foto1
foto1
foto1
foto1
foto1
ช่วงนี้อากาศปรวนแปรไปทั่วโลก บ้างก็มีพายุรุนแรง แผ่นดินไหว ฝนตก น้ำท่วม ดินพังทลาย จนไร้ที่อยู่ บ้านเฮากะต่างภาคต่างกะพ้อไปคนละแนว บ้างก็ฝนตกจนน้ำท่วม บ้างก็แล้งจนพืชผลแห้งตาย กระจายเป็นหย่อมๆ แบบบ้านเพิ่นท่วมแป๋ตาย นาใกล้ๆ กันนี้ผัดบ่มีน้ำจนดินแห้ง อีหยังว่ะ! นี่ละเขาว่าโลกวิปริตย้อนพวกเฮามนุษย์เป็นผู้ทำลายของแทร่ ตอนนี้ทางภาคเหนือกำลังท่วมหนัก ข่าวว่าภาคอีสานบ้านเฮาก็เตรียมตัวไว้เลย พายุกำลังมาแล้ว ...😭🙏😁

: Our Sponsor ::

adv200x300 2

: Facebook Likebox ::

: Administrator ::

mail webmaster

: My Web Site ::

krumontree200x75
easyhome banner
ppor 200x75
isangate net200x75

e mil

No. of Page View

paya supasit

ju juคันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า

        ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ##

mp3

jiew 01

จิ๋ว อมรรัตน์

ถ้าเอ๋ยถึงชื่อ "จิ๋ว อมรรัตน์" หลายคนก็เข้าใจว่าเป็นนักร้องใหม่ เสียงดี ร้องเพลงเพราะ คนอีสานทั้งหลายที่ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองพอได้ยินเสียงเพลง "ฟ้าฮ้องโหย่น" ด้วยท่วงทำนองที่เร้าใจ เนื้อหากินใจหลายๆ คึดฮอดบ้านเด้ แต่ในความจริง ถ้าจะบอกว่า เธอเป็นนักร้องที่ผ่านประสบการณ์กับค่ายเพลงและมีเพลงดังมาแล้วหลายชุด อาจจะมีคนไม่เชื่อแน่เลย

 
ฟ้าฮ้องโหย่น - จิ๋ว อมรรัตน์

ใช่แล้วครับ จิ๋ว อมรรัตน์ ก็คือนักร้องคนเดียวกันกับ นก พรพนา หรือชื่อจริง น.ส.อมรรัตน์ วงศ์ษา อายุ 30 ปี (2557) ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 343 หมู่ 6 ตำบลสว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร เป็นนักร้องลูกทุ่งดาวรุ่ง โดยร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ช่วงอายุประมาณ 9 ขวบ ร่วมการประกวดระดับประเทศชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโครงการซูบารุ จูเนียร์ อวอร์ด ประเภทเพลงไทยลูกทุ่ง (ผ่านเข้ารอบ 7 คนสุดท้าย)

การศึกษา

  • ชั้นประถมศึกษา : โรงเรียนบ้านหนองบัวแพ จังหวัดสกลนคร
  • ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น : โรงเรียนสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
  • ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย : การศึกษานอกโรงเรียนสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
  • อุดมศึกษา : คณะนิเทศศาสตร์ เอกการประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขน

jiew 02jiew 03

ต่อมาได้รับการผลักดันจากขวัญชัย ไพรพนา ให้เข้ามาบันทึกแผ่นเสียงเมื่อปี 2542 กับ บริษัท มาสเตอร์เทป จำกัด มีผลงานเพลงทั้งหมด 6 อัลบั้ม ได้แก่ 1. เลือกเขาเถิดพี่, 2. คำตอบสุดท้าย, 3. แพ้พรหมลิขิต, 4. แค่คนรู้จัก, 5. เสียงจากหัวใจ และ 6. มุมเหงาสาวอกหัก (ปี 2548) มีเพลงดัง "เสียงจากสาวลาว" "มุมเหงาสาวอกหัก" และ "ชวนบ่าวเที่ยวบ้าน"

jiew 14

และหลังจากหายไป 8 ปี ล่าสุดได้กลับคืนสู่วงการเพลงอีกครั้ง พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น ''จิ๋ว อมรรัตน์'' ย้ายสังกัดไปอยู่กับบริษัท เอสเคพี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด โดยมีผลงานเพลงในอัลบั้ม รวมใจสองฝั่งโขง ชุด "สาวเข็นฝ้าย" และที่ได้ลิขสิทธิ์เพลง และเป็นนักร้องคนแรกที่ได้รับอนุญาตถ่าย Music Video ในประเทศลาว ที่วังเวียง, บ้านสบายรีสอร์ท ประตูชัยลาว โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากหน่วยงานของกระทรวงวัฒนธรรมไทย และกระทรวงวัฒนธรรม สปป.ลาว ถึง 5 เพลง ได้แก่ 1. สาวเข็นฝ้าย 2. เซาหลายใจได้บ่ 3. สาวนครพนม 4. ฟ้าร้องโหย่นๆ 5. สวรรค์เมืองลาว

jiew 04

ผลงานอัลบั้มนี้ของ ''จิ๋ว'' จัดว่าเป็นคุณภาพในเรื่องของการนำเสนอเรื่องของวัฒนธรรมสองฝังโขง โดยมี 5 ศิลปินแห่งชาติลาว อาทิ ท่านไชสวาท สิงห์นามวงศ์ รองอธิบดีกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ศิลปินแห่งชาติลาว, อาจารย์มัยศิลป์ หงส์สุวรรณ ศิลปินแห่งชาติลาวสาขาศิลปะการแสดง รำ นาฏศิลป์ และครูชาลี อินทรวิจิตร ศิลปินแห่งชาติ ที่เข้ามาช่วยเป็นที่ปรึกษาในการสร้างสรรค์ผลงานชุดนี้เป็นเครื่องการันตี

jiew 05

ครูชาลี อินทรวิจิตร ศิลปินแห่งชาติไทย ได้กล่าว ชื่นชมจิ๋วว่า เป็นนักร้องหมอลำสาวที่เสียงดีมากๆ ไม่ว่าจะขับร้องเพลงอะไรก็ไพเราะ พร้อมกับบอกว่า การกลับหวนคืนวงการครั้งนี้ ''จิ๋ว'' มีแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นนักร้องที่ได้รับความนิยมอย่างสูงมากทีเดียว ที่สำคัญการกลับมาคราวนี้ของ ''จิ๋ว'' นอกจากจะได้รับความนิยมจากแฟนเพลงชาวไทยแล้ว ยังจะได้รับการชื่นชมจากแฟนเพลงชาวลาว ซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับชาวไทยจำนวนมากด้วย

jiew 06jiew 07

''จิ๋วเสียงดีมาก น้ำเสียงแบบนี้ร้องเพลงอะไรก็เพราะ อย่างนี้ต้องไปร้องเพลงที่มีความไพเราะอย่างน้ำเซาะทรายได้สบายแต่เพลงช้าชุดนี้ทำนองเพลงจะคล้ายๆ กัน ถ้าเป็นเพลงที่ผมแต่ง ผมจะทำทำนองที่แตกต่างออกไป เพลงไหนที่ดนตรีคล้ายกันจะตัดออกหมด ผมเตรียมเพลงให้จิ๋วเลือกหลายเพลงแล้วเอาไว้ร้องให้อัลบั้มหน้า'' ศิลปินแห่งชาติกล่าว

jiew 08jiew 09

jiew 11

แม้ค่ายเพลงต้นสังกัดเกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน ทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ จาก "เอส เค พี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์" มาเป็น "เคดับบลิว โพรส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์" แต่ "จิ๋ว อมรัตน์" นักร้องลูกทุ่งสาวเสียงดี ที่มีชื่อเดิมว่า "นก พรพนา" ก็ยังมีความสุขสุดๆ กับการได้ทำงานเพลง เน้นการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมงดงามประจำถิ่น ต่อเนื่องมาจากอัลบั้ม "สาวเข็นฝ้าย"

ได้ไปเดินสายโชว์ลูกคอ และเผยแพร่ศิลปะการแสดงพื้นบ้านอีสาน และศิลปวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำโขง ในประเทศต่างประเทศ โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา ที่มีพี่น้องชาวไทย และลาวอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่อง

