อง (อรรถกรณ์ ศรีณรงค์) แห่ง www.tongzweb.com และทำการดัดแปลงให้เป็นภาษา PHP + MySQL โดย นายกระป๋อง (พงษ์พันธ์ เพียรพาณิชย์) ลูกศิษย์รักอีกคน เพื่อให้ใช้งานกับเซิร์ฟเวอร์ลินุกส์ได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
และกราบขอบพระคุณอย่างสูง สำหรับบรรดาข้อมูลคำศัพท์เหล่านี้จากคุณพ่อ ดร.ปรีชา พิณทอง ที่ได้ศึกษาค้นคว้ารวบรวมไว้ให้เราลูกหลานได้มีโอกาสเรียนรู้ และสืบสานเป็นมรดกทางวัฒนธรรมตลอดไป
หนังสือเล่มนี้ไม่มีการพิมพ์เพิ่มเติมเพื่อจำหน่ายอีกแล้วนะครับ เพราะค่าใช้จ่ายสูง ฉบับเดิมที่ตีพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2532 ได้รับการสนับสนุนจากทาง มูลนิธิโตโยต้า (Toyota Foundation) ราคาเมื่อปีที่จัดพิมพ์คือ เล่มละ 300 บาท ราคาปัจจุบัน ผมเคยเจอที่ร้านขายหนังสือเก่าในตลาดจตุจักร เมื่อปี พ.ศ. 2550 ติดป้ายกระดาษเล็กๆ 1,500 บาท ท่านที่สนใจอยากได้คงต้องตามหาเอาจากแหล่งหนังสือเก่า โชคดีอาจพบเจอ 1 ใน 5,000 เล่มที่จัดพิมพ์ โดย ด่านสุทธาการพิมพ์ จัดจำหน่ายโดย สายส่งเคล็ดไทย
จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน กระผมผู้จัดทำเว็บไซต์นี้มีเพียงเล่มเดียวที่คุณพ่อ ดร.ปรีชา พิณทอง ได้กรุณามอบให้ เพื่อมาทำเป็นระบบออนไลน์เผยแพร่และไม่ขอจำหน่ายครับ (เป็นแรงบันดาลใจที่ได้จากคุณพ่อมาขอเก็บไว้ให้เป็นสมบัติของลูกหลาน)
รวมผญา สุภาษิต และคำสอย
กลอนลำ
เพลงลูกทุ่งอีสาน มาเข้าใจความหมายของคำภาษาอีสานในเพลงลูกทุ่ง
ภาษาอีสานแยกตามหมวดอักษร
กลอน ภาษิตโบราณอีสาน
ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)