"ในอัลบั้มที่แล้วมีเพลงสาวเข็นฝ้าย สาวนครพนมบ่ต้มอ้าย โดยเฉพาะเพลงสวรรค์เมืองลาวได้รับการตอบรับที่ดีมาก ได้มีโอกาสไปทำงานที่ลาวด้วย และทำให้มีโอกาสได้ไปร้องเพลงให้พี่น้องชาวลาวในอเมริกาได้ฟังด้วย ตอนนี้ก็เปลี่ยนชื่อค่ายใหม่แล้ว เดิมทีมีศิลปินจิ๋วคนเดียว ตอนนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงคือมีศิลปินเข้ามาร่วมงานด้วยกันมากขึ้น ซึ่งก็มีอาจารย์สวัสดิ์ สารคาม และอาจารย์ศิริ มงคล ดูแล เป็นโปรดิวเซอร์ ซึ่งจิ๋วไม่ได้มาอัลบั้มเดี่ยว มาเป็นอัลบั้มรวมชื่อว่า สวัสดีอาเซียน ออกกันเป็นซิงเกิล กับศิลปินหลายๆ ท่าน เริ่มจากศิลปินรับเชิญพี่สมจิตร จงจอหอ, พี่เขาทราย แกแล็คซี่ และก็มี จิ๋ว อมรัตน์, น้องโจ มนัสวี น้องสาวของจิ๋ว มีพี่จ่าส่ง ร็อคออนซอน และพี่เอ็ม มงคล ในอัลบั้มนี้ของจิ๋ว มีสองเพลงค่ะ คือเพลงปากบอกว่าไป แต่ใจไม่พร้อม เขียนโดยอาจารย์หล่อ นาปัง และบทเพลงแด่ผู้เสียสละ แต่งโดยอาจารย์ศิริ มงคล ค่ะ เพลงแรกเป็นเพลงช้าซึ้งๆ อกหัก คือปากบอกให้เขาไปแต่ใจยังไม่พร้อมเลยยังเจ็บปวดอยู่เลย ส่วนเพลงผู้เสียสละก็มีเนื้อหาให้กำลังใจทหาร และเชิญชวนชาวไทยส่งกำลังใจไปให้กับพี่ๆ ทหาร"

jiew 12jiew 13

กับการเปลี่ยนแปลงระบบบริหารของค่าย นักร้องสาวมองว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น การมีผู้บริหารทำงานอยู่ต่างแดนเข้ามาร่วมทีม สามารถช่วยให้ผลงานของศิลปินเผยแพร่ไปถึงกลุ่มคนลูกทุ่งที่อาศัยอยู่ต่างประเทศได้เป็นอย่างดีด้วย

"สำหรับจิ๋วรู้สึกโอเคนะ เพราะว่ายังเป็นเจ้านายใจดีเหมือนเดิม จิ๋วรู้สึกดีใจที่ยังมีผลงานต่อเนื่อง แม้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัทตามเงื่อนไข ระยะเวลา และองค์ประกอบของการทำงาน ซึ่งยังได้รับผลตอบรับที่ดีจากแฟนเพลง เป็นการบริหารงานที่อินเตอร์มากขึ้นด้วย เพราะมีผู้บริหารอยู่ที่อเมริกาด้วย ตอนนี้อัลบั้มสวัสดีอาเซียน ก็ได้ถูกนำไปโปรโมตที่โน่นด้วย ให้พี่น้องชาวไทย และชาวลาวได้รับชมรับฟัง จิ๋วคิดว่าน่าจะได้รับการตอบรับจากแฟนๆ ที่โน่นดีด้วยนะ เพราะว่ามีงานให้ไปเดินสายที่อเมริกาเข้ามาเหมือนเดิม"

เบื้องลึกเบื้องหลังของนักร้องต้องเปลี่ยนชื่อ

วามขัดแย้งระหว่างนักร้องกับนายทุน เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวงการเพลงลูกทุ่ง ยกตัวอย่างก็มีเป็นร้อยกรณี บางรายถึงขั้นยิงกันเลือดสาดมาแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็ตกลงกันได้แบบไทยๆ เมื่อสิบปีก่อน เคยเกิดคดีตำรวจจับนักร้องคาเวทีมาแล้ว แต่สมัยโน้น ยังไม่มีเฟซบุ๊ก ยังไม่เกิด “FC” ทางสื่อโซเชียล และยังไม่มีทนายหน้าจอทีวี เรื่องราวก็เลยจบแบบเงียบๆ มาฟังกัน...

สมัยเทปคาสเซ็ท บริษัท มาสเตอร์เทป ของ “เฮียยิ้ง” หรือ ชาย สีบัวเลิศ เป็นค่ายใหญ่ที่มีนักร้องในสังกัดมากกว่าสิบคน โดยศิลปินทำเงินประจำค่ายคือ จินตหรา พูนลาภ ต่อมาในปี 2542 ขวัญชัย ไพรพนา โฆษกดังเมืองอุดรฯ ได้นำเด็กสาวจาก อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร มาฝากเป็นนักร้องประจำค่ายมาสเตอร์เทป เฮียยิ้งได้ฟังเสียงแล้ว ก็ตกลงรับไว้ในสังกัด โดยตั้งชื่อให้ว่า “นก พรพนา”

“อมรรัตน์ วงศ์ษา” คือสาวน้อยจากสว่างแดนดินคนนั้น ที่ได้กลายเป็นนักร้องเสียงวิหค นาม “นก พรพนา” มีผลงานกับมาสเตอร์เทป 6 อัลบั้ม ได้แก่ 1.เลือกเขาเถิดพี่ 2.คำตอบสุดท้าย 3.แพ้พรหมลิขิต 4.แค่คนรู้จัก 5.เสียงจากหัวใจ และ 6.มุมเหงาสาวอกหัก แต่จริงๆ แล้ว นก พรพนา เริ่มมีชื่อเสียงในชุดที่ 6 จากเพลง “เสียงจากสาวลาว” และ “ชวนบ่าวเที่ยวบ้าน”

jiew 17

ปี 2551 นก พรพนา มีปัญหากับต้นสังกัดบริษัทมาสเตอร์เทป เพราะหลังจากหมดสัญญาที่ทำกันไว้กันแล้ว เธอไม่ได้ติดต่อกับทางเฮียยิ้ง และเริ่มรับงานการแสดงเอง โดยไม่ผ่านทางบริษัทมาสเตอร์เทป ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 ตำรวจ สน.โชคชัย เข้าจับกุม นก พรพนา ดำเนินคดีตามการแจ้งความของตัวแทนบริษัทมาสเตอร์เทป ที่อ้างว่าชื่อ “นก พรพนา” เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทตามที่ได้เซ็นสัญญากันไว้

หลังจากนั้น อมรรัตน์ วงศ์ษา ต้องหยุดงานแสดงร้องเพลงไปเลย เพราะใช้ชื่อ “นก พรพนา” ไม่ได้ เธอหายไปเรียนหนังสือ 3 ปีเศษ จนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศรีปทุม ระหว่างนั้น เธออดทนเฝ้ารอคอยเวลาที่จะกลับมาอีกครั้ง จนถึงปี 2555 นก พรพนา กลับคืนสู่วงการเพลงอีกครั้ง พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “จิ๋ว อมรรัตน์” ในสังกัด บริษัท เอสเคพี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด กับผลงานเพลงในอัลบั้มรวมใจสองฝั่งโขง ชุด สาวเข็นฝ้าย

เบื้องลึกการกลับมา “สวัสดิ์ สารคาม” โปรดิวเซอร์ชื่อดังได้เข้าไปเจรจากับเฮียยิ้ง ขอให้อมรรัตน์กลับมาร้องเพลงอีก ประกอบกับตอนนั้น เฮียยิ้งเลิกทำธุรกิจเพลงแล้ว เลยยินยอมตามคำร้องของสวัสดิ์ แต่... มีเงื่อนไขว่า "ห้ามใช้ชื่อ นก พรพนา"

เนื่องจากบริษัท เอสเคพี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด มีหุ้นส่วนคนหนึ่งเป็นผู้บริหารของ ช.การช่าง ที่ไปสร้างเขื่อนไซยะบุลี ใน สปป.ลาว จึงทำให้อัลบั้มเพลงชุดสาวเข็นฝ้าย ได้ไปถ่ายทำเอ็มวีทั่วเมืองลาว โดยเฉพาะเพลง “สวรรค์เมืองลาว” ที่มีการถ่ายทำเอ็มวีตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของลาว จากเหนือจรดใต้ จึงทำให้ชื่อ “จิ๋ว อมรรัตน์” เป็นที่รู้จักของแฟนเพลงชาวลาว รวมทั้งชาวลาวที่อาศัยอยู่ในสหรัฐ, แคนาดา และฝรั่งเศส

สวรรค์เมืองลาว - จิ๋ว อมรรัตน์

“จิ๋ว อมรรัตน์” หรือ “นก พรพนา” เดินสายโชว์เพลงชุด "สาวเข็นฝ้าย" ไปทั่วสหรัฐอเมริกา เธอกลายเป็นนักร้องขวัญใจของชาวลาว เพลงเสียงจากสาวลาว, ชวนบ่าวเที่ยวบ้าน, สาวเข็นฝ้าย, สวรรค์เมืองลาว และสาวนครพนมบ่ต้มอ้าย ยังได้รับความนิยมในหมู่คนลาวโพ้นทะเล

ปี 2561 อมรรัตน์เปลี่ยนชื่ออีกหนจาก “จิ๋ว อมรรัตน์” เป็น “จิ๋ว นกพรพนา” เพราะผู้ใหญ่ไฟเขียว มาสเตอร์เทปก็เลิกกิจการไปแล้ว เด็กก็เข้าขอโทษผู้ใหญ่ เรื่องยุ่งๆ เลยจบได้ เพลงชุดใหม่ เธอลงทุนทำเพลงเอง โดยคงเอกลักษณ์สาวรอผู้บ่าวกับซิงเกิลใหม่ “สาวคำแพง..แงงผู้บ่าว” โดยมี สวัสดิ์ สารคาม เป็นโปรดิวเซอร์ให้เหมือนเดิม แม้ว่ากระแสอีสานอินดี้จะมาแรง แต่เธอยังยึดเพลงแนวเดิม และคงเอกลักษณ์เนื้อเพลงที่เป็นตัวแทนสาวลาว

กรณีของ “นก พรพนา” “จิ๋ว อมรรัตน์” และ “จิ๋ว นกพรพนา” สะท้อนปัญหาเดิมๆ ในธุรกิจเพลงลูกทุ่ง ข้อกฎหมายก็เรื่องหนึ่ง ธุรกิจก็อีกเรื่องหนึ่ง สำคัญที่สุด "อย่าละทิ้งความเป็นมนุษย์...เพราะทุกข้อขัดแย้ง จบลงด้วยการพูดคุยเสมอ หากยังมีจิตใจดีงามต่อกัน"

 

jiew 10

ติดตามจิ๋ว อมรรัตน์ ผ่านทาง Facebook : Jew Amonrat

redline

backled1

mp3

ภาคกลางเขามี Man City Lion (ชาย เมืองสิงห์)
ภาคอีสานบ้านเฮากะมี Star Home Don (ดาว บ้านดอน) คือกัน "

dao bandon 01ดาว บ้านดอน

ดาว บ้านดอน ชื่อจริงว่า เทียม เศิกศิริ เกิดที่บ้านดอนมะยาง ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร เป็นบุตรนายผ่าน - นางแพง เสิกศิริ ที่มีอาชีพทำนา จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านดอนมะยาง จากนั้นก็มาช่วยครอบครัวทำไร่นา แต่เมื่อมีเวลาว่างชอบที่จะมาทำหน้าที่เด็กวัดบ้านดอนมะยาง ที่อยู่แถวบ้าน เนื่องจากโปรดปรานการได้ขึ้นมาร้องเพลงลูกทุ่งบนหอระฆังของวัด ที่เขาบอกว่าเวลาขึ้นมาที่นี่ เขารู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจดี โดยเพลงที่เขาโปรดปรานส่วนมากเป็นเพลงของนักร้องชื่อ โฆษิต นพคุณ

มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน ลำบากมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เรียนหนังสือจบแค่ ป.4 ไม่มีโอกาสเรียนต่อทั้งๆ ที่เป็นคนเรียนเก่งความจำดี เมื่ออายุ 12 ปีได้บวชเป็นสามเณรที่วัดบ้านดอนมะยางนี้ และสอบได้เปรียญธรรมชั้นตรี ระหว่างนั้นเขายังคงชื่นชอบการร้องเพลงอยู่ แต่ไม่สามารถร้องได้เพราะผิดศีล เพื่อหาทางออก เขาตัดสินใจสมัครเรียนการเทศน์มหาชาติ ที่ต้องอาศัยทักษะไม่ต่างไปจากการร้องเพลง

เขาฝึกเรื่องนี้อยู่ 2 ปี จนช่ำชอง และกลายเป็น สามเณรเสียงดี อาศัยร่มผ้ากาสาวพัสตร์ หัดเทศน์ทำนองแหล่จนชำนาญ เป็นสามเณรเสียงทองที่มีปฏิภาณเป็นเลิศ กลายเป็นสามเณรนักเทศน์แหล่อันดับหนึ่ง ของแผ่นดินที่ราบสูงในสมัยนั้น ที่ตระเวนเทศน์ในหลายพื้นที่ จนผู้คนเรียกกันว่า เณรบ้านดอน

ต่อมา สามเณรวัย 18 ปีก็เกิดไปหลงเสียงของ ชาตรี ศรีชล ทำให้ต้องตัดสินใจสึกออกมา ในช่วงเดียวกับที่ วงดนตรีมิตรเพชรประชา วงดนตรีแถวบ้านประกาศรับสมัครนักร้อง ซึ่ง ดาว บ้านดอน และน้าชาย ก็มาเป็นนักร้องอยู่กับวงนี้ แต่หลังจากที่ทางวงช่วยกันเก็บเงินซื้อกลองชุดมาได้ชุดหนึ่ง และเกิดเหตุให้กลองตกลงมาแตก วงก็เลยแตกไปตามกลองด้วย

dao bandon 03

ดาว บ้านดอน กลับมายึดอาชีพทำไร่ปอและทำนาตามเดิม เพื่อหาทุนรอนในการตามหาความฝันเรื่องการเป็นนักร้องอัดแผ่น เพราะเพื่อนชาวร้อยเอ็ดที่เป็นนักร้องวงดนตรีอุรารักษ์ในกรุงเทพฯ ชื่อ จะเด็ด เพชรอีสาน บอกกับเขาว่ามีทางลัดในการเป็นนักร้อง นั่นก็คือการหาเงินเพื่อบันทึกเสียง ยกระดับตัวเองเป็นนักร้องอัดแผ่น แล้วค่อยเอาแผ่นเสียงไปเสนอวงดนตรีดังๆ หรือครูเพลง ซึ่งจะทำให้ดูมีภาษีกว่าการไปสมัครมือเปล่าๆ

หลังจากทำไร่ปอจนเก็บเงินได้ 8,000 บาท ดาว บ้านดอน กับเพื่อนอีกคน ก็เข้าห้องอัด โดย ดาว บ้านดอน อัดเพลง หนุ่มยโสธร ที่เขาแต่งเอง แต่เป็นการเลียนแบบเพลง บุพเพสันนิวาส ของครูไพบูลย์ บุตรขัน ที่แต่งให้ ศรคีรี ศรีประจวบ งานนี้อดีตสามเณร หันมาใช้ชื่อ ดาว บ้านดอน ที่ตั้งขึ้นเอง โดยมีที่มาจากฉายา เณรบ้านดอน สมัยยังบวชเป็นเณรอยู่ งานนี้ทั้งสองคนตกลงออกค่าใช้จ่ายคนละครึ่งคือ คนละ 4,000 บาท

ที่เมืองกรุง ทั้งสองไปบันทึกเสียงกันที่ ห้างแผ่นเสียงกมลสุโกศล โดยมีวงดนตรีเพชรสำราญเล่นดนตรีให้ ซึ่งก็ใช้เครื่องดนตรีแค่ 4 ชิ้นเท่านั้น หลังบันทึกเสียงเสร็จ ก็สั่งตัดแผ่นออกมา 200 แผ่น เพื่อนำไปตระเวนแจกตามสถานีวิทยุ และหนึ่งในนั้น ดาว บ้านดอน ต้องการนำไปให้ นพดล ดวงพร เจ้าของวงดนตรีเพชรพิณทอง อันลือลั่นที่อุบลราชธานี แต่ปรากฏว่าคำแรกที่ นพดล ดวงพร พูดหลังจากให้ฟังแผ่นเสียง และดาว บ้านดอน ยื่นความจำนงอยากจะขอเป็นนักร้องหรือนักแต่งเพลงในวงก็คือ "ดายหญ้าเป็นหรือเปล่า?" ทำเอา ดาว บ้านดอน ต้องผิดหวังและรีบกลับบ้านทันที

dao bandon 02

จากนั้น ดาว บ้านดอน ได้นำแผ่นเสียงไปให้นักจัดรายการเพลงลูกทุ่ง 2 คน ที่สถานีวิทยุ จ.ส. ร้อยเอ็ด ก่อนที่จะนำส่วนที่เหลือออกเร่ขายในราคาถูกๆ เพื่อหาทุนคืน จากนั้นเขากับเพื่อนก็ไปสมัครเป็นนักร้องอยู่กับวงดนตรีอุรารักษ์ และต่อมาย้ายมาอยู่กับวงดนตรีเพชรสำราญ

ในขณะนั้นเพลง "หนุ่มยโสธร" ที่เขานำไปฝากกับนักจัดรายการที่ร้อยเอ็ด ก็เป็นที่ชื่นชอบของนักฟังเพลงทีร้อยเอ็ด จนเพลงติดอันดับ 1 ของร้อยเอ็ดอยู่หลายสัปดาห์ ทำให้ในที่สุด เทพบุตร สติรอดชมพู เจ้าของวงดนตรีและคณะหมอลำชื่อดังของภาคอีสาน ต้องรุดมาเอาตัว ดาว บ้านดอน ไปร่วมงานด้วย โดยส่งเขาไปประจำ คณะหมอลำเพชรสยาม

ดาว บ้านดอน ในฐานะนักร้องอย่างเต็มภาคภูมิ ออกแสดงครั้งแรกที่สุรินทร์ จากการเดินสายทำให้เพลง หนุ่มยโสธร ของเขาโด่งดังมากขึ้น เขาจึงได้แต่งเพลงเพิ่มอีกหลายเพลง ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมาก เทพบุตร สติรอดชมพู จึงตั้งวงดนตรีดาว บ้านดอน ให้เขา จากนั้นในปี 2516 ดาว บ้านดอน ก็มาโด่งดังอย่างสุดๆ จากเพลง ลำเพลินเจริญใจ เพลงนี้ทำให้งานเพลงเก่าๆ ของเขา และการแสดงหน้าเวทีได้รับความนิยมตามไปด้วย แต่หัวหน้าวงตัวปลอมเช่นเขา ก็ยังคงได้รับเงินเดือนจากหัวหน้าตัวจริงเดือนละ 2,500 บาทเท่าเดิม

ดาว บ้านดอน จึงไปขอขึ้นค่าตัว และได้รับการปรับขึ้นมาเป็นวันละ 300 บาท ใกล้เคียงกับ ศักดิ์สยาม เพชรชมภู เบอร์ 1 ของเครือเพชรสยามที่ได้วันละ 450 - 500 บาท แต่นักร้องทั้งสองก็ยังรู้สึกว่า รายได้ของพวกเขาไม่เป็นธรรม ดาว บ้านดอน จึงทิ้งวง หนีตามไปอยู่กับศักดิ์สยามที่ทางภาคเหนือ ซึ่งทาง เทพบุตร สติรอดชมพู พยายามตามทั้งสองคนกลับมา แต่ได้กลับมาเฉพาะศักดิ์สยามเท่านั้น ส่วนดาว บ้านดอน ไม่ยอมกลับมารับค่าตัววันละ 300 บาทตามเดิม

dao bandon 04

ดาว บ้านดอน กลับมาทำไร่ปอและแตงโมที่บ้านเกิด เพื่อหาทุนตั้งวงดนตรีของตัวเอง ขณะเดียวกันก็พยายามผลิตผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้แฟนเพลงลืม ในที่สุดเขาก็ตั้งวงได้ และออกเดินสายแถวภาคอีสาน ต่อมาเขาได้รู้จักกับ คมศร พรสวรรค์ นักจัดตารางการแสดงวงดนตรี (Booker) ในกรุงเทพฯ และก็ได้มอบหมายให้คมศรช่วยจัดตารางการแสดงของวงให้ ทำให้เขาสามารถเปิดการแสดงในพื้นที่ที่กว้างมากขึ้น

แต่หลังจากคบค้ากันมานาน ดาว บ้านดอน ก็ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว คมศร พรสวรรค์ ก็คือธุรกิจอีกสายหนึ่งของ เทพบุตร สติรอดชมพู นั่นเอง ทำให้เขารู้สึกอึดอัดไม่น้อยที่ต้องกลับมาอยู่ภายใต้อิทธิพลของเจ้านายเก่า แต่ก็ทำใจได้ และเดินหน้าทำงานกับเจ้านายต่อไปตามเดิม

ปี 2525 ดาว บ้านดอน ออกผลงานชุด ยอดตำลึงชุมแพ ก่อนที่จะประกาศปิดวง นำเอารถอุปกรณ์และเครื่องดนตรีให้วงดนตรีของนักร้องหน้าใหม่เช่า ส่วนตัวเองก็หันไปเป็นนักร้องรับเชิญกับวงดนตรีหน้าใหม่เหล่านี้ แต่ก็ยังคงผลิตผลงานเพลงของตัวเองออกมาเรื่อยๆ ร่วมทั้งตั้งหน้าตั้งตาแต่งเพลงปั้นนักร้องแนวหมอลำหน้าใหม่

ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ สมจิตร บ่อทอง และ ฮันนี่ ศรีอีสาน และอีกหลายคน นอกจากนั้น ก็ยังแต่งเพลงให้นักร้องมากมายทั้ง ศักดิ์สยาม เพชรชมพู, จินตหรา พูนลาภ, พิมพา พรศิริ, สันติ ดวงสว่าง, สดใส รุ่งโพธิ์ทอง, สาธิต ทองจันทร์, ลูกแพร - ไหมไทย อุไรพร, พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย, ศรเพชร ศรสุพรรณ

ดูเวอร์ชั่นกึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทยครั้งที่ 2 คลิกเลย

สำหรับชีวิตครอบครัวนั้น ดาว บ้านดอน แต่งงานตอนอายุ 21 ปี คือก่อนตอนเป็นนักร้องกับสาวบ้านเดียวกันและมีลูกด้วยกัน 1 คน ก่อนจะเลิกรากันไป พอถึงปี 2518 ช่วงที่กำลังดังเต็มที่ก็แต่งงานอีกครั้งกับสาวร้อยเอ็ดชื่อ บุญเรือง และมีลูก 5 คน ต่อมาในปี 2521 ก็แต่งงานอีกครั้งกับสาวร้อยเอ็ดอีกคนชื่อ คำพัน และ มีลูกอีก 1 คน ปัจจุบัน ภรรยาทั้งสอง และลูกๆ ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน

รางวัลเกียรติยศ

  • รางวัลเสาอากาศทองคำพระราชทาน ปี พ.ศ. 2519 จากเพลง "คนขี่หลังควาย"
  • รางวัลกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทยครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2534 จากเพลง "คนขี่หลังควาย"

 

 ดาว บ้านดอน มาเยือนเวที "ไมค์ทองคำ หมอลำฝังเพชร"

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ ดาว บ้านดอน  กับการขึ้นเวทีร้องเพลงในฐานะนักร้อง นักแต่งเพลง และผู้สร้างนักร้องลูกทุ่งรุ่นใหม่ ในรายการ "สารพันลั่นทุ่งบางเขน" ทางช่อง ThaiPBS

รายการ "สารพันลั่นทุ่งบางเขน" ทางช่อง ThaiPBS

redline

backled1

mp3

mai tai 5ไหมไทย ใจตะวัน

ไหมไทย ใจตะวัน หรือในอดีตที่อยู่วงดนตรี เสียงอีสาน คือ ไหมไทย อุไรพร วันนี้แยกตัวออกมาจากวงเสียงอีสาน ออกมาตั้งวงดนตรีของตัวเอง รับงานแสดงเอง ซึ่งต้องต่อสู้ฝ่าฟันกันพอสมควร และได้เข้ามาออกผลงานอัลบั้มกับค่าย แกรมมี่โกลด์ กับผลงานอัลบั้ม "บ่าวพันธุ์พื้นเมือง"

ประวัติส่วนตัว

ไหมไทย ใจตะวัน มีชื่อจริงว่า นายมนต์ชัย นามสกุล รักษาชาติ ชื่อในวงการ : ไหมไทย หัวใจศิลป์ (เคยใช้ชื่อ ไหมไทย อุไรพร ตอนอยู่วงดนตรีหมอลำเสียงอีสาน, ชื่อ ไหมไทย ใจตะวัน ตอนสังกัด ค่าย GMM Grammy) เกิดเมื่อ วันศุกร์ ที่ 26 เดือน มกราคม พ.ศ. 25... (กลัวจะรู้ว่า แก่???) ที่บ้านดอนสั้น ตำบลดอนมัน อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของ นายมี - นางจูม รักษาชาติ ด้วยความที่ชอบในการร้องเพลง และการแสดงร้องลำ จึงเคยอยู่กับคณะหมอลำดังต่างๆ มาแล้วหลายคณะ เช่น อังคารแก้ววิเศษศิลป์, ก้องสยาม, นกยูงทอง, อุดรมิตรนิยม, หมอลำซิ่ง คณะสุดท้ายคือ เสียงอิสาน (แม้ว่าตนเองจะไม่ถนัดในการร่ายรำสวยงามแบบอีสานแท้ๆ แต่มีเสียงดีเลยได้รับเลือกให้เป็นพระเอก) ผู้ที่ชักนำเข้าสู่วงการคือครูเพลง/หมอลำ อาจารย์ดอย อินทนนท์ โดยได้บันทึกเสียงเพลงแรกคือ หยุดเสียใจเถิดน้อง และผลงานที่สร้างชื่อจนเป็นที่รู้จัก เช่น รักสาวนครสวรรค์, ลารักกลับแนวรบ, เห็นเธอที่เยอรมัน, บักสิเด๋อ ได้รับฉายาว่า พระเอกใหญ่ และ ไมเคิล แจ็คสันเมืองอีสาน จากท่าเต้นและการแต่งกาย

ผลงานเพลงชุดล่าสุด อั้ลบั้มชุดที่ 3 เวลคัม ทู ทำนา โดยเฉพาะเพลง ดาวมีไว้เบิ่ง โดย อ.วสุ ห้าวหาญ กำลังมาแรงเด้อครับ สังกัดแกรมมี่โกลด์ ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

mai tai 3

เสียงแคนจากแมนชั่น

mai tai 1โดย ไพวรินทร์ ขาวงาม

เสียงแคนจากแมนชั่น ชื่อเหมือนบทกวี แต่นี่เป็นชื่อเพลงลูกทุ่ง ขับร้องโดย ไหมไทย ใจตะวัน เป็นเพลงไม่ดังแรงเท่ากับ “กับคนนั้นถึงขั้นไหน” หรือ “ใจบ่มักดี” แต่มักถูกพูดถึงอย่างชื่นชมในหมู่ผู้ลุ้นให้วงการเพลงลูกทุ่งพัฒนาขึ้น แทนจะมีแต่เพลงรักเพลงใคร่ ชิงรักหักสวาท ด่ากันไปด่ากันมา เริ่มมีเพลงสะท้อนชีวิตและวัฒนธรรม มีความเป็นกวีมากขึ้น มีรสชาติศิลปะใหม่ๆ ทำให้โลกการฟังเพลงลูกทุ่งคลี่คลาย

“เสียงแคนจากแมนชั่น” แต่งโดย วีระ สุดสังข์ ครูและกวีแห่งภาคอีสาน คงเพราะเป็นเพื่อนกับ สลา คุณวุฒิ จึงได้รับโอกาสนี้ ตั้งแต่สมัยแต่งเพลง “กำแพงปริญญา” ให้ ต่าย อรทัย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ครูสลาเองก็พยายามเอื้อโอกาสเพื่อนหลายคน ซึ่งมีความเป็นกวี แม้ว่าเพลงที่มีความเป็นบทกวี อาจฟังยากและเป็นจุดขายน้อย แต่ถึงจุดหนึ่งแล้ว เพลงแบบนี้จะเป็นเสน่ห์ และสามารถยกระดับพัฒนาทั้งตัวนักร้อง ค่ายเพลง และวงการเพลงลูกทุ่ง

mai tai 2วีระ หรือในอดีตใช้นามปากกา ฟอน ฝ้าฟาง ร่วมยุคกับ ซึ้ง ซมซาน (ทั้งฝ้าฟาง ทั้งซมซาน อะไรจะปานนั้น) เขาเองเป็นเพื่อนผมด้วย ตอนเพลงชุดนี้วางแผงใหม่ๆ เขารีบส่งข่าวให้ผมซื้อฟัง ผมฟังแล้วออกปากชม นี่เป็นเพลงที่ดี นี่เป็นเพลงที่จะดังในอนาคต

เขาแอบส่งข่าวบ่อยๆ เพลงของเขามาแรง ติดอันดับโน่นอันดับนี่ ก็ได้แต่ปลื้มใจไปกับเขา ตามประสาคนที่นานๆ แต่งเพลงที ย่อมตื่นเต้นเป็นธรรมดา ย่อมแอบลุ้นเป็นธรรมดา เหมือนผมนั่นแหละ มีเพลง “ไหมแท้ที่แม่ทอ” ขับร้องโดย ต่าย อรทัย เพลงเดียว ก็ตื่นเต้นไม่รู้หยุดไม่รู้หย่อน ไม่รู้ว่า เพื่อนที่แต่งเพลงดังๆ เยอะๆ จะตื่นเต้นแบบนี้ไหม (555)

“เสียงแคนจากแมนชั่น” เพียงชื่อก็บอกเรื่องเล่า แคนคือชนบท แคนคืออีสาน แมนชั่นคือเมืองหลวง สองสิ่งนี้เหมือนขัดแย้ง แต่กลับกลมกลืนกันอยู่ในที โดยเฉพาะโลกสมัยใหม่ ที่เคลื่อนเปลี่ยนชนบทกับเมืองให้คละเคล้ากัน สมัยอยู่เมืองหลวง ผมเองเคยอาศัยแมนชั่น แม้ไม่เคยได้ยินเสียงแคน แต่รู้ว่ามีคนบ้านเดียวกันร่วมอาศัยอยู่มาก บางวันได้ยินเสียงหมอลำ บางวันได้กลิ่นปลาร้า ถึงส่วนตัวจะไม่ได้ทักทายกันสนิทสนม แต่เสียงและกลิ่นเหล่านี้ สามารถทำให้เราถูกชะตากันได้ง่าย

หลายปีที่แต่งกลอน ผมสะท้อนเรื่องราวทำนองนี้บ่อยๆ จนกลายเป็นแนวทางหนึ่ง ระหว่างเมืองและชนบท เช่น “เขาร้องเพลงลูกทุ่งให้เมืองฟัง” “สาวอีสานในร้านอาหารญี่ปุ่น”

ฟัง “เสียงแคนจากแมนชั่น” แล้วซึ้งครับ คิดถึงบ้าน ดีใจกับเพื่อนทุกคน ที่อยู่เบื้องหลัง รวมทั้ง ไหมไทย ใจตะวัน นักร้องหนุ่มผู้มีโอกาสกับเพลงนี้ และขับร้องได้อย่างมีเสน่ห์

ดูเนื้อเพลง "เสียงแคนจากแมนชั่น" และ "ดาวมีไว้เบิ่ง"

mai tai 4
การแสดงสดของวงดนตรีลูกทุ่ง ไหมไทย ใจตะวัน

ชีวิตสมรส

ไหมไทย เคยสมรสกับ มณีจันทร์ คำมูล มีบุตรหนึ่งคน และลงเอยด้วยการหย่าร้าง ต่อมาได้จดทะเบียนสมรสกับ วราพร เมืองนะศรี แต่หลังจากอยู่ด้วยกันเพียงสองปี วราพรก็เสียชีวิตลง ปัจจุบัน ไหมไทย สมรสกับ จันทร์นภา อินทร์โสภา ซึ่งขณะนั้นเธอเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 อายุ 16 ปี ซึ่งมีอายุห่างกับเขา 28 ปี เมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2555 ด้วยเธอมีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับภรรยาคนที่สองที่เสียชีวิตไป

เส้นทางเดินที่ผ่านมากับการเริ่มต้นวันนี้

จัดเป็นนักร้องที่อยู่ในหมวดหมู่ที่มี ''พรสวรรค์'' และ ''ความมั่นใจสูง'' สำหรับ ''ไหมไทย หัวใจศิลป์'' ซูเปอร์สตาร์ลูกทุ่ง หมอลำ โดยเฉพาะการแต่งกายคล้ายซูเปอร์ฮีโร่ในการ์ตูนญี่ปุ่น รวมถึงลีลาเต้นดุเด็ดเผ็ดร้อน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ ไม่เหมือนใคร' และ ไม่มีใครเหมือน

ไหมไทยแจ้งเกิดกับวงดนตรีลูกทุ่งหมอลำ ''คณะเสียงอิสาน'' ภายใต้สังกัด ''ท็อปไลน์ มิวสิค'' ในชื่อ ''ไหมไทย อุไรพร'' ตั้งแต่อายุ 17 ปี จับคู่ ''ลูกแพร อุไรพร'' เดินสายสร้างชื่อเสียงโด่งดังกับเพลง หยุดเสียใจเถิดน้อง, รักสาวนครสวรรค์, แพ้รบสนามรัก, ลารักกลับแนวรบ, เห็นเธอที่เยอรมัน, บักสิเด๋อ ฯลฯ เป็นเวลากว่า 15 ปี

mai tai 6

จากนั้นย้ายไปอยู่กับ ''แกรมมี่ โกลด์'' เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ''ไหมไทย ใจตะวัน'' มีเพลง ''ดาวมีไว้เบิ่ง'' ฮอตฮิตติดลมบน เมื่อหมดสัญญาหวนคืนสู่อ้อมกอด ''ท็อปไลน์'' อีกครั้ง เปลี่ยนชื่ออีกยกเป็น ''ไหมไทย หัวใจศิลป์'' มีเพลง ''นางฟ้าหรือยาพิษ'' ดังกระหึ่ม หนุนให้วง ''พระเอกใหญ่ ไหมไทย หัวใจศิลป์'' คิวทองต้องจองกันข้ามปี มีมิตรรักแฟนเพลงตามติดผลงานมากมาย

ก่อนเข้าสู่ช่วงใกล้เปิดวงฤดูกาลใหม่ พ.ศ. 2558-2559 ''ไหมไทยลองของอีกยก'' ขอเว้นวรรคทำงานร่วมกับท็อปไลน์ เปิดค่าย ''พระเอกใหญ่'' สร้างสรรค์ผลงานเอง กำลังจะมีอัลบั้ม ''คอหมอลำ'' ออกมาเป็นประเดิม

''ตอนนี้ออกมาทำผลงานนำเสนอพี่น้องแฟนเพลง อัลบั้มชุดคอหมอลำ ผลิตออกมา 10 ผลงานเพลง เข้ากับชีวิตคนอีสานบ้านเฮา เป็นเรื่องราวใหม่ ซึ่งไหมไทยตัดสินใจกลับบ้านเกิดเมืองนอนมาทำเอง ในยุคปัจจุบันมีปัญหาเรื่องการผลิตเป็นอัลบั้มเพลงออกมาขายไม่ได้ เพราะระบบก๊อปปี้มันมีมากจนในกลุ่มนักสร้างสรรค์ ครูเพลง ค่ายเพลง อยู่ในช่วงที่ลำบาก แต่ทำอย่างไรเราถึงจะอยู่กับมันได้ ผมเองเข้าใจดี ถ้ามัวแต่รอคอยมันก็นานเกินไป คนที่รอก็รอ ผมจึงตัดสินใจกลับบ้านไปทำเอง ดีไม่ดีขึ้นอยู่กับพี่น้องจะเมตตากรุณาและสงสาร ฤดูกาลใหม่ต้องมาฟังสดๆ หน้าเวที แต่ละปีแต่ละเดือนปัญหามากมาย ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาแต่ละคนแตกต่างกัน แต่เราจะมามีความสุขร่วมกัน ผมยืนยันว่าจะอยู่เคียงข้างคอยขับกล่อมพี่น้องแฟนเพลง ให้มีความสุขไปเรื่อยๆ ตราบนานเท่านาน เชื่อว่าถ้าพี่น้องรักจริงต้องเข้าใจ''

mai tai 7

สำหรับชื่อค่าย ''พระเอกใหญ่'' นักร้องหนุ่มบอกว่า มาจากคำที่เขาโดนมิตรรักแฟนเพลงแซวอยู่เป็นประจำ จนรู้สึกคุ้นเคย ''ผมตั้งค่ายทำเองชื่อว่า ค่ายพระเอกใหญ่ มาจากการโดนพี่น้องแฟนเพลงแซวเรื่อยมาว่า พระเอกใหญ่... พระเอกใหญ่ ผมรู้สึกคุ้นเคยคำนี้ที่มาจากความรักของพี่น้อง ผมจึงนำมาตั้งชื่อ ก็ไปทำให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เพื่อไม่ให้เหมือนเป็นการทำผลงานแบบเถื่อนๆ ไปจดทะเบียนขออนุญาตถูกต้องแล้ว อัลบั้มใหม่จะมีเพลงคอหมอลำ แม่นของแท้บ่ พาเมียไปออกเฟซ เจ็บจนจุก ความลับสวรรค์ ฯลฯ''

การขอเว้นวรรคจากท็อปไลน์ ไหมไทยยืนยัน ''มิได้หักดิบ'' มีการขออนุญาตจาก ''ทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม'' นายห้างท็อปไลน์เรียบร้อยแล้ว

''มีการบอกผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้วว่า ผมจะกลับบ้านเด้อครับเด้อ จะไปทำผลงานเอง ทางนายห้างท่านก็ดีครับบอกแล้วแต่ตัดสินใจ คือในยุคปัจจุบันผมเข้าใจทางบริษัทนะ ผลิตออกมาเป็นอัลบั้มมันใช้ต้นทุนสูง ทีนี้เวลาขายขายยาก ผมเลยขอมาทำงานตามประสาคนบ้านนอก ใช้ทุนไม่เยอะ มีพี่น้องช่วยผลักดันช่วยสนับสนุนคนละห้าบาทสิบบาทร้อยสองร้อย ผมก็เก็บหอมรอมริบ ผมทำตั้งแต่การร้องและทุกๆ ขั้นตอนก็หนักเหมือนกัน แต่การถ่ายทำมิวสิกคงยังไม่ทำ เพราะว่ามันต้องใช้ต้นทุนสูง ต้องไปจ้างกองถ่ายนักแสดงอีก การเชียร์ตามคลื่นวิทยุ ผมก็ไม่มีเงินไปจ้างเป็นเดือน ก็ทำไปตามอัตภาพ ตามชีวิตของหมอลำคนหนึ่ง ไม่กล้าเอาไปฝากคลื่นวิทยุหรอกครับ...อาย''

ไหมไทย หัวใจศิลป์ : ไมค์ทองคำ หมอลำฝังเพชร 2 (ep.1)

แผนการทำงานค่ายพระเอกใหญ่ ไหมไทยบอกว่า นอกจากสร้างสรรค์ผลงานให้กับตนเองแล้ว มีโครงการเปิดรับนักร้องใหม่เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกด้วย โดยเน้น ''ผู้ที่อยากเป็นศิลปินจริงๆ'' มิใช่ ''ผู้ที่อยากเด่นอยากดังอยากรวย''

''มีโครงการรับสมาชิกอยู่ครับ ถ้าผู้ที่มีใจรักจริงๆ ลองเข้ามาสอบบรรจุว่าคุณคือนักร้องหรือเปล่า ไม่ใช่เดินมาเพราะความอยาก คำว่าอยากใครๆ ก็อยาก อยากดัง อยากมีเงิน อยากเป็นคนเด่น แต่ว่าอยากที่จะเป็นศิลปินจริงๆ คุณสมบัติ หรือใจมันมีมากพอหรือยัง ที่จะเป็นคนของประชาชน ผมเคยทำอัลบั้มออกมาชุดหนึ่ง ชื่อว่ารวมสานงานศิลป์ ลงทุนจริง ทุ่มเทเพื่อสมาชิกวง มีหลักฐานว่าผมทำจริงๆ ก็จะตั้งใจทำงานให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด อนาคตข้างหน้าเป็นสิ่งไม่แน่นอน เมื่อตัดสินใจแล้วต้องทำให้ดีที่สุด อนาคตจะประสบความสำเร็จมั้ย ผมไม่กล้าพูดอะไรมาก พูดไปแล้วทำไม่ได้ มันเหมือนกับขี้คุย''

ไหมไทยเตรียมเปิดโชว์ฤดูกาลใหม่วง ''พระเอกใหญ่ ไหมไทย หัวใจศิลป์'' ในวันที่ 9 ต.ค. 2558 นี้ ที่บ้านเลขที่ 164 บ้านหัวแฮด ตำบลธัญญา อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเจ้าตัวการันตีว่า มีความแตกต่างจากปีที่ผ่านมาแน่นอน

mai tai 8

แต่มีความกังวล ตรงที่เพลงในอัลบั้มใหม่อาจยังไม่เป็นที่รู้จักของแฟนเพลง เนื่องจากมีช่องทางโปรโมตน้อยลง หลังจากตัดสินใจออกจากค่ายมาโบยบินด้วยปีกของตัวเอง จึงตัดสินใจไปซื้อลิขสิทธิ์เพลงดังที่ขับร้องมากับท็อปไลน์ และสมัยที่อยู่กับแกรมมี่โกลด์ มาใช้แสดงหน้าเวที

ไหมไทย หัวใจศิลป์ : ไมค์ทองคำ หมอลำฝังเพชร 2 (ep.2)

''มีความแตกต่างจากเดิมแน่นอนครับ หนึ่งเลยคือมีผลงานเพลงใหม่ ซึ่งผมก็ต้องลุ้นอยู่ นำเสนอช่วงแรกๆ แฟนๆ น่าจะงงพอสมควร เพราะว่ายังไม่คุ้นเคย แต่ก็เข้าใจว่าของอย่างนี้มันต้องใช้เวลา ที่ผ่านมาบางเพลงผ่านไปเป็นปีแล้วแฟนๆ ยังไม่รู้จักเลย ยกตัวอย่างเพลงผัวสำรอง ที่ได้รับความนิยมอยู่ในเวลานี้ ใช้เวลานำเสนอเป็นปีๆ นะครับ แน่นอนครับการออกมาทำเอง ก็มีจุดอ่อนในเรื่องของการกระจายผลงาน ช่องทางการโปรโมต หรือการขายซีดีมีน้อยนิด หน้าเวทีตามบทเพลง ซึ่งปีนี้จะเป็นการโชว์ที่ยาวนานที่สุด นำการโชว์ตั้งแต่เริ่มเปิดวงมาผสมผสานกัน ซึ่งจะมีเพลงที่อยู่กับแกรมมี่ด้วย เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายผมก็ไปขอซื้อลิขสิทธิ์แล้ว เพลงที่มีกับท็อปไลน์ ก็ขออนุญาตนายห้างเรียบร้อย ท่านบอกว่าถ้าไหมไทยเอาไปร้องไม่เป็นไร แต่อย่าเอาไปอัดขาย ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่อำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี''

mai tai 9

พร้อมกันนี้ยังได้ลงทุนปรับระบบแสง สี เสียง ใหม่ รวมถึงเน้นเอาผ้าพื้นเมืองอีสาน มาตัดเย็บเป็นชุดสวมใส่ เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นถึงความงดงาม เป็นการนำเสนอภูมิปัญญาชาวบ้านให้แพร่หลายไปในวงกว้างในตัวด้วย

''มีการลงทุนปรับระบบแสง สี เสียง ต้องใช้รถ 6 ล้อทั้งคันมาผ่า เพื่อทำเป็นระบบไฮดรอลิก กว่าจะเสร็จไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้นทุนสูงพอสมควร หลายล้านอยู่ครับ ส่วนเสื้อผ้า ผมก็เน้นเอาผ้าพื้นบ้านมาใช้ เช่นเอาผ้าไหมมาตัด ตามรูปแบบศิลปวัฒนธรรมอีสานบ้านเฮา ต้องมีการร่ายรำ ก็มีชุดผ้าไหม และชุดสีสันสวยงามผสมกันไป ตอนนี้สมาชิกวงร่วมร้อยชีวิต เมื่อก่อนค่าใช้จ่ายเยอะ แต่ตอนนี้ก็ปรับให้เบาลง เพื่อให้ง่ายต่อการจ้างจากเจ้าภาพ คิวงานดีครับทุกปีโดยเฉลี่ย 2 ร้อยกว่างาน ค่าจ้างก็ตามระยะทางถ้าใกล้ก็อยู่ที่ 2 แสนกว่าๆ แต่ถ้าไกลก็ต้องมีบวกค่าน้ำมันบ้าง''

เปิดใจ : ไหมไทย หัวใจศิลป์ ep.1

กับการตัดสินใจออกมาจากร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ ''ไหมไทย'' ไม่ได้รู้สึกว่า ''กำลังเดินทางไกล'' แต่รู้สึกว่า ''กำลังเดินกลับบ้าน'' จากนี้ต่อไปขอ ''ตั้งใจทำงานอย่างมีความหวัง'' เพื่อเป้าหมายเดียวคือ ''ความสุขของมิตรรักแฟนเพลง''

เปิดใจ : ไหมไทย หัวใจศิลป์ ep.2

ปัจจุบันอยู่ที่ 199 หมู่บ้านกุดอ้อ หมู่ที่ 2 ตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ สามารถติดตาม ไหมไทย หัวใจศิลป์ ได้ทาง Facebook ไหมไทย หัวใจศิลป์ ติดต่อทางโทรศัพท์ที่ 081-9641162 / 089-2055841

redline

backled1

mp3

pai 01ไผ่ พงศธร

ไผ่ พงศธร มีชื่อและนามสกุลจริงว่า นายประยูร ศรีจันทร์ เกิดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2525 ที่บ้านสร้างแต้ ตำบลโพนงาม อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร เริ่มการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่ โรงเรียนบ้านสร้างแต้ บ้านเกิด แล้วไปต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนโพนงามวิทยา อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร แล้วศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่ คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาเอกการจัดการ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต โดยได้รับทุนจาก โครงการช้างเผือก มีพี่-น้อง 4 คน โดยไผ่เป็นลูกชายคนสุดท้องและมีพี่สาวอีก 3 คน เขามีน้ำหนัก 54 กิโลกรัม สูง 166 เซนติเมตร

"ได้เวลาเมือบ้านน้ำตาย้อยหยั่ง ซุมหมู่เฮาคนจนคือสิได้ไปเอาบุญบ้านจั๊กหว่าง เถิงทางสิไกลไปลำบาก กะสิทนนั่งท้ายปิกอัพปานว่ารถขนหมู ทนอดอู้จนฮอดบ้านเฮา.."

บทรำพึงถึงคนจนที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงกลุ่มคาราวานคนจนที่มาเย้วๆๆ อยู่หน้าทำเนียบรัฐบาลนะครับ หากแต่เป็นกลุ่มคนอีสานที่เข้ามาขายแรงงานในเมืองหลวง จะได้เวลาคืนทุ่ง คืนถิ่น ตอนเทศกาลสงกรานต์ ภาพขบวนรถปิกอัพที่มีคนเบียดเสียดเยียดยัดอยู่เต็มกระบะหลัง มีทั้งข้าวของเครื่องใช้ ไม่ต่างอะไรกับคาราวานคนจน ที่หมุนเวียนขึ้น-ล่อง จากที่ราบสูงกับเมืองหลวงอยู่ชั่วนาตาปี

ทำให้ผมนึกถึงหนุ่มนักร้องอีสานคนนี้ ไผ่ พงศธร เจ้าของอัลบั้ม "ฝนรินในเมืองหลวง" เพราะคำร้องเพลงนี้สะท้อนภาพคาราวานคนจนได้ดีทีเดียว "หน่อแนวอีสาน มาหางานทำในเมืองหลวง เสี่ยงโชคเดินตามดวง เหมือนแมงระงำบินตำแสงไฟ บ้างก็โชคดีมีงานทำ ได้เงินกลับไป บางคนสู้จนแพ้พ่าย เมือบ่ได้อยู่ไม่มีหวัง.."

pai in ubon 01pai in ubon 02

นอกจากเพลง "ฝนรินในเมืองหลวง" ในชุดนี้เพลงที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ทางภาคอีสานก็มีหลายเพลง อาทิ "ยืมหน้ามาเข้าฝัน" และ "หัวใจไม้ลำปอ" "คือภาพที่เห็น จากพี่น้องบ้านเฮา เหมือนหนังขายยาเรื่องเศร้า ฉายภาพเก่าซ้ำเดิมอีกครั้ง ข้อยก็หนึ่งคนที่ติดวังวน เหมือนปลาหลงวัง คึดฮอดบ้านเฮาหวั่งๆ เมื่อยามฝนหลั่งรินในเมืองหลวง" ท่อนแยกของเพลงนำอัลบั้มของไผ่ พงศธร ที่แต่งโดย วสุ ห้าวหาญ ได้ฉายภาพชัด และบ่อยครั้งที่ "ความจน" ของคนอีสานถูกนำมาขายในตลาดการเมือง

เหมือนภาพที่เห็นคนอีสานห้อมล้อมนักการเมืองใหญ่ คนแล้วคนเล่า ไม่ต่างอะไรกับหนังน้ำเน่าที่ฉายเรื่องเก่าซ้ำเดิมอีกครั้ง นักการเมืองผ่านมาแล้วก็จากไป แต่คนอีสานก็ยังจมปลักอยู่ในกับดักความยากจน เหมือนหลายสิบปีที่ผ่านมา ฟังเพลงหมอไผ่แล้ว กะคึดเห็นละครการเมืองเรื่อง "น้ำตาคางคก" ยางหัวบ่ตก กะบ่ได้สำนึกพี่น้องเอ้ย!

pai in ubon 03pai in ubon 04

ไผ่ พงศธร เป็นนักร้องผู้ที่สู้ชีวิตเหมือนนักร้องลูกทุ่งคนอื่นๆ เนื่องจากในวัยเด็กเกิดในครอบครัวที่ยากจน ต้องออกไปหางานทำตั้งแต่ยังเรียนอยู่ เนื่องจากเสียคุณพ่อไป จึงต้องหาเงินมาเรียนด้วยตนเอง โดยการไปรับจ้างแบกเครื่องเสียง เป็นหางเครื่อง เป็นหนุ่มโรงงาน และงานรำวง หมอลำ และรำขอข้าว พอจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็จำเป็นเดินทางมาทำงานในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากไม่สามารถเรียนต่อได้ โดยเข้ามาเป็นลูกมือที่ร้านของพี่สาว หลังจากนั้นได้พบกับ คุณหยก ลูกหยี (จิตรชัย ภาวังคาม) ได้เข้ามาพบ และเห็นว่าพอที่จะทำงานออกอัลบั้มได้ จึงได้ส่งไปบันทึกเสียงเพลงตัวอย่าง (เดโม่) ส่งให้ ครูสลา คุณวุฒิ ฟัง ซึ่งต่อมาครูสลาได้เรียกเข้าไปบันทึกเสียง และออกอัลบั้มที่ ค่ายแกรมมี่ โกลด์

เด็กหนุ่มจากบ้านสร้างแต้ เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาอยู่กับพี่สาวขายลาบอยู่แถวราษฎร์บูรณะ ช่วงนั้นก็ตระเวนเสี่ยงโชคบนเวทีประกวดร้องเพลง ก่อนที่จะได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องในสังกัดแกรมมี่โกลด์ก็ใช้เวลานานกว่า 5 ปี กับงานชุด "ฝนรินในเมืองหลวง" โดยมีเพลงที่ได้รับความนิยมอยู่ทางภาคอีสานก็มีหลายเพลง เช่น "ยืมหน้ามาเข้าฝัน" และ "หัวใจไม้ลำปอ"

pai 12

“ก็ระยะเวลากว่าจะมาถึงวันนี้เกือบ 10 ปี ก่อนหน้านี้ผมอยู่ในวงหมอลำ "ทรัพย์พิณทอง” แต่ไม่ค่อยมีงาน เจ้าภาพเขาจ้างแต่วงใหญ่ เราเป็นวงเล็ก สมาชิกในวงส่วนมากเป็นนักเรียน พองานไม่มีก็คิดกันว่าทำยังไงจะหาเงินมาจ่ายค่าเทอม ก็เลยรวมกันประมาณ 20 คน ตั้งเป็นวง “หมอลำขอข้าว“ มีคีย์บอร์ด กับแคน รับร้องเพลงทั่วไปแลกกับข้าวสารพอ 3-4 วัน ไปขายทีได้เงิน 9,000 - 10,000 บาท หักค่าน้ำมัน ค่ากินค่าอยู่ แล้วมาแบ่งเงินกันได้เท่าๆ กัน เหลือประมาณ 300-400 บาท

pai in ubon 05pai in ubon 06

เข้ามาอยู่ที่แกรมมี่โกลด์ได้เพราะไปหา อาจารย์สมพร แถวโชคชัย 4 เขาถามว่า "ร้องเพลงเป็นไหม?" ผมร้องเพลงสารคามให้เขาฟังทำเป็นเดโมออกมา พอดีพี่หยก ลูกหยี ที่อยู่ในวงการเขาไปร่วมออกค่ายวรรณกรรมของครูสลา ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ครูสลาก็ให้มาร้องที่แกรมมี่ รออยู่ 5 - 6 เดือน" ไผ่ บอกที่มาของเขาก่อนจะเป็นดาวรุ่งที่กำลังจรัสแสงในวงการเพลง

ช่วงนั้นเขาเล่าว่าเป็นช่วงที่ชีวิตลำบากถึงขั้นสุด บางวันมีเงินรวมกันแล้วได้แค่ 5-10 บาท ต้องเอาเงินซื้อข้าวเปล่า มาหนึ่งถุง และขอน้ำปลาจากร้านที่ซื้อข้าวมากิน บางครั้งถึงขนาดไม่ได้กินข้าว 2 วัน เพราะไม่มีเงินซื้อ บางครั้งที่ไม่มีเงินจริงๆ ก็ออกเดินดูตามตู้โทรศัพท์สาธารณะ เพื่อดูว่ามีเงินที่ค้างอยู่ตามช่องคืนเหรียญบ้างหรือเปล่า ชีวิตเป็นแบบนี้อยู่นานเหมือนกัน เคยท้อหลายครั้ง

pai in mumshowบนเส้นทางลูกทุ่งสายนี้ยังมีที่ว่างให้คนรุ่นใหม่เสมอ หากตั้งใจทำงานให้มีคุณภาพ นักร้องคนอื่นๆ ก็มีโอกาสเป็นดาวรุ่ง หรือได้ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าอย่างเช่นรุ่นพี่ๆ หากไม่มีเหตุการณ์ร้ายใดๆ มาสกัดดาวรุ่งเหล่านี้เสียก่อน

รายการ “หม่ำโชว์” เมื่อวันเสาร์ ที่ 7 เมษายน 2550 ที่ผ่านมา พิธีกรสาวสวยสุดเซ็กซี่ เจนนี่ เจนสุดา ปานโต ที่มาร่วมสร้างความสนุกสนานกับพิธีกรอารมณ์ดีหม่ำ จ๊กมก ซึ่งรับรองว่าได้ฮากระจายแน่นอน เมื่อมีนักร้องลูกทุ่งหน้าใหม่เจ้าของเพลงฮิต “ขอยืมหน้ามาเข้าฝัน” ไผ่ พงศธร มาเป็นแขกรับเชิญ ที่สำคัญยังเป็นคนยโสธรบ้านเดียวกับ หม่ำ อีกต่างหาก พอเจอหน้ากัน ทั้งพิธีกรและแขกรับเชิญก็เปิดฉากเว้าอีสานกัน อย่างออกรสออกชาติเลยทีเดียว นับเป็นนักร้องที่พิธีกรหม่ำเชียร์เป็นพิเศษ เพราะมีชีวิตที่คล้ายกับตัวเองที่เดินมาตามหาฝันที่กรุงเทพ ซึ่งกว่าจะก้าวมาเป็นนักร้องได้ต้องผ่านความยากลำบากมากมาย

แต่ที่ฮาแบบสุดๆ ก็ตอนที่หนุ่มไผ่โชว์ลีลาการตำส้มตำปลาร้า ทำเอาสาวเจนนี่ถึงกับกลืนน้ำลายหลายอึก เพราะกลิ่นปลาร้าสุดรัญจวนใจ พอตำเสร็จสาวเจนนี่รีบขอชิมทันที ความแซ่บยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หนุ่มไผ่ยังได้นำแจ่วบองของฝากจากยโสธรมาฝากทุกคน โดยเปิดวงเปิบกันกลางเวทีอย่างสนุกสนาน ทำเอาทีมงานและผู้ชมในสตูดิโอแอบกลืนน้ำลายกันเป็นแถว นี่ล่ะคนอีสานขนานแท้

pai 02

ไผ่ พงศธร เจ้าของงานเพลงล่าสุด "หมอนขาด สาดผืนเก่า" และกำลังมีงานละคร นายฮ้อยทมิฬ ช่อง 7 อยู่ตอนนี้ ซึ่งแม้ ไผ่ จะโด่งดังไปไกล แต่เขาก็ยังไม่ลืมรากเหง้าที่เคยมาจากดิน ยังทำตัวง่ายๆ กินที่ไหนก็ได้ นอนที่ไหนก็ไม่บ่น ล่าสุดแวะทานข้าวที่ศาลาพักผู้โดยสารริมทางสายศรีสะเกษ-อุบลราชธานี กับแม่ที่อุตส่าห์หอบหิ้วกับข้าวบ้านๆ มาต้อนลูกชายได้หายหิว ก่อนเดินทางไปพบปะแฟนเพลงต่อไป

pai no11
ติดตามความเคลื่อนไหวของไผ่ พงศธร ได้ทาง Facebook ครับ

นอกจากจะทำหน้าที่ร้องเพลงส่งความสุขให้กับแฟนพลงแล้ว ยังแสวงหาอาชีพเสริมให้กับตัวเอง เช่นเดียวกับนักร้องคนอื่นๆ อย่างพี่ไมค์ ภิรมย์พร, เอกราช สุวรรณภูมิ ก็มีอาชีพเสริมเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ปลาร้าแซบ ส่วนไผ่ พงศธร นั้นก็หันมาทำ ธุรกิจกาแฟเพื่อสุขภาพ เสริมรายได้อีกทางเหมือนนักร้องรุ่นพี่อย่างอ้ายหำ ผู้ใหญ่บ้านเฉลิมพล มาลาคำ, แม่นกน้อย อุไรพร (เสียงอีสาน) เป็นต้น ใครสนใจก็ตามไปดูรายละเอียดเอาเอง (บ่มาลงโฆษณากับเฮา เอาแค่นี้น้อไผ่ บ่หว่ากันเด้อ)

pai 13

รางวัลด้านต่างๆ

  • สาขา การขับร้องเพลงดีเด่นด้านภาษาไทย ประเภท ชมเชยผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งชาย เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ปี 2552 จากเพลง แสงเดือนถามข่าวแสงดาวนำทาง ในอัลบั้มชุดที่ 4 อยากมีเธอเป็นแฟน ปี 2553 จากเพลง มีเธอจึงมีฝัน ในอัลบั้มชุดที่ 5 มีเธอจึงมีฝัน ปี 2557 จากเพลง ฝืนใจหน่อยได้ไหม ในอัลบั้มชุดที่ 8 ตั้งใจแต่ยังไปไม่ถึง
  • รางวัล ศิลปินทูตกีฬา ประจำปี 2551 สาขา ทูตกีฬาปิงปอง
  • รางวัล คนดีศรียโสธร มอบโดย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร
  • รางวัล ลูกกตัญญู ลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ ประจำปี 2554 โดยสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ เข้ารับพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
  • รางวัล เยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2554 สาขา สื่อมวลชนเพื่อเด็กและเยาวชนที่ป้องกันปัญหาสังคม โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ เข้ารับพระราชทานโล่เกียรติคุณ และเกียรติบัตร จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
  • รางวัล ศิลปินผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ ประจำปี 2557 จากคุณไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม

ทบ.2 ลูกอีสาน - ไผ่ พงศธ

นอกจาก ไผ่ พงศธร จะเสียงดีแล้ว ยังมีความสามารถด้านการแสดงอีกด้วย ซึ่งในปี 2561 ไผ่ ได้ร่วมแสดงละครกับ ต่าย อรทัย ดาบคำ ซึ่งแฟนๆ ยกให้เป็นคู่จิ้นในใจไปแล้ว ก็เรียกว่าทำเอาแฟนๆ ฟินกันเป็นแถว และล่าสุดกับละครเรื่อง มงกุฎดอกหญ้า ที่ร่วมแสดงกับคู่จิ้นอีกครั้ง

มีข่าวว่า ไผ่ กับ ต่าย อรทัย คบกันอยู่?

“จริงๆ มันเป็นความรู้สึกของมุมมองของแต่ละคนมากกว่า อันนี้ต้องขอบคุณ แล้วก็ยินดีที่เราสองคนทำให้ทุกคนที่ชื่นชอบเรามีความสุข จริงๆ แล้วผมกับพี่ต่ายเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นพี่น้องกัน ชอบในลักษณะเดียวกัน เช่นชอบเล่นกีฬา มีเรื่องอะไรก็จะปรึกษากัน และที่สำคัญพี่ต่ายก็เป็นไอดอลผม

ผมชอบที่เค้าดำเนินชีวิตเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆ เราก็ดูวิธีการทำงานของเค้า ซึ่งเราชื่นชอบผลงานของเค้าอยู่แล้วครับ หลายคนจะมองว่าเราเป็นคู่จิ้นกัน เราเป็นคู่รักกัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด คนไม่มองก็ไม่ผิด คนมองก็ไม่ผิด ถ้ามีความสุขเรายินดี”

เอาจริงๆ ลุ้นขึ้นมั้ย?

“ผมว่าเรื่องอนาคตข้างหน้ามันก็มองไม่ออกว่ามันจะเป็นอะไร แต่อย่างตอนนี้พี่ต่ายเป็นคนที่ผมชื่นชอบเรื่องของบทเพลง แล้วก็วิธีการทำงานของเค้า การรักษามาตรฐานของเค้า ซึ่งอยากจะบอกว่า เค้าเป็นนักร้องหญิงคนหนึ่งที่มีมาตรฐานในการดูแลชีวิตสูงมากๆ เราก็นำเอามาใช้กับตัวเราเองด้วย”

pai tai

แต่เชื่อว่าหลายๆ คนก็ยังรอเห็นไผ่เปิดตัวแฟน?

“เดี๋ยวจะบอกครับ ไม่นานหรอกครับ อายุขนาดนี้แล้ว ก็คงอีกไม่นานจริงมั้ย มันปฏิเสธไม่ได้หรอก แฟนเพลงเค้ายังมีครอบครัว เราก็ต้องมีครอบครัว”

หรือจะบอกว่า "ข่าวคู่จิ้น" คือการตั้งใจโปรโมท จนนำไปสู่การทำอัลบั้มใหม่ล่าสุด ชุด มิตรภาพ ที่ออกคู่กันระหว่าง ไผ่ พงศธร และ ต่าย อรทัย นั้นเอง

หึย - ไผ่ พงศธร - ต่าย อรทัย (อัลบั้ม มิตรภาพ)

redline

backled1

isan word tip

isangate net 345x250

ppor blog 345x250

adv 345x200 1

นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)